“แสงแดด” ขอร่ายยาวต่อกับ “รัฐบาลสมัคร 1” ที่จะเดินหน้าเต็มสูบกันนับแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ “เชิงบวก-เชิงลบ” กันแบบครึ่งต่อครึ่ง บางกลุ่มอาจจะ “พอใจ-ถูกใจ” แต่บางกลุ่มก็อาจ “โห่!” ซึ่งก็ต้องบอกว่าจำนวน “เฮ-โห่!” น่าจะอยู่ในระดับ 50-50
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครกลุ่มไหนจะ “พอใจ-ถูกใจ” หรือไม่ก็ตาม แต่เราก็ต้องยอมรับว่า “กระบวนการ-ครรลองประชาธิปไตย” ได้เกิดขึ้นแล้ว จะ “ชอบธรรม” หรือไม่นั้น “พิสูจน์ไม่ได้!” แต่เราก็ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครบ 480 คนแล้ว ไม่ว่าจะ “ใบเหลือง-ใบแดง” กันอีกเท่าไหร่ หรือจะมีการ “ยุบพรรค” หรือไม่นั้น ก็คงต้อง “รอดูกันไป” แต่ “แสงแดด” ฟันธงเลยว่า “ยังไงๆ รัฐบาลนี้ก็ต้องอยู่ไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี อาจจะอยู่เกิน 2-3 ปีทีเดียว!”
แต่ก็ต้องขอฟันธงเพิ่มเติมว่า “สมัคร 1-2-3-4” เกิดขึ้นอย่างแน่นอนกับ “การปรับคณะรัฐมนตรี” ส่วน “ยุบสภา” นั้นก็มีสิทธิเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ในกรณีของ “การรวน-การป่วน” ของพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค
“รัฐบาลผสม” เราต่างตระหนักและรู้ดีกันว่า “การต่อรองผลประโยชน์” ในกรณีของ “โครงการ” ต่างๆ นั้น “แบ่งเค้ก” ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ถ้าทุกอย่างลงตัวก็ “สมานฉันท์” กันได้นาน แต่ถ้า “ผลประโยชน์ขัด!” เมื่อใด เมื่อนั้น “ปั่นป่วน!” ทันที
ทั้งนี้ “แสงแดด” ขอแนะนำเสนอว่า “รัฐมนตรี” ใดที่ “ไม่มีผลงาน!” มัวแต่ “เสวยอำนาจ” จนเป็น “เกียร์ว่าง!” เพียงแค่ “ลงทุนซื้อเก้าอี้!” อย่างเดียวนั้น จำต้อง “ปรับออก!” เนื่องด้วย “พรรคพลังประชาชน” โดยเฉพาะ “นายกฯ สมัคร” และ “คุณทักษิณ” ต้องการ “ผลงาน” เพื่อสร้าง “คะแนนนิยม” และแน่นอนที่สุดคือ “การเดินหน้าโครงการอภิมหาโปรเจกต์” ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “กระแส” ให้ติดลมบน และแน่นอนที่ต้องมี “กระสุน” มิใช่ “ติดปลายนวม” แต่ “ยัดอยู่ในนวม!”
“นโยบาย” ของรัฐบาลสมัคร 1 น่าจะแถลงกันได้ในสภาผู้แทนราษฎรไม่สัปดาห์นี้ ก็น่าจะสัปดาห์หน้า จะเรียก “ประชานิยม” หรือ “เพื่อประชาชน” ก็ตามแต่จะเรียก “แสงแดด” ว่า รัฐบาลนี้ค่อนข้างจะออกสตาร์ทแบบ “อ่อนน้อมถ่อมตน!” ตั้งแต่ต้น แต่อย่า “อหังการ” อย่างเดิม หรือ “ลุแก่อำนาจ-ผยอง” แบบเดิม เพราะจะถูก “โค่น-ล้ม” เอาง่ายๆ เหมือนในอดีต
ทั้ง นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช และโดยเฉพาะ รองนายกฯ สมชาย วงษ์สวัสดิ์ บุคลิกที่สุภาพ อ่อนโยน และสามารถประสานกับทุกฝ่ายได้ ส่วนนายกฯ สมัครนั้น “ติดดินดี!” และ “หลบฉาก-ไม่โฉ่งฉ่าง!” อย่างที่เคยเป็น เรียกว่า “สงบ!” ลงมากทีเดียว ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นที่ได้รับการไว้วางใจจากทุกสถาบัน
หลายๆ ฝ่ายอาจ “ดูหมิ่น-ดูแคลน” คุณสมัคร สุนทรเวช เมื่อทราบความชัดเจนว่าจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนมีการอุทาน “ยี้” กันถ้วนหน้า แล้วยิ่งมาได้คุณ “ยุทธตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกคนหนึ่ง ตบด้วย ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง นั่งเก้าอี้ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “มท.1” เข้าไปอีกคน เราต่างยอมรับว่า “ไม่น่าจะรับกันได้!”
