"สมัคร"ประเดิมรายการ "สนทนาประสาสมัคร" จวกสื่อตามสไตล์ เสนอข่าวรัฐเตรียมออกมติ ครม. "ยกเลิกนโยบายกันเงินสำรอง 30%" เพี้ยน ขู่สื่อไหนกัดเจอประจานผ่านรายการแน่ ขายฝันระบบขนส่ง กทม.-ปริมณฑล- ต่างจังหวัด พร้อมบูรณะเส้นทางรถไฟฟ้าสู่ภูมิภาคให้ทันสมัย ตั้งเป้า 3 ปี เตรียมเปิดทีวีช่องใหม่เพื่อเป็นกระบอกเสียงรัฐบาล คาด"พีทีวี"แปลงร่างเป็น"หมักทีวี" ออกอากาศ 15 ก.พ. นี้
เมื่อเวลา 8.00 น.วานนี้ (10ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อดำเนินรายการ"สนทนาประสา สมัคร" เป็นครั้งแรก ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยรายการดังกล่าวจะมีทุกวันอาทิตย์ ระหว่าง เวลา 08.30-09.30 น.
นายสมัคร กล่าวว่า รายการนี้เป็นช่องทางที่จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งในต่างประเทศก็ใช้รายการรูปแบบนี้เช่นกัน โดยจะเริ่มรายการช่วงแรกด้วยการบอกเล่าภารกิจต่างๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นเป็นงานของกระทรวงต่าง ๆ การชี้แจงเรื่องที่มีความเข้าใจผิด และเรื่องที่ต้องการจะพูดตามลำดับ สุดท้ายเป็นเรื่องไฮไลต์ หรือเรื่องที่ตั้งใจจริงๆ ว่า จะคุยกับประชาชน
**โวยสื่อเสนอข่าวคลาดเคลื่อน
นายสมัครกล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อ กรณีมาตรการกันเงินสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ ที่มีความคลาดเคลื่อน จนสร้างความสับสนแก่ประชาชนว่า "จะยกตัวอย่างให้ฟังว่าเขาถามว่าตกลง 30 เปอร์เซ็นต์จะยกเลิกไหม คำตอบของผมคือว่า การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองประชาชนที่ไปหาเสียงว่าจะยกเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่า เมื่อมาเป็นพรรคการเมืองร่วมกันแล้ว ฝ่ายค้านจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่ว่าที่รวมกัน 6 พรรคเขามีความเห็นตรงกัน แต่ถึงกระนั้น วันอังคารเราจะเจอกัน 6 พรรค จะให้รัฐมนตรีคลังสอบถามว่ายังเห็นตรงกันไหม ถ้าตรงกันแล้วเป็นหน้าที่รัฐมนตรีคลังจะต้องไปเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย เขาเป็นองค์กรอิสระ กระทรวงการคลังเกี่ยวตะขอกันอยู่ นักข่าวถามเป็นทำนองว่า ตกลงจะปลดนั้น รัฐมนตรีคลัง ผมบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ถามว่าเข้าใจไหมว่าเราจะมีความเห็นตรงกัน แล้วฝากรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีคลังจะไปเจรจาความ พูดชัดเจนเลย คนเก่งช่อง 9 เขาพูดตอนเย็นหน้ากระทรวง บอกว่า สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อสักครู่นี้ นายกรัฐมนตรีสมัครตอบคำถามฝรั่ง บอกว่าต้องยกเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ วันอังคารนี้ จะออกมติครม. สั่งยกเลิก อย่างนี้นายกฯ เชยไหมครับ เรื่องนี้ยกเลิกในมติครม. ได้อย่างไรครับ" นายสมัคร กล่าว
**คาดแถลงนโยบาย18-19ก.พ.นี้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงรายละเอียดในการร่างนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภาว่า จะพิจารณาแล้วเสร็จภายในวันจันทร์นี้ ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในวันอังคาร(12 ก.พ.) และต้องส่งให้สภาผู้แทนราษฎรก่อน 3 วัน เพื่อศึกษารายละเอียด โดยคาดว่าจะอภิปรายได้ในวันที่ 18 -19 ก.พ.นี้ ซึ่งจะหารือกับพรรคฝ่ายค้าน เพื่อกำหนดวันอภิปรายนโยบายรัฐบาลอีกครั้ง
**ขายฝันขยายเส้นทางรถไฟฟ้า3ปีเสร็จ
นายสมัครยังยืนยันด้วยว่า จะเดินหน้าแก้ปัญหาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นรูปธรรม หลังจากที่เห็นว่าล่าช้า มา 30 ปี โดยเน้นขยายเส้นทางออกไปยังชานเมือง เนื่องจากประชาชนจะได้รับประโยชน์มาก ซึ่งจะเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟฟ้าออกไปทุกภูมิภาค เช่น ขยายเส้นทางจากหมอชิตไปลำลูกกา บางใหญ่ อ้อมน้อย และบางปู เส้นทางละ 30 กิโลเมตร โดยน่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี โดยในส่วนของวงแหวนรอบใน จะมีการขยายเส้นทางรถไฟใต้ดิน 40 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง ทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง
