"เอ็นจีโอ-เครือข่ายผู้ป่วยทั่วโลก" ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงปลุกสำนึก “ไชยา” เลิกซีแอลยามะเร็ง พร้อมระดมบุกทำเนียบฯ ขอฟังท่าทีของรัฐบาลหมักวันนี้ “หมอประเวศ” ขอคิดถึงคนจน ลั่นบริษัทยาควรไถ่บาปบ้าง ขณะที่เจ้ากระทรวงพลิกลิ้นบอกต้องรอประกาศนโยบายรัฐบาลก่อนถึงตัดสินใจ ส่วนเรื่อง “ลูกเหลิม” ชี้เป็น “องคุลิมาล” กลับใจทำงานเพื่อสังคม เตรียมจับเป็นพรีเซ็นเตอร์เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ ด้าน “ชวรัตน์” งงไม่รู้มาได้ไง สงสัยพรรคส่งมา
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะทบทวนการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) นั้น ถือเป็นการคุยกันนอกรอบเท่านั้น เพราะคงต้องรอให้มีการประกาศนโยบายของรัฐบาลก่อน จากนั้นจึงจะมีความชัดเจน โดยจะขอความเห็นจากคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 ก.พ.หากไม่ทันก็จะนำเข้าในวันที่ 19 ก.พ. นี้
อย่างไรก็ตาม จะต้องรีบตัดสินใจภายในวันที่ 30 มี.ค.นี้ ตามกำหนดกรอบเวลาที่สหรัฐฯให้ไว้ เนื่องจากวันที่ 30 เม.ย.สมาคมผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) จะมีการประกาศรายชื่อประเทศที่ถูกจับตามองเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรเป็นพิเศษ (PWL) และประเทศที่มีการละเมิดสิทธิบัตรขั้นรุนแรง (PFC)
“ยังไม่เคยบอกใครว่าจะเลิกทำซีแอล พูดเพียงการทบทวน และบอกสาเหตุที่ต้องทบทวนมาจากอะไรเท่านั้น โดยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งหากครม.มีมติยกเลิกการทำซีแอล รัฐบาลก็ต้องมีทางออกในการแก้ไขในการเข้าถึงยาแพงให้ผู้ป่วยว่าสธ.จะทำอย่างไร”นายไชยากล่าว
ยันทุกฝ่ายต้องวินวิน
นายไชยากล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับการทำซีแอลในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย เพราะจะได้มีอำนาจในการพูดคุย แต่เมื่อประกาศก็ต้องเตรียมใจว่าอะไรเกิดมันต้องเกิด อย่างไรก็ดี คงต้องทำให้ทุกฝ่ายวินวินทั้งคู่ ไม่ให้ข้างใดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“วันนี้ยังไม่เห็นว่าการทบทวนการทำซีแอลจะกระทบกับผู้ป่วย หรือมีผู้ป่วยมะเร็งที่ไหนที่นอนพะงาบๆ จากการเข้าไม่ถึงยาหรือการทบทวนซีแอลเพราะผู้ป่วยยังได้รับการรักษายามะเร็ง ถ้าผมทบทวนซีแอลแล้ว มีผู้ป่วยเสียชีวิต ผมก็จะถูกตำหนิได้”นายไชยากล่าว
หมอประเวศชี้อย่าเพิ่งเลิกซีแอล
นพ.ประเวศ วะสี ในฐานะราษฎรอาวุโส กล่าวว่า ปัญหาการเข้าถึงยาเป็นเรื่องใหญ่ของโลก ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีกว้าหน้าสามารถพัฒนายาใหม่ๆ แต่กลับมีราคาแพง ทำให้คนจนเข้าไม่ถึงยาและการวิจัยยาใหม่ๆ มักจะวิจัยเฉพาะโรคคนรวยเท่านั้น ขณะที่โรคสำหรับคนจนมีน้อยมาก ดังนั้นจะต้องช่วยกันทำให้คนจนเข้าถึงยาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งรมว.สธ. คนใหม่ที่จะทบทวนการทำซีแอลยามะเร็งนั้น ควรจะคิดถึงคนจนก่อน อย่าเพิ่งไปยกเลิกการทำซีแอล
“ได้อ่านหนังสือกระชากหน้ากากบริษัทยา เห็นว่ามีตัวเลขกำไรมากเกินไป ไม่ใช่ว่าไม่ให้มีกำไรเลยแต่ควรจะให้พอสมควร ประเทศที่พัฒนาแล้วร่ำรวยสะสมทุนจากการปล้นทรัพยากรคนอื่น บ้านเมืองอื่น ยึดทรัพย์เขามา ก็ควรจะไถ่บาปด้วยการให้เทคโนโลยี-ยากับประเทศยากจนบ้าง ควรมีจิตสำนึกใหม่ และมีความเจริญมากกว่านี้” นพ.ประเวศกล่าว
ภาคประชาชนขอร่วมตัดสิน
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ได้มีการหารือกับเครือข่ายผู้ติดเชื้อ โดยมีข้อสรุปว่า จะรอฟังผลการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากเห็นสมควรว่าจะต้องมีการทบทวนประกาศมาตรการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ก็จะขอให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ไม่ใช่มีรัฐมนตรีกับบริษัทยาเท่านั้น