นอกเหนือจากบรรดารายนามของคณะรัฐมนตรีที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ยังมี “รัฐมนตรีโนเนม-นอมินี” เรียกว่า “นอมินี” และอาจเรียกเลยเถิดไปด้วยว่า “รัฐบาลผัวเมีย!” ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือ “ร่างทรง” ของบรรดาผู้ที่ต้องติดอยู่บ้านเลขที่ 111 กันเสียส่วนใหญ่ การวิพากษ์วิจารณ์จึงออกมาในทางลบมากกว่าบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทีมเศรษฐกิจ” ที่อาจจะ “ผิดฝาผิดตัว!” โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนรัฐมนตรีพาณิชย์ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็ยังพอที่จะรับกันได้
ดูภาพรวมขององคาพยพทั้งหมดของ “รัฐบาลสมัคร 1” แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก จนนายกฯ สมัคร ต้องออกมาสารภาพว่า “ขี้เหร่!” ดูไม่สวยงามเป็นที่พอใจประชาชนที่คาดหวังมากกว่านี้ ซึ่งขอชื่นชมคุณสมัคร สุนทรเวช อีกครั้งที่ยอมรับความจริง
อย่างไรก็ดี ประชาชน ตลอดจน นักวิชาการและสื่อมวลชนต่างก็ยังให้ “กำลังใจ-รอพิสูจน์ผลงาน” ด้วยความใจจดใจจ่อ ไม่ได้ “จ้องถล่มจมดิน” ตั้งแต่ระฆังยกหนึ่งยังไม่ได้ตี แม้แต่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเราแทบทุกหน้า ก็ยังเพียงแค่ยืนกอดอกเฝ้าจับตาดู เรียกว่า ให้โอกาสมากทีเดียว เพราะอาจจะผิดหวังจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดก็ “กำหนดวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม” และ “การปรับโครงสร้างและฐานธรรมาภิบาล” ให้ได้มาตรฐานมากที่สุด โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันเวลาผ่านไปได้เพียง 10 กว่าวัน เป็นกรณีที่ไม่น่าเชื่อว่า “แสงแดด” เองก็ดี หรือแม้กระทั่งสื่อสารมวลชน ต่างเริ่มออกอาการ “ชม” คุณสมัคร สุนทรเวช อยู่ในใจว่า “น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีได้!” ไม่ว่าการให้สัมภาษณ์ของคุณสมัครต่อสื่อมวลชนไทยและเทศ การวางตัวที่ออกไปทางเรียบง่าย ไม่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ชอบการมีขบวนผู้ติดตามมาก เรียกว่า “ติดดิน” โดยเฉพาะการเดินตลาดจับจ่ายสินค้า พูดง่ายๆ คือ เคยปฏิบัติตนอย่างไรก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี พอเป็นนายกฯ แล้วก็ปฏิบัติตนเช่นเดิม