**ยันอุโมงค์ผันน้ำโขงทำได้แน่
นอกจากนี้ นายสมัคร ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการดำเนินโครงการสร้างอุโมงค์ ผันน้ำจากแม่น้ำโขง ว่า เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคในภาคอีสาน ซึ่งหลายพื้นที่พบว่า ประชาชนกำลังประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี ซึ่งจะนิ่งนอนใจไม่ได้ ภายใต้การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายธีระ วงศ์สมุทร อธิบดีกรมชลประทาน ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าโครงการดังกล่าว ด้านเทคนิคสามารถที่จะดำเนินการได้อย่างแน่นอน เพราะจากสภาพพื้นที่ของภาคอีสานที่อยู่ต่ำกว่าระดับแม่น้ำโขง ซึ่งกรมชลประทานพร้อมให้การสนับสนุนดำเนินโครงการอย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรียังได้ตอบคำถามจากประชาชน ต่อกรณีการจำหน่ายหวยบนดิน และการทำทีวีสาธารณะ ที่ได้เน้นย้ำว่า จะทำเพื่อให้มีสถานีโทรทัศน์ที่เป็นกลาง ขณะเดียวกันจะนำเรื่องสินค้าราคาแพงไปพูดในสัปดาห์หน้า
นายสมัครได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังออกรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ว่า ต้องขอบคุณช่อง11 ที่ช่วยทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย แต่ก็มีการต่อว่ากันกลางจอ ซึ่งมันก็เป็นวิสัยของตน เพื่อให้คนรู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น สำหรับวันนี้ภาพที่ออกมาไม่ดี แต่เสียงก็พอใช้ได้ และวันนี้ถือว่าประเดิมดีตนไม่มีอาการไอเลย
เมื่อถามว่าคิดว่ารายการนี้จะเป็นประโยชน์ในการชี้แจงการทำงานของรัฐบาล นายสมัคร กล่าวว่า แน่นอน ใครรายงานข่าวเบี้ยว ตนก็มาออกรายการตรงนี้ ตนรับรองได้ต้องเบี้ยวก่อนนะ ถ้าดีๆ ก็ไม่พูดถึงเลย เป็นหน้าที่ต่างคนต่างทำ แต่การสื่อระหว่างประชาชนกับหัวหน้ารัฐบาล ตนคิดว่าเป็นประโยชน์
**เข้ากระทรวงกลาโหมวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันนี้ (11 ก.พ.) จะไปกระทรวงกลาโหม นอกจากจะคุยปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วยังหารือเรื่องอะไรอีกบ้าง นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ได้ไปคุยปัญหาเรื่องใต้ ก็ให้รัฐมนตรีไปรับหน้าที่ ตนบอกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนแรกเขาบอกจะมีรายการทั้งวัน ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างมากไม่เกิน 2 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุด ตนไม่ใช่ทหาร ตนได้บอกไปแล้วว่า อยากฟังเรื่องไหนก็จะบอก มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องใต้อย่างเดียว เมื่อถามว่าจะมอบนโนยบายด้วยเลยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า โธ่เอ๋ย มันเอิกเกริกไป ไอ้คนที่ไม่ได้เป็นทหาร มันไม่ใช่อย่างนั้น เราจะไปคุยกับเขาว่า มันเป็นอย่างไร เราจะเอาสิ่งที่เราไม่เคยรู้มา รู้ก่อน แล้วก็ช่วยเขาคิด ว่าถ้าเราคิดแบบพลเรือนซึ่งคิดแบบนี้แล้วจะคิดยังไง ดังนั้นหากไปบอกว่า นายสมัครไปมอบนโยบายนั้นมันก็เกินเหตุ ตนก็ไม่ได้ถ่อมตัวไปถึงขนาดไหนหรอก แต่ต้องฟังเพื่อให้เขาบอกว่า ปัญหาเขาเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไปถามเขาก็คือว่า เขาบอกว่าตำรวจมีเงินประจำตำแหน่ง แต่ทหารไม่มี ตรงนี้ตนก็จะไปถามว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามว่า ถ้าเขาบอกว่าไม่ชอบแล้วจะให้เงินประจำตำแหน่งเขาด้วยไหม นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ แต่เขาก็ต้องบอกว่า ทำไมเขาถึงไม่มี ใช่ไหม ถ้าเขาบอกว่าเป็นเพราะไม่มีเงิน เราก็ต้องบอกเขาว่า ถ้าเผื่อมีเงินจะให้ไหม อะไรทำนองนั้น เป็นการยกตัวอย่างให้ดูเท่านั้น เมื่อถามว่ามีสมาชิก คมช.บางท่าน เช่น พล.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. จะไม่มาร่วมงาน นายสมัคร กล่าวว่า ท่านบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะไม่มา ทำไมๆหรือว่าคุณชลิตจะทำอะไรตนล่ะ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าที่อยู่กันไม่ครบ นายสมัคร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่มีปัญหา ก็เขาจะไปก็บอกไว้ก่อนแล้ว บอกแล้วเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรเลย
**แย้มจะเปิดทีวีช่องใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่า อีก 2-3 วัน จะมีสื่อดีๆ ออกมานั้นจะเป็นสื่อแบบไหน นายสมัคร กล่าวว่า ตนยังไม่บอกประเภท คุณไปนอนคิดดูแล้วกัน เมื่อถามอีกว่า เป็นสถานีโทรทัศน์พีทีวี หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ตนยังไม่บอกก็แล้วกัน