ส่วนภาคประชาชนจะมีเดินขบวนเรียกร้องหรือไม่ นายนิมิตร์กล่าวว่าคงต้องรอดูสถานการณ์ขณะนั้นก่อน เพราะหากจะมายกเลิกการทำซีแอลภาคประชาชนคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ
ทั่วโลกส่ง จม.เปิดผนึกจวกไชยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (11 ก.พ.) อ็อกแฟมร่วมกับ องค์การหมอไร้พรมแดน เบลเยี่ยม (ประเทศไทย) พร้อมด้วย 31 องค์กรด้านการเข้าถึงการรักษา,สถาบันการศึกษา และเครือข่ายผู้ป่วยทั่วโลกได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายไชยา สะสมทรัพย์ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้ยึดมั่นนโยบายการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาจำเป็นอย่างทั่วถึงของคนไทยโดยเฉพาะการบังคับใช้สิทธิซีแอล
ทั้งนี้ สาระสำคัญในจดหมายฉบับดังกล่าวถามถึงจุดยืนของสธ.และรัฐบาลชุดใหม่ในเชิงนโยบายที่จะนำมาปฎิบัติเพื่อทำให้ประชาชนไทยมีโอกาสเข้าถึงยาจำเป็นอย่างทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอความชัดเจนในท่าทีของรัฐบาลใหม่ต่อมาตรการบังคับใช้สิทธิฯ ซึ่งรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ประกาศใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมาตรการบังคับใช้สิทธิฯ เป็นมาตรการทางกฎหมายที่มีความสำคัญและมีประสิทธิภาพยิ่งในการปรับปรุงการเข้าถึงยารักษาโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรงที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ที่สำคัญคือมีข้อพิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามาตรการบังคับใช้สิทธิฯ ซึ่งจะช่วยสร้างดุลยภาพให้เกิดขึ้นและช่วยจำกัดการผูกขาดตลาดและช่วยให้รัฐบาลสามารถยืนหยัดแสดงความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญในการส่งเสริมความเสมอภาคและปกป้องการสาธารณสุขของประเทศ
จดหมายยังระบุด้วยว่า ข้อสำคัญอีกประการคือ การที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชื่อสามัญราคาถูกที่นำเข้าภายใต้มาตรการบังคับใช้สิทธิฯ นั้น ช่วยให้สามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้อย่างมากและทำให้ สปสช. สามารถให้บริการยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ก่อผลข้างเคียงทางยาน้อยและง่ายต่อการติดตามการรักษาแก่ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ได้อีกเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเงินงบประมาณที่สามารถประหยัดได้นี้ยังช่วยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถขยายสิทธิประโยชน์ครอบคลุมผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่นโรคไตได้อีกด้วย
“การแก้ไขปัญหาการเข้าถึงยาจำเป็นประการแรกสุดนั้นจำต้องอาศัยความมุ่งมั่นของรัฐบาล พวกเราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลชุดนี้จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพร้อมกับจัดทำแผนยุทธศาสตร์ใหม่ๆ รูปแบบวิธีการอื่นๆ เพื่อใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการขยายการเข้าถึงยาอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมาตรการการบังคับใช้สิทธิฯ ยังควรนำมาใช้ประกอบในแผนดังกล่าวด้วยเช่นกัน”จดหมายระบุ
ตอนท้ายของจดหมายบอกด้วยว่า เวลานี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่างรอคอยให้มีการนำเข้ายาชื่อสามัญราคาถูกของยาต้านมะเร็งสามรายการที่ติดสิทธิบัตรและมีราคาแพงจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐมนตรีให้คำรับรองว่าผู้ป่วยเหล่านี้รวมถึงผู้ป่วยด้วยโรคอื่นๆจะไม่ต้องประสบกับความเดือดร้อนยากลำบากอันเป็นผลพวงมาจากการที่ยาจำเป็นต่อชีวิตติดสิทธิบัตรและมีราคาแพงเกินไป