แต่ที่ “แสงแดด” ว่าน่าประทับใจก็คือ “นโยบาย-ไอเดีย-โครงการ” ที่ “พรั่งพรู-กระฉูด” ออกมาอย่างมาก ในกรณีของ “ระบบขนส่งมวลชน-สินค้า” ที่จะขยายและเพิ่มเส้นทาง ทั้งในใจกลางกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงรอบทิศ พร้อมทั้งจัดระบบรถไฟที่ต้องขอตรงไปตรงมาบอกว่า “คร่ำครึ-ล้าสมัย” เต็มประดาที่ 100 กว่าปีไม่เคยเปลี่ยน ความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้เพียงแค่ 60-80 กิโลเมตรต่อหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ในกรณีของ “รถไฟไทย!” นี้ คุณสมัคร สุนทรเวช ได้พูดปรารภไว้หลายครั้งหลายครานับร้อยครั้ง และพูดมาหลายสิบปี ดังนั้น “ความฝัน” ของคุณสมัคร ได้โปรดจงกระทำเสียแต่บัดนี้ เพราะคนเป็นถึงนายกรัฐมนตรีต้อง “กดปุ่ม!” มิเช่นนั้นก็จะไม่เกิด
ขอสรุปอีกครั้งว่า “แนวคิด” ของนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช เป็น “โอกาสทอง” ที่จะก่อให้เกิดขึ้นจริงได้แล้วกับ “ระบบขนส่งมวลชน-ระบบขนส่งสินค้า” ด้วย “ระบบราง” ที่ต้องสังคายนาและพัฒนาใหม่หมด ตลอดจนรถไฟที่จะเดินทาง “เหนือ-ใต้-ตะวันออก-ตะวันตก” ให้ได้ความเร็วมากกว่าเดิม และถ้าเป็นไปได้ “แสงแดด” อยากฝากนายกฯ สมัคร เพิ่มเติมถึง “ระบบรถไฟความเร็วสูง” หรือ “บูลเล็ตเทรนด์-ชินคันเซน” แบบในญี่ปุ่นหรือที่ยุโรป ที่ในอนาคตจะก่อให้เกิดการเดินทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ถามว่า เมื่อการเดินทางสะดวกรวดเร็ว ความเจริญทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา จะไม่กระจายไปทั่วประเทศหรือ มิใช่กระจุกอย่างในปัจจุบัน เท่านั้นยังไม่พอ “การกระจายรายได้” ก็จะเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่คงไม่สำคัญเท่ากับ “คุณภาพชีวิต” ของประชาชนจะได้ไม่แตกต่างกัน แบบฟ้ากับดินดั่งเช่นในปัจจุบัน
การลงทุนโครงการอภิมหาโปรเจกต์เช่นนี้ ว่าไปแล้วไม่น่ากังวลแต่ประการใดเลย ถ้าเปิดประมูลให้มี “การร่วมทุน” ภาครัฐกับภาคเอกชนได้ หรือให้ภาคเอกชนสัมปทานการลงทุนแบ่งรายได้คืนสู่รัฐในระยะเวลากี่ปี หรือให้บริษัทเอกชนต่างชาติร่วมทุนกับเอกชนไทย หรือไม่ก็ใช้ระบบเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างประเทศ ถามว่า “มันยากนักเหรอ!” คำตอบคือ “ไม่ยากเล๊ย!” เพียงแต่ “การทุบโต๊ะ!” เท่านั้นจากผู้นำที่ต้อง “ธรรมาภิบาล”
ส่วน “โครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง!” ก็เช่นเดียวกันเป็น โครงการที่ว่าไปแล้ว มีการพูดกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีใครกล้าตัดสินใจ เนื่องด้วยเกรงว่า ประชาชนชาวอีสานจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการศึกษาจน “ใช้เงินทุบหัวไม่ได้!”
นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช จะได้รับการสดุดีว่าเป็น “นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด” คนหนึ่งของประเทศไทย ถ้ามุ่งมั่นกับโอกาสทองที่ใฝ่ฝันมานาน จนมีการกล่าวขานเรียกว่า “จอมโปรเจกต์!” โดยนำโปรเจกต์ที่อัดอั้นมานาน นำมาดำเนินการให้สัมฤทธิผล
ประชาชนชาวไทย ตลอดจนนักลงทุนต่างชาติจะเกิดความเชื่อมั่น และดีไม่ดี คุณสมัคร จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบเทอม และประชาชนจะเรียกร้องให้อยู่นานๆ เพียงแต่ติดเงื่อนไข 2 ประการเท่านั้น กล่าวคือ อายุและการทุจริตคดโกงเท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครกลุ่มไหนจะ “พอใจ-ถูกใจ” หรือไม่ก็ตาม แต่เราก็ต้องยอมรับว่า “กระบวนการ-ครรลองประชาธิปไตย” ได้เกิดขึ้นแล้ว จะ “ชอบธรรม” หรือไม่นั้น “พิสูจน์ไม่ได้!” แต่เราก็ได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครบ 480 คนแล้ว ไม่ว่าจะ “ใบเหลือง-ใบแดง” กันอีกเท่าไหร่ หรือจะมีการ “ยุบพรรค” หรือไม่นั้น ก็คงต้อง “รอดูกันไป” แต่ “แสงแดด” ฟันธงเลยว่า “ยังไงๆ รัฐบาลนี้ก็ต้องอยู่ไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี อาจจะอยู่เกิน 2-3 ปีทีเดียว!”
แต่ก็ต้องขอฟันธงเพิ่มเติมว่า “สมัคร 1-2-3-4” เกิดขึ้นอย่างแน่นอนกับ “การปรับคณะรัฐมนตรี” ส่วน “ยุบสภา” นั้นก็มีสิทธิเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ในกรณีของ “การรวน-การป่วน” ของพรรคร่วมรัฐบาลอีก 5 พรรค
“รัฐบาลผสม” เราต่างตระหนักและรู้ดีกันว่า “การต่อรองผลประโยชน์” ในกรณีของ “โครงการ” ต่างๆ นั้น “แบ่งเค้ก” ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ถ้าทุกอย่างลงตัวก็ “สมานฉันท์” กันได้นาน แต่ถ้า “ผลประโยชน์ขัด!” เมื่อใด เมื่อนั้น “ปั่นป่วน!” ทันที
ทั้งนี้ “แสงแดด” ขอแนะนำเสนอว่า “รัฐมนตรี” ใดที่ “ไม่มีผลงาน!” มัวแต่ “เสวยอำนาจ” จนเป็น “เกียร์ว่าง!” เพียงแค่ “ลงทุนซื้อเก้าอี้!” อย่างเดียวนั้น จำต้อง “ปรับออก!” เนื่องด้วย “พรรคพลังประชาชน” โดยเฉพาะ “นายกฯ สมัคร” และ “คุณทักษิณ” ต้องการ “ผลงาน” เพื่อสร้าง “คะแนนนิยม” และแน่นอนที่สุดคือ “การเดินหน้าโครงการอภิมหาโปรเจกต์” ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “กระแส” ให้ติดลมบน และแน่นอนที่ต้องมี “กระสุน” มิใช่ “ติดปลายนวม” แต่ “ยัดอยู่ในนวม!”
“นโยบาย” ของรัฐบาลสมัคร 1 น่าจะแถลงกันได้ในสภาผู้แทนราษฎรไม่สัปดาห์นี้ ก็น่าจะสัปดาห์หน้า จะเรียก “ประชานิยม” หรือ “เพื่อประชาชน” ก็ตามแต่จะเรียก “แสงแดด” ว่า รัฐบาลนี้ค่อนข้างจะออกสตาร์ทแบบ “อ่อนน้อมถ่อมตน!” ตั้งแต่ต้น แต่อย่า “อหังการ” อย่างเดิม หรือ “ลุแก่อำนาจ-ผยอง” แบบเดิม เพราะจะถูก “โค่น-ล้ม” เอาง่ายๆ เหมือนในอดีต
ทั้ง นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช และโดยเฉพาะ รองนายกฯ สมชาย วงษ์สวัสดิ์ บุคลิกที่สุภาพ อ่อนโยน และสามารถประสานกับทุกฝ่ายได้ ส่วนนายกฯ สมัครนั้น “ติดดินดี!” และ “หลบฉาก-ไม่โฉ่งฉ่าง!” อย่างที่เคยเป็น เรียกว่า “สงบ!” ลงมากทีเดียว ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นที่ได้รับการไว้วางใจจากทุกสถาบัน
หลายๆ ฝ่ายอาจ “ดูหมิ่น-ดูแคลน” คุณสมัคร สุนทรเวช เมื่อทราบความชัดเจนว่าจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนมีการอุทาน “ยี้” กันถ้วนหน้า แล้วยิ่งมาได้คุณ “ยุทธตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกคนหนึ่ง ตบด้วย ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง นั่งเก้าอี้ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “มท.1” เข้าไปอีกคน เราต่างยอมรับว่า “ไม่น่าจะรับกันได้!”