คุณไปนอนคิดดูแล้วกันว่า แปลว่าอะไร เมื่อถามย้ำอีกว่าเป็นสถานีของ นายวีระ มุกสิกพงศ์ หรือเปล่า นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่ตอบ เมื่อถามว่าสำหรับช่องไอทีวีเดิมต้องปล่อยให้เขาดำเนินการต่อไปหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า "โอ๊ย ฟังเขา เขียน มันโอ้โห คือประหลาดนะของรัฐบาลที่ดูแลอยู่ มีคนมาเขียนกฎหมายแล้วยึดได้เลย ต่อไป นี้ใครไปทำอะไรไม่ได้ ทั้ง5 คนยึดมานี่ต้องออกไป มี 15 คน เอา 9 คนเข้ามา มันกลายเป็นว่าบ้านเมืองนี้มันมีคนเก่ง มันเขียนกฎหมายปิดล้อม และไปยึดครองได้ โอ๊ย ผมเกิดมาไม่เคยเห็น"
เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่แก้ เรื่องอื่นสำคัญกว่า ผู้สื่อข่าวถามว่าคนที่เป็นพนักงงานไอทีวีเดิม แต่ไม่ได้รับการจ้างงานต่อจะให้มาอยู่ที่สถานีใหม่ หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า คนที่เขามีฝีมือเขาจะได้ทำงาน ตนมีหน้าที่ต้องเอาคนมีฝีมือมาทำงาน เอาเป็นว่า เขาจะมีที่ทำงานของเขาก็แล้วกัน เมือ่ถามว่า เป็นช่อง ฟรีทีวี หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่บอก เขากำลังดำเนินการอยู่ ตนจะเอามาพูดก่อนทำไม
"ทำไมตื่นเต้นตกใจกันไปทำไม จะมีทีวีเกิดอีกช่องหรือไง แล้วคุณไม่ตื่นเต้นหรือ ที่ทีวีอยู่ดีๆ มีคนมายึดไป หารายได้ 1,200 ล้านบาท เขาอยู่ได้ตลอดมา รายการดี ฝีมือดี อยู่ดีๆไปยกเลิกแล้วต้องเอาเงินหลวงไปใส่ 2,000 ผมเนี่ยแหม ไม่รู้มันคิดได้ยังไง ไม่รู้เอาอะไรคิด" นายสมัครกล่าว
เมื่อถามอีกว่า จะเริ่มเดินหน้าได้เมื่อไร นายสมัคร กล่าวว่า แน่นอนๆ แต่ยังไม่เข้าที่ ต้องแถลงนโยบายก่อน เดี๋ยวเดินไปเขาว่าเอาอีก แต่ทุกอย่างต้องทำให้เร็วเรียบร้อยเร็ว
นายสมัครกล่าวถึงกรณีที่มีภาพนายสมัคร ไปเดินตลาดว่า มันเกินเหตุ เดี๋ยวคนจะว่าตนไปเดินตลาด ต้องเอาช่างภาพไปด้วย กรุณาหน่อยอย่าเอาไปทำข่าวเลย อย่างเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ตนไปส่วนตัว มันไม่มีอะไรอื่นเลย และตนไปกินก๋วยเตี๋ยวแคระ กินคำก็มาถ่ายรูป อย่างนี้ก็ไม่ค่อยไหว และพอมาซื้อส้มปรากฎว่า มาเป็นฝูงเลย ช่างภาพมาถ่ายรูปปั๊บๆๆ ขอความกรุณาให้ตนเป็นส่วนตัวบ้าง เอารูปบตนเดินถือถุงส้มมาออก ตนรู้สึกเสียใจ ที่มีภาพแบบนี้ออกมา ทั้งๆ ที่ตอนไป ตนก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้เลย ดังนั้นไม่ต้องมาถามอีกว่าพรุ่งนี้ตนจะไปเดินตลาดไหน มันเรื่องของตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากออกรายการเสร็จแล้ว นายสมัครได้เดินทางเข้าบ้านพัก ซอยโอฬาร ถ. นวมินทร์ 81
**คาดพีทีวี แปลงร่างเป็น"หมักทีวี"
รายงานข่าวแจ้งว่า สถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ ที่นายสมัคร ระบุเบื้องต้นคาดว่า จะเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีทีวี ที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกรัฐบาล เคยบริหารมาในช่วงเป็น นปก. โดยมีรายงานว่า สถานีช่องนี้จะใช้กฎหมายทางใดทางหนึ่งเพื่อออกอากาศในวันที่ 15 ก.พ. นี้
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้บริหาร พีทีวี นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ ์ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพัก ซอยนวมินทร์ 81 ซึ่งหลังการพูดคุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีได้บอกกับนักข่าวว่า แกนนำพีทีวีมาพบ เพื่อจะคุยเรื่องการถ่ายทอดการแถลงนโยบายรัฐบาล ทางสถานี "เอ็มวีทีวี" ซึ่งเห็นว่ามีประโยชน์ ก็เลยอนุญาตให้ถ่ายทอด เมื่อนักข่าวถามว่า จะมีปัญหาหรือไม่ กรณีที่ พีทีวี มีปัญหากับกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งนายสมัคร ก็ย้อนทันควันว่า แล้วเอเอสทีวีมีปัญหาหรือไม่ เอเอสทีวีบอกว่าศาลคุ้มครอง แล้วคนอื่นได้รับความคุ้มครองด้วยหรือไม่ เพราะเป็นลักษณะเดียวกัน
**"อภิชาต"เมิน"หมัก"ตั้งสถานีใหม่
นายอภิชาต ทองอยู่ โฆษกคณะกรรมการชั่วคราว นโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ แห่งประเทศไทย หรือ สถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส เปิดเผยว่าในกรณีที่ นายกรัฐมนตรี มีแผนที่จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือพนักงานทีไอทีวี เดิมนั้น ในฐานะเราเป็นองค์การทีวีสาธารณะ มองว่า หากท่านนายกฯ จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาจริง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับสถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส แต่อย่างใด เพราะจุดมุ่งหมายของการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์แตกต่างกัน
"สถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นทีวีสาธารณะ มีหน้าที่หรือจุดมั่งหมายแตกต่างกับฟรีทีวี ที่มีอยู่ เพราะเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เราต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของ ให้ประชาชนมีโอกาสและมีส่วนร่วมกับไทยพีบีเอส รวมทั้งเปิดโอกาสให้กับผู้จัดรายการรายย่อยมีโอกาสนำเสนอรายการ โดยเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ปราศจากการแทรกแซงสื่อจากทางการเมืองอย่างแท้จริง จึงมองว่าหากนายสมัครจะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่ ก็เป็นเรื่องของรัฐ เพราะแนวทางการจัดตั้งเป็นคนละแบบกัน"
ทั้งนี้ ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จะตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพนักงานทีไอทีวี ด้วยนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า การจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ของท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อจะช่วยพนักงานทีไอทีวี มองว่าไม่เป็นปัญหาในกรณีการคัดเลือกพนักงานชุดถาวรที่จะรับเข้ามาทำงานในเฟสสอง เพราะจำนวนผู้สมัครกว่า 2-3 พันคนนั้น มีคนนอกเข้ามาสมัครด้วย
อีกทั้งมองว่าหากจะมีพนักงานทีไอทีวีเดิม สนใจที่จะเข้าทำงานกับสถานีโทรทัศน์ใหม่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีจะก่อตั้งขึ้น ก็ไม่น่าจะไปกันหมด ดังนั้นจึงไม่เห็นความหนักใจหากจะมีพนักงานทีไอทีวี เปลี่ยนใจไปทำงานกับสถานีโทรทัศน์ใหม่ดังกล่าว
ด้านนายขวัญสรวง อติโพธิ ประธานคณะกรรมการชั่วคราว นโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดที่ท่านนายสมัคร จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าหากท่านนายกฯ จะจัดตั้งขึ้นมาจริง ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป และทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ทีวีสาธารณะเกิดขึ้นได้จริง
**เผยทีพีบีเอสคืบหน้ามากแล้ว
สำหรับความคืบหน้าของสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ไทยพีบีเอส นายอภิชาต กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการตามนโยบายการจัดตั้งทีวีสาธารณะคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว โดย ณ วันนี้ สามารถทำงานเสร็จ ลุล่วงไปแล้ว 2-3 รายการ เช่น 1.โครงสร้างการทำงานของไทยพีบีเอส ไม่ว่าจะเป็น ทางฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายบริหาร ฝ่ายข่าว ฝ่ายรายการ ฝ่ายการผลิต และฝ่ายสาธารณะสัมพันธ์
2.ผังรายการเฟส 2 ที่มีความสมบูรณเกี่ยวกับการเป็นทีวีสาธารณะแล้วกว่า 70-80%ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 15 ก.พ. นี้
3.งานด้านสาธารณะสัมพันธ์ ที่กำลังวางแผนในการที่ไปพบกับภาคประชาชนในกลุ่มต่างๆ อีก รวมถึงการจัดตั้งอนุกรรมการขึ้นมา เช่น ชุด จรรยาบรรณ และชุดร้องเรียนเกี่ยวกับทีวีสาธารณะในกรณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความไม่เป็นธรรมสำหรับผู้จัดรายการด้วย
**เผยขั้นตอนยึดสัมปทานไอทีวีโปร่งใส
แหล่งข่าวจากอดีตคณะกรรมการกำกับกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร ออกมาระบุถึงสถานีโททัศน์ช่องหนึ่ง ที่เชื่อว่าคงเป็นสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ว่ามีทีวีอยู่ดีๆ และก็มีคนมายึดไป ไม่มีใครรู้สึกตื่นเต้นอะไรหรือนั้น เรื่องนี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเคยเป็นอดีตกรรมการ ยูเอชเอฟ ที่ลาออกไปก็น่าจะรู้ขั้นตอนทุกอย่าง ว่าการคำนวณค่าปรับไอทีวี กับ สปน. เป็นอย่างไร
กรณีที่บริษัทไอทีวี ไม่จ่ายผลตอบแทนค้างจ่ายให้รัฐมาเป็นเวลา 2 ปี รวมทั้งค่าปรับจากการการปรับผังรายการที่ในสัญญาระบุไว้ จึงเป็นขั้นตอนที่ สปน.ต้องยึดสัมปทานคืน
"ตรงนี้นายสมัคร จะออกมาพูดว่า มีทีวีอยู่ดีๆ มีคนมายึดไปไม่ได้ เพราะขั้นตอนมีความชัดเจนจากสูตรการคำนวณ แม้ทางบริษัทไอทีวี จะคัดค้านก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไว้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร"
รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าปรับไอทีวีที่อยู่ในวงเงินประมาณ 75,000 ล้านบาท โดยคำนวณมาจากผลตอบแทนค้างจ่ายให้รัฐในปีที่ 9 และปีที่ 10 วงเงิน 1,440 ล้านบาท เมื่อรวมกับค่าปรับ 15% ต่อปี คิดเป็น 1,709 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีค่าปรับจากการการปรับผังรายการที่ในสัญญาระบุไว้ว่า ต้องมีสารคดีและสารประโยชน์ 70% และบันเทิง 30% แต่ไอทีวี ไปปฏิบัติตามอนุญาโตตุลาการโดยจัดทำผังรายการสารคดีและสารประโยชน์ 50% บันเทิง 50% โดยในส่วนนี้สัญญาเขียนว่า จะต้องถูกปรับไอทีวีจะต้องยินยอมชำระค่าปรับในอัตรา 10% ของค่าตอบแทนที่รัฐได้รับในแต่ละปี โดยให้คิดคำนวณค่าปรับเป็นรายวัน
จากประเด็นดังกล่าว หากนับตั้งแต่การจัดผังรายการ เดือนเม.ย.47 จนถึงวันที่ 9 พ.ค.49 ที่มีคำตัดสินของศาลปกครองกลาง หมายความว่า ไอทีวี จะต้องเสียค่าปรับช่วงสัญญาปีที่ 9 วันๆ ละ 90 ล้านบาท และช่วงสัญญาปีที่ 10 อีกวันละ 100 ล้านบาท เมื่อคำนวณทั้งสิ้นแล้ว จึงคิดเป็นเงินที่ไอทีวีต้องจ่ายให้รัฐกว่า 75,000 ล้านบาท
**จับตาแทรกแซงอนุญาโตตุลาการ
แหล่งข่าวระบุว่า แม้ขณะนี้ขั้นตอนการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อพิจารณาสูตรคำนวณค่าปรับค่าสัมปทานที่บริษัทไอทีวี ค้างค่าชำระมากว่า 2 ปี ของสปน.จะมีความชัดเจนแล้ว แต่อนุญาโตตุลาการในสัดส่วนของ บริษัทไอทีวี และกระทรวงยุติธรรม ยังไม่มีความชัดเจน และขณะนี้ได้มีการแต่งตั้ง นายวิชช์ จีระแพทย์ อดีตอธิบดีอัยการฝ่ายคดีล้มละลาย ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และผ่านเป็นมติคณะรัฐมนตรีไปแล้ว
ดังนั้น เชื่อว่าหากรัฐจะเข้ามาแทรกแซงกรณีขั้นตอนการพิจารณาอนุญาโตตุลาการก็คงเป็นการตั้งอนุญาโตตุลาการเข้ามาใหม่แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นจึงต้องจับตาดูในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
**ข้องใจ"จักรภพ"จัดระเบียบสื่อเพื่อใคร
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศจะมีการจัดระเบียบสื่อ ว่าการที่นายจักรภพ ระบุว่า มีสื่อไม่เป็นกลาง และรับใช้อำนาจนอกระบบนั้น เป็นการส่งสัญญาณปรามการทำหน้าที่ของสื่อ โดยเฉพาะสื่อในกำกับของรัฐ ทั้งวิทยุ และทีวี จนอาจไม่กล้าตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งนายจักรภพ ควรแจกแจงออกมาให้ชัดว่า สื่อใดไม่เป็นกลางและรับใช้อำนาจนอกระบบ อย่าส่งสัญญาณลอยๆ เพราะทุกอย่างมีกรอบกฎหมายกำกับอยู่ หรือแม้แต่การกล่าวหา ทีวีดาวเทียมนั้นทุกอย่างก็มีกรอบกฎหมายกำกับดูแลอยู่ และที่สำคัญนายจักรภพ ก็เติบโตมาจากการเป็นผู้บริหาร PTV ซึ่งเป็นทีวีดาวเทียม และหมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย รวมทั้งข้อกังขาเรื่องความเป็นกลาง
ฉะนั้นการดำเนินการอะไร ต้องมีมาตรฐานและต้องสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่เลือกปฏิบัติ คนเป็นรัฐมนตรียึดหลักผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมืองหรือพวกใครพวกมัน ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า อยากถามนายจักรภพ การที่จัดระเบียบสื่อนั้นจัดเพื่อใคร ซึ่งตนอยากฝากไปถึงสมาคมนักข่าวฯ ด้วยว่า จะมีวิธีการป้องกันการแทรกแซงของนายจักรภพ อย่างไร
เลขาฯ ครป. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีทีวีสาธารณะ หรือสถานีโทรทัศน์ ทีพีบีเอส นั้น ครป.ไม่เห็นด้วย ที่รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซง หรือหาช่องทางควบคุม ครอบงำการทำงานของ ทีพีบีเอส เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และรัฐบาลมีหน้าที่ต้องสนับสนุนไม่ใช่แทรกแซง ส่วนจะออกนโยบายหางานให้พนักงานทีไอทีวี นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากรัฐบาลจะจัดคลื่น UHF เพื่อเปิดให้มีการประมูลช่องใหม่คล้ายๆ ไอทีวีเดิม แต่ต้องไม่ใช่เพื่อการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองของพรรคพลังประชาชน
เมื่อเวลา 8.00 น.วานนี้ (10ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางไปยังสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อดำเนินรายการ"สนทนาประสา สมัคร" เป็นครั้งแรก ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยรายการดังกล่าวจะมีทุกวันอาทิตย์ ระหว่าง เวลา 08.30-09.30 น.