อนึ่ง วันนี้ (12 ก.พ.) เวลา 9.00 น. เครือข่ายผู้ติดเชื้อ พร้อมเครือข่ายผู้ป่วยอื่นๆ และเครือข่ายผู้บริโภค นัดชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อรอฟังท่าทีของรัฐบาลต่อมาตรการบังคับใช้สิทธิ
"ลูกเหลิม"พรีเซ็นเตอร์เลิกเหล้า-บุหรี่
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทราบข่าวเกี่ยวกับที่นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขานุการของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สธ.ว่า ในความรู้สึกส่วนตัว เคยดูเรื่ององคุลีมาลหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาความเป็นเด็กอาจทำให้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อมีวุฒิภาวะมากขึ้นก็อยากทำงานเพื่อช่วยสังคม โดยหากทำตัวไม่ดีเชื่อว่าสังคมก็รับไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าทุกคนจะให้อภัย เพราะคนไทยเป็นคนชอบให้อภัย
“ที่ผ่านมาสังคมมองภาพเด็กคนนี้ไปต่างๆ นานาจนน่ากลัว เท่าที่ผมรู้จักเด็กคนนี้มีสัมมาคารวะ และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่ได้ฝากฝังอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ใช่เลขานุการ รมว.สาธารณสุข แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์เรื่องเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ จะได้ไม่เสียแรงที่มาทำงาน สธ. ทั้งนี้จะนำรายชื่อเลขานุการ รมว.สธ. และรมช.สธ. เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 18 ก.พ.”นายไชยา กล่าว
"ชวรัตน์"งงไม่รู้มาได้ไง สงสัยพรรคสั่ง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่นายวัน อยู่บำรุง จะมาเป็นเลขานุการ รมช.สธ. และยังไม่เห็นหนังสือแต่งตั้งจากพรรคพลังประชาชนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้ทาบทามใครให้มาเป็นเลขานุการของตน ซึ่งกระแสข่าวที่ระบุว่านายวัน อยู่บำรุง จะมาเป็นเลขานุการของตนนั้น คงเป็นการวินิจฉัยของพรรค เพราะตนร้างเวทีมานานแล้ว และที่ผ่านมาก็วางตัวเป็นกลางในพรรคมาตลอด
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะทบทวนการประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) นั้น ถือเป็นการคุยกันนอกรอบเท่านั้น เพราะคงต้องรอให้มีการประกาศนโยบายของรัฐบาลก่อน จากนั้นจึงจะมีความชัดเจน โดยจะขอความเห็นจากคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 ก.พ.หากไม่ทันก็จะนำเข้าในวันที่ 19 ก.พ. นี้
อย่างไรก็ตาม จะต้องรีบตัดสินใจภายในวันที่ 30 มี.ค.นี้ ตามกำหนดกรอบเวลาที่สหรัฐฯให้ไว้ เนื่องจากวันที่ 30 เม.ย.สมาคมผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) จะมีการประกาศรายชื่อประเทศที่ถูกจับตามองเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรเป็นพิเศษ (PWL) และประเทศที่มีการละเมิดสิทธิบัตรขั้นรุนแรง (PFC)
“ยังไม่เคยบอกใครว่าจะเลิกทำซีแอล พูดเพียงการทบทวน และบอกสาเหตุที่ต้องทบทวนมาจากอะไรเท่านั้น โดยยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งหากครม.มีมติยกเลิกการทำซีแอล รัฐบาลก็ต้องมีทางออกในการแก้ไขในการเข้าถึงยาแพงให้ผู้ป่วยว่าสธ.จะทำอย่างไร”นายไชยากล่าว
ยันทุกฝ่ายต้องวินวิน
นายไชยากล่าวด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับการทำซีแอลในระดับหนึ่ง ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย เพราะจะได้มีอำนาจในการพูดคุย แต่เมื่อประกาศก็ต้องเตรียมใจว่าอะไรเกิดมันต้องเกิด อย่างไรก็ดี คงต้องทำให้ทุกฝ่ายวินวินทั้งคู่ ไม่ให้ข้างใดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“วันนี้ยังไม่เห็นว่าการทบทวนการทำซีแอลจะกระทบกับผู้ป่วย หรือมีผู้ป่วยมะเร็งที่ไหนที่นอนพะงาบๆ จากการเข้าไม่ถึงยาหรือการทบทวนซีแอลเพราะผู้ป่วยยังได้รับการรักษายามะเร็ง ถ้าผมทบทวนซีแอลแล้ว มีผู้ป่วยเสียชีวิต ผมก็จะถูกตำหนิได้”นายไชยากล่าว