นอกเหนือจากบรรดารายนามของคณะรัฐมนตรีที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ยังมี “รัฐมนตรีโนเนม-นอมินี” เรียกว่า “นอมินี” และอาจเรียกเลยเถิดไปด้วยว่า “รัฐบาลผัวเมีย!” ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือ “ร่างทรง” ของบรรดาผู้ที่ต้องติดอยู่บ้านเลขที่ 111 กันเสียส่วนใหญ่ การวิพากษ์วิจารณ์จึงออกมาในทางลบมากกว่าบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทีมเศรษฐกิจ” ที่อาจจะ “ผิดฝาผิดตัว!” โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนรัฐมนตรีพาณิชย์ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็ยังพอที่จะรับกันได้
ดูภาพรวมขององคาพยพทั้งหมดของ “รัฐบาลสมัคร 1” แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก จนนายกฯ สมัคร ต้องออกมาสารภาพว่า “ขี้เหร่!” ดูไม่สวยงามเป็นที่พอใจประชาชนที่คาดหวังมากกว่านี้ ซึ่งขอชื่นชมคุณสมัคร สุนทรเวช อีกครั้งที่ยอมรับความจริง
อย่างไรก็ดี ประชาชน ตลอดจน นักวิชาการและสื่อมวลชนต่างก็ยังให้ “กำลังใจ-รอพิสูจน์ผลงาน” ด้วยความใจจดใจจ่อ ไม่ได้ “จ้องถล่มจมดิน” ตั้งแต่ระฆังยกหนึ่งยังไม่ได้ตี แม้แต่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเราแทบทุกหน้า ก็ยังเพียงแค่ยืนกอดอกเฝ้าจับตาดู เรียกว่า ให้โอกาสมากทีเดียว เพราะอาจจะผิดหวังจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดก็ “กำหนดวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม” และ “การปรับโครงสร้างและฐานธรรมาภิบาล” ให้ได้มาตรฐานมากที่สุด โดยเฉพาะ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันเวลาผ่านไปได้เพียง 10 กว่าวัน เป็นกรณีที่ไม่น่าเชื่อว่า “แสงแดด” เองก็ดี หรือแม้กระทั่งสื่อสารมวลชน ต่างเริ่มออกอาการ “ชม” คุณสมัคร สุนทรเวช อยู่ในใจว่า “น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีได้!” ไม่ว่าการให้สัมภาษณ์ของคุณสมัครต่อสื่อมวลชนไทยและเทศ การวางตัวที่ออกไปทางเรียบง่าย ไม่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ชอบการมีขบวนผู้ติดตามมาก เรียกว่า “ติดดิน” โดยเฉพาะการเดินตลาดจับจ่ายสินค้า พูดง่ายๆ คือ เคยปฏิบัติตนอย่างไรก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี พอเป็นนายกฯ แล้วก็ปฏิบัติตนเช่นเดิม
แต่ที่ “แสงแดด” ว่าน่าประทับใจก็คือ “นโยบาย-ไอเดีย-โครงการ” ที่ “พรั่งพรู-กระฉูด” ออกมาอย่างมาก ในกรณีของ “ระบบขนส่งมวลชน-สินค้า” ที่จะขยายและเพิ่มเส้นทาง ทั้งในใจกลางกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงรอบทิศ พร้อมทั้งจัดระบบรถไฟที่ต้องขอตรงไปตรงมาบอกว่า “คร่ำครึ-ล้าสมัย” เต็มประดาที่ 100 กว่าปีไม่เคยเปลี่ยน ความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้เพียงแค่ 60-80 กิโลเมตรต่อหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ในกรณีของ “รถไฟไทย!” นี้ คุณสมัคร สุนทรเวช ได้พูดปรารภไว้หลายครั้งหลายครานับร้อยครั้ง และพูดมาหลายสิบปี ดังนั้น “ความฝัน” ของคุณสมัคร ได้โปรดจงกระทำเสียแต่บัดนี้ เพราะคนเป็นถึงนายกรัฐมนตรีต้อง “กดปุ่ม!” มิเช่นนั้นก็จะไม่เกิด
