นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยื่นขอคำปรึกษาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณี ส.ส.เป็นเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจะทราบคำตอบเรื่องดังกล่าวจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการประชุม ครม.วันนี้ หรือไม่ เนื่องจากไม่ได้กำหนดระยะเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะตั้ง ส.ส.มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อให้เกิดกรณีตัวอย่างนำเรื่องยื่นให้ตุลาการรัฐธรรมนูญตีความ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้สอบถาม แต่ละพรรคในที่ประชุม ครม. เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา ไม่มีพรรคใดตั้ง ส.ส. เพราะจะทำให้ ส.ส.ขาดสมาชิกภาพ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนชัดเจนว่า ห้ามดำรงตำแหน่งในหน่วยงานของรัฐ หรือราชการ อย่างไรก็ตาม พรรคมีบุคลากรเป็นจำนวนมาก เช่น อดีต ส.ส.ที่ไม่ลงเลือกตั้งครั้งนี้ บุคคลที่สอบตกในการเลือกตั้งครั้ง
ที่ผ่านมา คาดว่าการประชุมครม.วันนี้ จะมีรายชื่อเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี นำเสนอเข้ามาในที่ประชุม ครม.ในส่วนพรรคพลังประชาชนได้รายชื่อครบหมดแล้ว และจะนำรายชื่อทั้งหมดให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบ ประวัติ เพื่อนำเสนอครม.พิจารณาแต่งตั้ง
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว การเตรียมแก้ไขร่าง พ.ร.บ. กว่า 30 ฉบับ ที่ยังคงค้างอยู่ในคณะกรรมการกฤษฎีกา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า ขณะนี้รัฐบาลคงจะยังไม่เข้าไปแตะต้อง ร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับ เนื่องจากขณะนี้ได้เตรียมส่งเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนั้น ๆพิจารณาก่อนที่จะเสนอมายังนายกรัฐมนตรี
" ขณะที่กฎหมายที่ผ่านไปแล้วคงยังไม่มีการแก้ไข ส่วนร่างกฎหมายที่ยังคงค้างอยู่ที่สภาฯนั้น คงจะต้องดูระเบียบอื่นๆ รวมทั้งต้องดูกฎหมายฉบับนั้นๆเป็นพิเศษ" นายชูศักดิ์ กล่าว
**ไม่ห้ามคนบ้านเลขที่111นั่งที่ปรึกษา
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.จะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งอาจจะขัดต่อ มาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ ว่า หากดำรงตำแหน่งจริง ต้องพ้นจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ กกต. เพราะกกต.หน้าที่เพียงการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องการวินิจฉัย หรือการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด จึงถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพิจารณา แต่หากมีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาภายหลัง ก็ค่อยว่ากันอีกที ส่วน การที่พรรคการเมืองจะส่งเรื่องนี้ให้ กกต. พิจารณา ก็ถือว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นจะให้แนะนำคงไม่ได้ ต้องไปอ่านกันเอง เพราะรัฐบาล ก็มีคณะทำงานด้านกฎหมายอยู่แล้ว
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ว่า รัฐบาลอาจนำอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง มาเป็นที่ปรึกษาว่า ก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.เช่นกัน แต่เป็นหน้าที่ของผู้ที่จะแต่งตั้งที่จะต้องทำตามกฎหมาย โดยสิ่งที่ กกต.ห้ามไม่ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทำ คือ การช่วยหาเสียง การเป็นกรรมการบริหารพรรค และการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้จึงถือว่าเลยขั้นตอนที่ กกต. ห้ามไปแล้ว
**ล้างทายาท คมช. พ้นปธ.บอร์ด
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลชุดนี้ได้เริ่มเข้ามาบริหารประเทศเพื่อฟื้นฟูประเทศ และกู้วิกฤติเศรษฐกิจ แต่การบริหารประเทศจะเดินหน้าได้อย่างราบรื่นประ ธานบอร์ดองค์กรรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรต่างๆ ที่มาจาก คมช. หรือรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมารยาทแล้วจะต้องลาออก ทั้งบอร์ดการบินไทย บอร์ดการรถไฟ เนื่องจากที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลขิงแก่ไม่สามารถบริหารประเทศชาติให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ บริหารล้มเหลว หากบอร์ดเหล่านี้ยังดันทุรังอยู่ต่อไป จะทำให้รัฐมนตรีบริหารงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ลาออกเพื่อเปิดให้รัฐมนตรีเลือกคนที่มีฝีมือ และทำงานเข้าขากันเข้ามาบริหารองค์กรเหล่านั้นแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการเปิดช่องให้ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง เข้ามาเป็นประธานบอร์ด องค์กรต่างๆใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่ตามมารยาทเมื่อตำแหน่งเหล่านั้นมาโดยการเมือง ก็ต้องไปโดยการเมือง เพราะปล่อยให้นั่งเสวยสุขมาปีกว่าแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะตั้ง ส.