หมอประเวศชี้อย่าเพิ่งเลิกซีแอล
นพ.ประเวศ วะสี ในฐานะราษฎรอาวุโส กล่าวว่า ปัญหาการเข้าถึงยาเป็นเรื่องใหญ่ของโลก ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีกว้าหน้าสามารถพัฒนายาใหม่ๆ แต่กลับมีราคาแพง ทำให้คนจนเข้าไม่ถึงยาและการวิจัยยาใหม่ๆ มักจะวิจัยเฉพาะโรคคนรวยเท่านั้น ขณะที่โรคสำหรับคนจนมีน้อยมาก ดังนั้นจะต้องช่วยกันทำให้คนจนเข้าถึงยาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งรมว.สธ. คนใหม่ที่จะทบทวนการทำซีแอลยามะเร็งนั้น ควรจะคิดถึงคนจนก่อน อย่าเพิ่งไปยกเลิกการทำซีแอล
“ได้อ่านหนังสือกระชากหน้ากากบริษัทยา เห็นว่ามีตัวเลขกำไรมากเกินไป ไม่ใช่ว่าไม่ให้มีกำไรเลยแต่ควรจะให้พอสมควร ประเทศที่พัฒนาแล้วร่ำรวยสะสมทุนจากการปล้นทรัพยากรคนอื่น บ้านเมืองอื่น ยึดทรัพย์เขามา ก็ควรจะไถ่บาปด้วยการให้เทคโนโลยี-ยากับประเทศยากจนบ้าง ควรมีจิตสำนึกใหม่ และมีความเจริญมากกว่านี้” นพ.ประเวศกล่าว
ภาคประชาชนขอร่วมตัดสิน
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ได้มีการหารือกับเครือข่ายผู้ติดเชื้อ โดยมีข้อสรุปว่า จะรอฟังผลการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากเห็นสมควรว่าจะต้องมีการทบทวนประกาศมาตรการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ก็จะขอให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ไม่ใช่มีรัฐมนตรีกับบริษัทยาเท่านั้น
ส่วนภาคประชาชนจะมีเดินขบวนเรียกร้องหรือไม่ นายนิมิตร์กล่าวว่าคงต้องรอดูสถานการณ์ขณะนั้นก่อน เพราะหากจะมายกเลิกการทำซีแอลภาคประชาชนคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ
ทั่วโลกส่ง จม.เปิดผนึกจวกไชยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (11 ก.พ.) อ็อกแฟมร่วมกับ องค์การหมอไร้พรมแดน เบลเยี่ยม (ประเทศไทย) พร้อมด้วย 31 องค์กรด้านการเข้าถึงการรักษา,สถาบันการศึกษา และเครือข่ายผู้ป่วยทั่วโลกได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายไชยา สะสมทรัพย์ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้ยึดมั่นนโยบายการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงยาจำเป็นอย่างทั่วถึงของคนไทยโดยเฉพาะการบังคับใช้สิทธิซีแอล
ทั้งนี้ สาระสำคัญในจดหมายฉบับดังกล่าวถามถึงจุดยืนของสธ.และรัฐบาลชุดใหม่ในเชิงนโยบายที่จะนำมาปฎิบัติเพื่อทำให้ประชาชนไทยมีโอกาสเข้าถึงยาจำเป็นอย่างทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอความชัดเจนในท่าทีของรัฐบาลใหม่ต่อมาตรการบังคับใช้สิทธิฯ ซึ่งรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ประกาศใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมาตรการบังคับใช้สิทธิฯ เป็นมาตรการทางกฎหมายที่มีความสำคัญและมีประสิทธิภาพยิ่งในการปรับปรุงการเข้าถึงยารักษาโรคเรื้อรังและโรคร้ายแรงที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ที่สำคัญคือมีข้อพิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามาตรการบังคับใช้สิทธิฯ ซึ่งจะช่วยสร้างดุลยภาพให้เกิดขึ้นและช่วยจำกัดการผูกขาดตลาดและช่วยให้รัฐบาลสามารถยืนหยัดแสดงความรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญในการส่งเสริมความเสมอภาคและปกป้องการสาธารณสุขของประเทศ