นายสมัคร กล่าวว่า รายการนี้เป็นช่องทางที่จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ซึ่งในต่างประเทศก็ใช้รายการรูปแบบนี้เช่นกัน โดยจะเริ่มรายการช่วงแรกด้วยการบอกเล่าภารกิจต่างๆ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นเป็นงานของกระทรวงต่าง ๆ การชี้แจงเรื่องที่มีความเข้าใจผิด และเรื่องที่ต้องการจะพูดตามลำดับ สุดท้ายเป็นเรื่องไฮไลต์ หรือเรื่องที่ตั้งใจจริงๆ ว่า จะคุยกับประชาชน
**โวยสื่อเสนอข่าวคลาดเคลื่อน
นายสมัครกล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อ กรณีมาตรการกันเงินสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ ที่มีความคลาดเคลื่อน จนสร้างความสับสนแก่ประชาชนว่า "จะยกตัวอย่างให้ฟังว่าเขาถามว่าตกลง 30 เปอร์เซ็นต์จะยกเลิกไหม คำตอบของผมคือว่า การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองประชาชนที่ไปหาเสียงว่าจะยกเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่า เมื่อมาเป็นพรรคการเมืองร่วมกันแล้ว ฝ่ายค้านจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่ว่าที่รวมกัน 6 พรรคเขามีความเห็นตรงกัน แต่ถึงกระนั้น วันอังคารเราจะเจอกัน 6 พรรค จะให้รัฐมนตรีคลังสอบถามว่ายังเห็นตรงกันไหม ถ้าตรงกันแล้วเป็นหน้าที่รัฐมนตรีคลังจะต้องไปเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย เขาเป็นองค์กรอิสระ กระทรวงการคลังเกี่ยวตะขอกันอยู่ นักข่าวถามเป็นทำนองว่า ตกลงจะปลดนั้น รัฐมนตรีคลัง ผมบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ถามว่าเข้าใจไหมว่าเราจะมีความเห็นตรงกัน แล้วฝากรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีคลังจะไปเจรจาความ พูดชัดเจนเลย คนเก่งช่อง 9 เขาพูดตอนเย็นหน้ากระทรวง บอกว่า สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อสักครู่นี้ นายกรัฐมนตรีสมัครตอบคำถามฝรั่ง บอกว่าต้องยกเลิก 30 เปอร์เซ็นต์ วันอังคารนี้ จะออกมติครม. สั่งยกเลิก อย่างนี้นายกฯ เชยไหมครับ เรื่องนี้ยกเลิกในมติครม. ได้อย่างไรครับ" นายสมัคร กล่าว
**คาดแถลงนโยบาย18-19ก.พ.นี้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงรายละเอียดในการร่างนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภาว่า จะพิจารณาแล้วเสร็จภายในวันจันทร์นี้ ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรีในวันอังคาร(12 ก.พ.) และต้องส่งให้สภาผู้แทนราษฎรก่อน 3 วัน เพื่อศึกษารายละเอียด โดยคาดว่าจะอภิปรายได้ในวันที่ 18 -19 ก.พ.นี้ ซึ่งจะหารือกับพรรคฝ่ายค้าน เพื่อกำหนดวันอภิปรายนโยบายรัฐบาลอีกครั้ง
**ขายฝันขยายเส้นทางรถไฟฟ้า3ปีเสร็จ
นายสมัครยังยืนยันด้วยว่า จะเดินหน้าแก้ปัญหาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นรูปธรรม หลังจากที่เห็นว่าล่าช้า มา 30 ปี โดยเน้นขยายเส้นทางออกไปยังชานเมือง เนื่องจากประชาชนจะได้รับประโยชน์มาก ซึ่งจะเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟฟ้าออกไปทุกภูมิภาค เช่น ขยายเส้นทางจากหมอชิตไปลำลูกกา บางใหญ่ อ้อมน้อย และบางปู เส้นทางละ 30 กิโลเมตร โดยน่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี โดยในส่วนของวงแหวนรอบใน จะมีการขยายเส้นทางรถไฟใต้ดิน 40 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง ทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง
**ยันอุโมงค์ผันน้ำโขงทำได้แน่
นอกจากนี้ นายสมัคร ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการดำเนินโครงการสร้างอุโมงค์ ผันน้ำจากแม่น้ำโขง ว่า เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคในภาคอีสาน ซึ่งหลายพื้นที่พบว่า ประชาชนกำลังประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี ซึ่งจะนิ่งนอนใจไม่ได้ ภายใต้การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายธีระ วงศ์สมุทร อธิบดีกรมชลประทาน ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าโครงการดังกล่าว ด้านเทคนิคสามารถที่จะดำเนินการได้อย่างแน่นอน เพราะจากสภาพพื้นที่ของภาคอีสานที่อยู่ต่ำกว่าระดับแม่น้ำโขง ซึ่งกรมชลประทานพร้อมให้การสนับสนุนดำเนินโครงการอย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรียังได้ตอบคำถามจากประชาชน ต่อกรณีการจำหน่ายหวยบนดิน และการทำทีวีสาธารณะ ที่ได้เน้นย้ำว่า จะทำเพื่อให้มีสถานีโทรทัศน์ที่เป็นกลาง ขณะเดียวกันจะนำเรื่องสินค้าราคาแพงไปพูดในสัปดาห์หน้า
นายสมัครได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังออกรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ว่า ต้องขอบคุณช่อง11 ที่ช่วยทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย แต่ก็มีการต่อว่ากันกลางจอ ซึ่งมันก็เป็นวิสัยของตน เพื่อให้คนรู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น สำหรับวันนี้ภาพที่ออกมาไม่ดี แต่เสียงก็พอใช้ได้ และวันนี้ถือว่าประเดิมดีตนไม่มีอาการไอเลย