ส.มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อให้เกิดกรณีตัวอย่างนำเรื่องยื่นให้ตุลาการรัฐธรรมนูญตีความ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้สอบถาม แต่ละพรรคในที่ประชุม ครม. เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา ไม่มีพรรคใดตั้ง ส.ส. เพราะจะทำให้ ส.ส.ขาดสมาชิกภาพ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเขียนชัดเจนว่า ห้ามดำรงตำแหน่งในหน่วยงานของรัฐ หรือราชการ อย่างไรก็ตาม พรรคมีบุคลากรเป็นจำนวนมาก เช่น อดีต ส.ส.ที่ไม่ลงเลือกตั้งครั้งนี้ บุคคลที่สอบตกในการเลือกตั้งครั้ง
ที่ผ่านมา คาดว่าการประชุมครม.วันนี้ จะมีรายชื่อเลขานุการ และที่ปรึกษารัฐมนตรี นำเสนอเข้ามาในที่ประชุม ครม.ในส่วนพรรคพลังประชาชนได้รายชื่อครบหมดแล้ว และจะนำรายชื่อทั้งหมดให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบ ประวัติ เพื่อนำเสนอครม.พิจารณาแต่งตั้ง
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว การเตรียมแก้ไขร่าง พ.ร.บ. กว่า 30 ฉบับ ที่ยังคงค้างอยู่ในคณะกรรมการกฤษฎีกา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า ขณะนี้รัฐบาลคงจะยังไม่เข้าไปแตะต้อง ร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับ เนื่องจากขณะนี้ได้เตรียมส่งเรื่องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนั้น ๆพิจารณาก่อนที่จะเสนอมายังนายกรัฐมนตรี
" ขณะที่กฎหมายที่ผ่านไปแล้วคงยังไม่มีการแก้ไข ส่วนร่างกฎหมายที่ยังคงค้างอยู่ที่สภาฯนั้น คงจะต้องดูระเบียบอื่นๆ รวมทั้งต้องดูกฎหมายฉบับนั้นๆเป็นพิเศษ" นายชูศักดิ์ กล่าว
**ไม่ห้ามคนบ้านเลขที่111นั่งที่ปรึกษา
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.จะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งอาจจะขัดต่อ มาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ ว่า หากดำรงตำแหน่งจริง ต้องพ้นจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ กกต. เพราะกกต.หน้าที่เพียงการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องการวินิจฉัย หรือการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด จึงถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพิจารณา แต่หากมีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาภายหลัง ก็ค่อยว่ากันอีกที ส่วน การที่พรรคการเมืองจะส่งเรื่องนี้ให้ กกต. พิจารณา ก็ถือว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นจะให้แนะนำคงไม่ได้ ต้องไปอ่านกันเอง เพราะรัฐบาล ก็มีคณะทำงานด้านกฎหมายอยู่แล้ว
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ว่า รัฐบาลอาจนำอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง มาเป็นที่ปรึกษาว่า ก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.เช่นกัน แต่เป็นหน้าที่ของผู้ที่จะแต่งตั้งที่จะต้องทำตามกฎหมาย โดยสิ่งที่ กกต.ห้ามไม่ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทำ คือ การช่วยหาเสียง การเป็นกรรมการบริหารพรรค และการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้จึงถือว่าเลยขั้นตอนที่ กกต. ห้ามไปแล้ว
**ล้างทายาท คมช. พ้นปธ.บอร์ด
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลชุดนี้ได้เริ่มเข้ามาบริหารประเทศเพื่อฟื้นฟูประเทศ และกู้วิกฤติเศรษฐกิจ แต่การบริหารประเทศจะเดินหน้าได้อย่างราบรื่นประ ธานบอร์ดองค์กรรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรต่างๆ ที่มาจาก คมช. หรือรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมารยาทแล้วจะต้องลาออก ทั้งบอร์ดการบินไทย บอร์ดการรถไฟ เนื่องจากที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลขิงแก่ไม่สามารถบริหารประเทศชาติให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ บริหารล้มเหลว หากบอร์ดเหล่านี้ยังดันทุรังอยู่ต่อไป จะทำให้รัฐมนตรีบริหารงานได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ลาออกเพื่อเปิดให้รัฐมนตรีเลือกคนที่มีฝีมือ และทำงานเข้าขากันเข้ามาบริหารองค์กรเหล่านั้นแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการเปิดช่องให้ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง เข้ามาเป็นประธานบอร์ด องค์กรต่างๆใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่ตามมารยาทเมื่อตำแหน่งเหล่านั้นมาโดยการเมือง ก็ต้องไปโดยการเมือง เพราะปล่อยให้นั่งเสวยสุขมาปีกว่าแล้ว