จดหมายยังระบุด้วยว่า ข้อสำคัญอีกประการคือ การที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีชื่อสามัญราคาถูกที่นำเข้าภายใต้มาตรการบังคับใช้สิทธิฯ นั้น ช่วยให้สามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้อย่างมากและทำให้ สปสช. สามารถให้บริการยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ก่อผลข้างเคียงทางยาน้อยและง่ายต่อการติดตามการรักษาแก่ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ได้อีกเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเงินงบประมาณที่สามารถประหยัดได้นี้ยังช่วยให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถขยายสิทธิประโยชน์ครอบคลุมผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่นโรคไตได้อีกด้วย
“การแก้ไขปัญหาการเข้าถึงยาจำเป็นประการแรกสุดนั้นจำต้องอาศัยความมุ่งมั่นของรัฐบาล พวกเราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลชุดนี้จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นพร้อมกับจัดทำแผนยุทธศาสตร์ใหม่ๆ รูปแบบวิธีการอื่นๆ เพื่อใช้เป็นแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการขยายการเข้าถึงยาอย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมาตรการการบังคับใช้สิทธิฯ ยังควรนำมาใช้ประกอบในแผนดังกล่าวด้วยเช่นกัน”จดหมายระบุ
ตอนท้ายของจดหมายบอกด้วยว่า เวลานี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่างรอคอยให้มีการนำเข้ายาชื่อสามัญราคาถูกของยาต้านมะเร็งสามรายการที่ติดสิทธิบัตรและมีราคาแพงจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐมนตรีให้คำรับรองว่าผู้ป่วยเหล่านี้รวมถึงผู้ป่วยด้วยโรคอื่นๆจะไม่ต้องประสบกับความเดือดร้อนยากลำบากอันเป็นผลพวงมาจากการที่ยาจำเป็นต่อชีวิตติดสิทธิบัตรและมีราคาแพงเกินไป
อนึ่ง วันนี้ (12 ก.พ.) เวลา 9.00 น. เครือข่ายผู้ติดเชื้อ พร้อมเครือข่ายผู้ป่วยอื่นๆ และเครือข่ายผู้บริโภค นัดชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อรอฟังท่าทีของรัฐบาลต่อมาตรการบังคับใช้สิทธิ
"ลูกเหลิม"พรีเซ็นเตอร์เลิกเหล้า-บุหรี่
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทราบข่าวเกี่ยวกับที่นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขานุการของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สธ.ว่า ในความรู้สึกส่วนตัว เคยดูเรื่ององคุลีมาลหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาความเป็นเด็กอาจทำให้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อมีวุฒิภาวะมากขึ้นก็อยากทำงานเพื่อช่วยสังคม โดยหากทำตัวไม่ดีเชื่อว่าสังคมก็รับไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าทุกคนจะให้อภัย เพราะคนไทยเป็นคนชอบให้อภัย
“ที่ผ่านมาสังคมมองภาพเด็กคนนี้ไปต่างๆ นานาจนน่ากลัว เท่าที่ผมรู้จักเด็กคนนี้มีสัมมาคารวะ และมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่ได้ฝากฝังอะไรทั้งนั้น เพราะไม่ใช่เลขานุการ รมว.สาธารณสุข แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์เรื่องเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ จะได้ไม่เสียแรงที่มาทำงาน สธ. ทั้งนี้จะนำรายชื่อเลขานุการ รมว.สธ. และรมช.สธ. เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีภายหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 18 ก.พ.”นายไชยา กล่าว
"ชวรัตน์"งงไม่รู้มาได้ไง สงสัยพรรคสั่ง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องที่นายวัน อยู่บำรุง จะมาเป็นเลขานุการ รมช.สธ. และยังไม่เห็นหนังสือแต่งตั้งจากพรรคพลังประชาชนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้ทาบทามใครให้มาเป็นเลขานุการของตน ซึ่งกระแสข่าวที่ระบุว่านายวัน อยู่บำรุง จะมาเป็นเลขานุการของตนนั้น คงเป็นการวินิจฉัยของพรรค เพราะตนร้างเวทีมานานแล้ว และที่ผ่านมาก็วางตัวเป็นกลางในพรรคมาตลอด
