ผู้จัดการรรายวัน - DTAC ฟันกำไรปีนี้เกือบ 6 พันล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 5 พันล้านบาท หลังรายได้เพิ่มขึ้น 35% โดยที่ตัวเลข EBITDA ในไตรมาสสุดท้ายสูงถึง 4.9 พันล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.73 บาท ด้านผู้บริหารคาดการณ์ปี 51 ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทั้งระบบโต 10 ล้านบาท ขณะที่ DTAC มั่นใจ EBITDA Margin ไม่ต่ำกว่า 28-30% ของรายได้รวม
นายซิคเว่ เบร็คเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวถึง ผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,841.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,937.56 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มจาก 2.11 บาทเป็น 2.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.31% โดยEBITDA ในไตรมาส 4/2550 มีถึง 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.0 % และจากไตรมาสก่อน 6.9 % EBITDA Margin เท่ากับ 28.7 % จากการลดลงของต้นทุนค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่สูงขึ้น กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2550 เท่ากับ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.6 % และ 16.5 % จากไตรมาสที่แล้ว
สำหรับรายได้งวดปี 50 พบว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 65,590.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48,473.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.31% โดยรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 4/2550 เพิ่มขึ้น 37.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ค่า IC และเพิ่มขึ้น 2.8 %เทียบกับไตรมาสก่อนจากฐานลูกค้าที่สูงขึ้น สำหรับรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวม IC นั้นเพิ่มขึ้น 6.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 2.9% จากไตรมาสก่อนจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้จากการให้บริการหลักประกอบด้วยรายได้บริการเสียง รายได้จากบริการเสริมและรายได้จากการบริการเครือข่ายระหว่างประเทศ และรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่าย
ขณะที่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนสัมปทานลดลง เนื่องจากการแก้ไขค่าเชื่อมโครงข่าย ขณะที่ค่าตัดจำหน่ายสิทธิการใช้อุปกรณ์รอตัดบัญชี ในไตรมาส 4/2550 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายโทรคมนาคมและระยะเวลาการตัดจำหน่ายที่สั้นลง (ตามอายุที่เหลือของสัมปทาน) ในปี 2550 ค่าตัดจำหน่ายสิทธิการใช้อุปกรณ์รอตัดบัญชี เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้ในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการทำตลาด
โดยแม้ว่าการแข่งขันจะสูง แต่ผู้ให้บริการต้องปรับตัว เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และเป็นปีที่จำนวนผู้ใช้บริการของทั้งตลาดเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เริ่มมีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ เนื่องจาก
จำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และผู้ใช้บริการใหม่จากการขยายเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่
ที่ยังมีจำนวนผู้ใช้บริการน้อยอยู่ และไตรมาสสุดท้ายปี 50 พบว่าจำนวผู้ใช้บริการใหม่ของดีแทคเพิ่มขึ้นสูง 893,961 ราย ส่วนใหญ่เป็นผลจากการขยายเครือข่ายและช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังพื้นที่ในต่างจังหวัด นอกจากนี้ ดีแทคยังได้ออกเคมเปญใหม่ภายใต้แนวความคิด "Feel Goood" เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้า อีกทั้งยังปรับโฉมการทำตลาดกลุ่มลูกค้าโพสต์เพดใหม่
สำหรับแนวโน้มปี 51 บริษัทประมาณการปี 51 ไว้ว่าการเติบโตของผู้ใช้บริการทั้งหมดในอุตสาหกรรมประมาณ 8-10 ล้านราย โดยคาดว่าจะคงส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ ขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % และEBITDA Margin ที่ 28-30 % ของรายได้รวม ส่วนค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ประมาณ 11.0 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าตลาดผู้ใช้บริการมือถือ ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการในระบบพรีเพดจะยังเป็นตัวผลักดันตลาดโดยรวม แนวโน้มของฐานผู้ใช้บริการรายใหม่จะมาจากส่วนภูมิภาคและจากผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมาย โดยยังคงมุ่งขยายเครือข่าย สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาพลักษณ์บริษัท และพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น
ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญในอัตรา 0.73 บาทต่อหุ้น หักด้วยภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นใดตามที่ กฎหมายกำหนด ซึ่งกำหนดจ่ายปันผล 14 พฤษภาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลของผู้ถือหุ้น
โดยมีรายละเอียดดังนี้คือ(2.1.1 ) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) ของวันที่ 11 เมษายน 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัท ยกเว้นผู้ที่ถือหุ้นของบริษัทผ่าน ทาง Central Depository (Pte) Limited (CDP) ในประเทศสิงคโปร์ และ ( 2.2.2) ตั้งแต่เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศสิงคโปร์) ของวันที่ 11 เมษายน 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนของ CDP ดังนั้น ท่านผู้ลงทุนที่ถือหุ้นผ่าน ทาง CDP จะมีสิทธิในได้รับเงินปันผลหากมีชื่อปรากฏในทะเบียนของ CDP ณ เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศสิงคโปร์) ในวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ มติบอร์ดดังกล่าวในข้อ 1 และ ข้อ 2 จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะได้จัดขึ้นต่อไป โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ จะจัดขึ้นในคราวถัดไปในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 จะได้พิจารณาและกำหนดวันประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นและวาระที่จะพิจารณาและลงมติในการประชุมดังกล่าว