เมื่อถามว่าคิดว่ารายการนี้จะเป็นประโยชน์ในการชี้แจงการทำงานของรัฐบาล นายสมัคร กล่าวว่า แน่นอน ใครรายงานข่าวเบี้ยว ตนก็มาออกรายการตรงนี้ ตนรับรองได้ต้องเบี้ยวก่อนนะ ถ้าดีๆ ก็ไม่พูดถึงเลย เป็นหน้าที่ต่างคนต่างทำ แต่การสื่อระหว่างประชาชนกับหัวหน้ารัฐบาล ตนคิดว่าเป็นประโยชน์
**เข้ากระทรวงกลาโหมวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันนี้ (11 ก.พ.) จะไปกระทรวงกลาโหม นอกจากจะคุยปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วยังหารือเรื่องอะไรอีกบ้าง นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ได้ไปคุยปัญหาเรื่องใต้ ก็ให้รัฐมนตรีไปรับหน้าที่ ตนบอกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนแรกเขาบอกจะมีรายการทั้งวัน ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างมากไม่เกิน 2 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุด ตนไม่ใช่ทหาร ตนได้บอกไปแล้วว่า อยากฟังเรื่องไหนก็จะบอก มันไม่ใช่เฉพาะเรื่องใต้อย่างเดียว เมื่อถามว่าจะมอบนโนยบายด้วยเลยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า โธ่เอ๋ย มันเอิกเกริกไป ไอ้คนที่ไม่ได้เป็นทหาร มันไม่ใช่อย่างนั้น เราจะไปคุยกับเขาว่า มันเป็นอย่างไร เราจะเอาสิ่งที่เราไม่เคยรู้มา รู้ก่อน แล้วก็ช่วยเขาคิด ว่าถ้าเราคิดแบบพลเรือนซึ่งคิดแบบนี้แล้วจะคิดยังไง ดังนั้นหากไปบอกว่า นายสมัครไปมอบนโยบายนั้นมันก็เกินเหตุ ตนก็ไม่ได้ถ่อมตัวไปถึงขนาดไหนหรอก แต่ต้องฟังเพื่อให้เขาบอกว่า ปัญหาเขาเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไปถามเขาก็คือว่า เขาบอกว่าตำรวจมีเงินประจำตำแหน่ง แต่ทหารไม่มี ตรงนี้ตนก็จะไปถามว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามว่า ถ้าเขาบอกว่าไม่ชอบแล้วจะให้เงินประจำตำแหน่งเขาด้วยไหม นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ แต่เขาก็ต้องบอกว่า ทำไมเขาถึงไม่มี ใช่ไหม ถ้าเขาบอกว่าเป็นเพราะไม่มีเงิน เราก็ต้องบอกเขาว่า ถ้าเผื่อมีเงินจะให้ไหม อะไรทำนองนั้น เป็นการยกตัวอย่างให้ดูเท่านั้น เมื่อถามว่ามีสมาชิก คมช.บางท่าน เช่น พล.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. จะไม่มาร่วมงาน นายสมัคร กล่าวว่า ท่านบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะไม่มา ทำไมๆหรือว่าคุณชลิตจะทำอะไรตนล่ะ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าที่อยู่กันไม่ครบ นายสมัคร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่มีปัญหา ก็เขาจะไปก็บอกไว้ก่อนแล้ว บอกแล้วเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรเลย
**แย้มจะเปิดทีวีช่องใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่า อีก 2-3 วัน จะมีสื่อดีๆ ออกมานั้นจะเป็นสื่อแบบไหน นายสมัคร กล่าวว่า ตนยังไม่บอกประเภท คุณไปนอนคิดดูแล้วกัน เมื่อถามอีกว่า เป็นสถานีโทรทัศน์พีทีวี หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ตนยังไม่บอกก็แล้วกัน คุณไปนอนคิดดูแล้วกันว่า แปลว่าอะไร เมื่อถามย้ำอีกว่าเป็นสถานีของ นายวีระ มุกสิกพงศ์ หรือเปล่า นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่ตอบ เมื่อถามว่าสำหรับช่องไอทีวีเดิมต้องปล่อยให้เขาดำเนินการต่อไปหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า "โอ๊ย ฟังเขา เขียน มันโอ้โห คือประหลาดนะของรัฐบาลที่ดูแลอยู่ มีคนมาเขียนกฎหมายแล้วยึดได้เลย ต่อไป นี้ใครไปทำอะไรไม่ได้ ทั้ง5 คนยึดมานี่ต้องออกไป มี 15 คน เอา 9 คนเข้ามา มันกลายเป็นว่าบ้านเมืองนี้มันมีคนเก่ง มันเขียนกฎหมายปิดล้อม และไปยึดครองได้ โอ๊ย ผมเกิดมาไม่เคยเห็น"
เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่แก้ เรื่องอื่นสำคัญกว่า ผู้สื่อข่าวถามว่าคนที่เป็นพนักงงานไอทีวีเดิม แต่ไม่ได้รับการจ้างงานต่อจะให้มาอยู่ที่สถานีใหม่ หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า คนที่เขามีฝีมือเขาจะได้ทำงาน ตนมีหน้าที่ต้องเอาคนมีฝีมือมาทำงาน เอาเป็นว่า เขาจะมีที่ทำงานของเขาก็แล้วกัน เมือ่ถามว่า เป็นช่อง ฟรีทีวี หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่บอก เขากำลังดำเนินการอยู่ ตนจะเอามาพูดก่อนทำไม
"ทำไมตื่นเต้นตกใจกันไปทำไม จะมีทีวีเกิดอีกช่องหรือไง แล้วคุณไม่ตื่นเต้นหรือ ที่ทีวีอยู่ดีๆ มีคนมายึดไป หารายได้ 1,200 ล้านบาท เขาอยู่ได้ตลอดมา รายการดี ฝีมือดี อยู่ดีๆไปยกเลิกแล้วต้องเอาเงินหลวงไปใส่ 2,000 ผมเนี่ยแหม ไม่รู้มันคิดได้ยังไง ไม่รู้เอาอะไรคิด" นายสมัครกล่าว
เมื่อถามอีกว่า จะเริ่มเดินหน้าได้เมื่อไร นายสมัคร กล่าวว่า แน่นอนๆ แต่ยังไม่เข้าที่ ต้องแถลงนโยบายก่อน เดี๋ยวเดินไปเขาว่าเอาอีก แต่ทุกอย่างต้องทำให้เร็วเรียบร้อยเร็ว