ขอสรุปอีกครั้งว่า “แนวคิด” ของนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช เป็น “โอกาสทอง” ที่จะก่อให้เกิดขึ้นจริงได้แล้วกับ “ระบบขนส่งมวลชน-ระบบขนส่งสินค้า” ด้วย “ระบบราง” ที่ต้องสังคายนาและพัฒนาใหม่หมด ตลอดจนรถไฟที่จะเดินทาง “เหนือ-ใต้-ตะวันออก-ตะวันตก” ให้ได้ความเร็วมากกว่าเดิม และถ้าเป็นไปได้ “แสงแดด” อยากฝากนายกฯ สมัคร เพิ่มเติมถึง “ระบบรถไฟความเร็วสูง” หรือ “บูลเล็ตเทรนด์-ชินคันเซน” แบบในญี่ปุ่นหรือที่ยุโรป ที่ในอนาคตจะก่อให้เกิดการเดินทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ถามว่า เมื่อการเดินทางสะดวกรวดเร็ว ความเจริญทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา จะไม่กระจายไปทั่วประเทศหรือ มิใช่กระจุกอย่างในปัจจุบัน เท่านั้นยังไม่พอ “การกระจายรายได้” ก็จะเกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่คงไม่สำคัญเท่ากับ “คุณภาพชีวิต” ของประชาชนจะได้ไม่แตกต่างกัน แบบฟ้ากับดินดั่งเช่นในปัจจุบัน
การลงทุนโครงการอภิมหาโปรเจกต์เช่นนี้ ว่าไปแล้วไม่น่ากังวลแต่ประการใดเลย ถ้าเปิดประมูลให้มี “การร่วมทุน” ภาครัฐกับภาคเอกชนได้ หรือให้ภาคเอกชนสัมปทานการลงทุนแบ่งรายได้คืนสู่รัฐในระยะเวลากี่ปี หรือให้บริษัทเอกชนต่างชาติร่วมทุนกับเอกชนไทย หรือไม่ก็ใช้ระบบเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างประเทศ ถามว่า “มันยากนักเหรอ!” คำตอบคือ “ไม่ยากเล๊ย!” เพียงแต่ “การทุบโต๊ะ!” เท่านั้นจากผู้นำที่ต้อง “ธรรมาภิบาล”
ส่วน “โครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง!” ก็เช่นเดียวกันเป็น โครงการที่ว่าไปแล้ว มีการพูดกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีใครกล้าตัดสินใจ เนื่องด้วยเกรงว่า ประชาชนชาวอีสานจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการศึกษาจน “ใช้เงินทุบหัวไม่ได้!”
นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช จะได้รับการสดุดีว่าเป็น “นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด” คนหนึ่งของประเทศไทย ถ้ามุ่งมั่นกับโอกาสทองที่ใฝ่ฝันมานาน จนมีการกล่าวขานเรียกว่า “จอมโปรเจกต์!” โดยนำโปรเจกต์ที่อัดอั้นมานาน นำมาดำเนินการให้สัมฤทธิผล
ประชาชนชาวไทย ตลอดจนนักลงทุนต่างชาติจะเกิดความเชื่อมั่น และดีไม่ดี คุณสมัคร จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบเทอม และประชาชนจะเรียกร้องให้อยู่นานๆ เพียงแต่ติดเงื่อนไข 2 ประการเท่านั้น กล่าวคือ อายุและการทุจริตคดโกงเท่านั้น!