นายซิคเว่ เบร็คเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวถึง ผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,841.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,937.56 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มจาก 2.11 บาทเป็น 2.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 18.31% โดยEBITDA ในไตรมาส 4/2550 มีถึง 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.0 % และจากไตรมาสก่อน 6.9 % EBITDA Margin เท่ากับ 28.7 % จากการลดลงของต้นทุนค่าเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่สูงขึ้น กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2550 เท่ากับ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21.6 % และ 16.5 % จากไตรมาสที่แล้ว
สำหรับรายได้งวดปี 50 พบว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 65,590.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 48,473.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.31% โดยรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 4/2550 เพิ่มขึ้น 37.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ค่า IC และเพิ่มขึ้น 2.8 %เทียบกับไตรมาสก่อนจากฐานลูกค้าที่สูงขึ้น สำหรับรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวม IC นั้นเพิ่มขึ้น 6.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 2.9% จากไตรมาสก่อนจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้จากการให้บริการหลักประกอบด้วยรายได้บริการเสียง รายได้จากบริการเสริมและรายได้จากการบริการเครือข่ายระหว่างประเทศ และรายได้จากค่าเชื่อมต่อโครงข่าย
ขณะที่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนสัมปทานลดลง เนื่องจากการแก้ไขค่าเชื่อมโครงข่าย ขณะที่ค่าตัดจำหน่ายสิทธิการใช้อุปกรณ์รอตัดบัญชี ในไตรมาส 4/2550 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเครือข่ายโทรคมนาคมและระยะเวลาการตัดจำหน่ายที่สั้นลง (ตามอายุที่เหลือของสัมปทาน) ในปี 2550 ค่าตัดจำหน่ายสิทธิการใช้อุปกรณ์รอตัดบัญชี เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้ในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการทำตลาด
โดยแม้ว่าการแข่งขันจะสูง แต่ผู้ให้บริการต้องปรับตัว เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และเป็นปีที่จำนวนผู้ใช้บริการของทั้งตลาดเพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่เริ่มมีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ เนื่องจาก
จำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และผู้ใช้บริการใหม่จากการขยายเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่
ที่ยังมีจำนวนผู้ใช้บริการน้อยอยู่ และไตรมาสสุดท้ายปี 50 พบว่าจำนวผู้ใช้บริการใหม่ของดีแทคเพิ่มขึ้นสูง 893,961 ราย ส่วนใหญ่เป็นผลจากการขยายเครือข่ายและช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังพื้นที่ในต่างจังหวัด นอกจากนี้ ดีแทคยังได้ออกเคมเปญใหม่ภายใต้แนวความคิด "Feel Goood" เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้า อีกทั้งยังปรับโฉมการทำตลาดกลุ่มลูกค้าโพสต์เพดใหม่
สำหรับแนวโน้มปี 51 บริษัทประมาณการปี 51 ไว้ว่าการเติบโตของผู้ใช้บริการทั้งหมดในอุตสาหกรรมประมาณ 8-10 ล้านราย โดยคาดว่าจะคงส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ ขณะที่รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % และEBITDA Margin ที่ 28-30 % ของรายได้รวม ส่วนค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ประมาณ 11.0 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าตลาดผู้ใช้บริการมือถือ ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้บริการในระบบพรีเพดจะยังเป็นตัวผลักดันตลาดโดยรวม แนวโน้มของฐานผู้ใช้บริการรายใหม่จะมาจากส่วนภูมิภาคและจากผู้ใช้บริการที่ใช้สองเลขหมาย โดยยังคงมุ่งขยายเครือข่าย สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาพลักษณ์บริษัท และพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้น
ทั้งนี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญในอัตรา 0.73 บาทต่อหุ้น หักด้วยภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นใดตามที่ กฎหมายกำหนด ซึ่งกำหนดจ่ายปันผล 14 พฤษภาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลของผู้ถือหุ้น
โดยมีรายละเอียดดังนี้คือ(2.1.1 ) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) ของวันที่ 11 เมษายน 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัท ยกเว้นผู้ที่ถือหุ้นของบริษัทผ่าน ทาง Central Depository (Pte) Limited (CDP) ในประเทศสิงคโปร์ และ ( 2.2.2) ตั้งแต่เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศสิงคโปร์) ของวันที่ 11 เมษายน 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนของ CDP ดังนั้น ท่านผู้ลงทุนที่ถือหุ้นผ่าน ทาง CDP จะมีสิทธิในได้รับเงินปันผลหากมีชื่อปรากฏในทะเบียนของ CDP ณ เวลา 17.00 น. (ตามเวลาในประเทศสิงคโปร์) ในวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ มติบอร์ดดังกล่าวในข้อ 1 และ ข้อ 2 จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะได้จัดขึ้นต่อไป โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทที่ จะจัดขึ้นในคราวถัดไปในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 จะได้พิจารณาและกำหนดวันประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นและวาระที่จะพิจารณาและลงมติในการประชุมดังกล่าว