นายสมัครกล่าวถึงกรณีที่มีภาพนายสมัคร ไปเดินตลาดว่า มันเกินเหตุ เดี๋ยวคนจะว่าตนไปเดินตลาด ต้องเอาช่างภาพไปด้วย กรุณาหน่อยอย่าเอาไปทำข่าวเลย อย่างเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ตนไปส่วนตัว มันไม่มีอะไรอื่นเลย และตนไปกินก๋วยเตี๋ยวแคระ กินคำก็มาถ่ายรูป อย่างนี้ก็ไม่ค่อยไหว และพอมาซื้อส้มปรากฎว่า มาเป็นฝูงเลย ช่างภาพมาถ่ายรูปปั๊บๆๆ ขอความกรุณาให้ตนเป็นส่วนตัวบ้าง เอารูปบตนเดินถือถุงส้มมาออก ตนรู้สึกเสียใจ ที่มีภาพแบบนี้ออกมา ทั้งๆ ที่ตอนไป ตนก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้เลย ดังนั้นไม่ต้องมาถามอีกว่าพรุ่งนี้ตนจะไปเดินตลาดไหน มันเรื่องของตน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากออกรายการเสร็จแล้ว นายสมัครได้เดินทางเข้าบ้านพัก ซอยโอฬาร ถ. นวมินทร์ 81
**คาดพีทีวี แปลงร่างเป็น"หมักทีวี"
รายงานข่าวแจ้งว่า สถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ ที่นายสมัคร ระบุเบื้องต้นคาดว่า จะเป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีทีวี ที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกรัฐบาล เคยบริหารมาในช่วงเป็น นปก. โดยมีรายงานว่า สถานีช่องนี้จะใช้กฎหมายทางใดทางหนึ่งเพื่อออกอากาศในวันที่ 15 ก.พ. นี้
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้บริหาร พีทีวี นำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ ์ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพัก ซอยนวมินทร์ 81 ซึ่งหลังการพูดคุยกันประมาณ 2 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีได้บอกกับนักข่าวว่า แกนนำพีทีวีมาพบ เพื่อจะคุยเรื่องการถ่ายทอดการแถลงนโยบายรัฐบาล ทางสถานี "เอ็มวีทีวี" ซึ่งเห็นว่ามีประโยชน์ ก็เลยอนุญาตให้ถ่ายทอด เมื่อนักข่าวถามว่า จะมีปัญหาหรือไม่ กรณีที่ พีทีวี มีปัญหากับกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งนายสมัคร ก็ย้อนทันควันว่า แล้วเอเอสทีวีมีปัญหาหรือไม่ เอเอสทีวีบอกว่าศาลคุ้มครอง แล้วคนอื่นได้รับความคุ้มครองด้วยหรือไม่ เพราะเป็นลักษณะเดียวกัน
**"อภิชาต"เมิน"หมัก"ตั้งสถานีใหม่
นายอภิชาต ทองอยู่ โฆษกคณะกรรมการชั่วคราว นโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ แห่งประเทศไทย หรือ สถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส เปิดเผยว่าในกรณีที่ นายกรัฐมนตรี มีแผนที่จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือพนักงานทีไอทีวี เดิมนั้น ในฐานะเราเป็นองค์การทีวีสาธารณะ มองว่า หากท่านนายกฯ จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาจริง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับสถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส แต่อย่างใด เพราะจุดมุ่งหมายของการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์แตกต่างกัน
"สถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นทีวีสาธารณะ มีหน้าที่หรือจุดมั่งหมายแตกต่างกับฟรีทีวี ที่มีอยู่ เพราะเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เราต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของ ให้ประชาชนมีโอกาสและมีส่วนร่วมกับไทยพีบีเอส รวมทั้งเปิดโอกาสให้กับผู้จัดรายการรายย่อยมีโอกาสนำเสนอรายการ โดยเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ปราศจากการแทรกแซงสื่อจากทางการเมืองอย่างแท้จริง จึงมองว่าหากนายสมัครจะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่ ก็เป็นเรื่องของรัฐ เพราะแนวทางการจัดตั้งเป็นคนละแบบกัน"
ทั้งนี้ ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จะตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพนักงานทีไอทีวี ด้วยนั้น นายอภิชาต กล่าวว่า การจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ของท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อจะช่วยพนักงานทีไอทีวี มองว่าไม่เป็นปัญหาในกรณีการคัดเลือกพนักงานชุดถาวรที่จะรับเข้ามาทำงานในเฟสสอง เพราะจำนวนผู้สมัครกว่า 2-3 พันคนนั้น มีคนนอกเข้ามาสมัครด้วย
อีกทั้งมองว่าหากจะมีพนักงานทีไอทีวีเดิม สนใจที่จะเข้าทำงานกับสถานีโทรทัศน์ใหม่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีจะก่อตั้งขึ้น ก็ไม่น่าจะไปกันหมด ดังนั้นจึงไม่เห็นความหนักใจหากจะมีพนักงานทีไอทีวี เปลี่ยนใจไปทำงานกับสถานีโทรทัศน์ใหม่ดังกล่าว
ด้านนายขวัญสรวง อติโพธิ ประธานคณะกรรมการชั่วคราว นโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดที่ท่านนายสมัคร จะจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าหากท่านนายกฯ จะจัดตั้งขึ้นมาจริง ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป และทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ทีวีสาธารณะเกิดขึ้นได้จริง
**เผยทีพีบีเอสคืบหน้ามากแล้ว
สำหรับความคืบหน้าของสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ไทยพีบีเอส นายอภิชาต กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการตามนโยบายการจัดตั้งทีวีสาธารณะคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว โดย ณ วันนี้ สามารถทำงานเสร็จ ลุล่วงไปแล้ว 2-3 รายการ เช่น 1.โครงสร้างการทำงานของไทยพีบีเอส ไม่ว่าจะเป็น ทางฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายบริหาร ฝ่ายข่าว ฝ่ายรายการ ฝ่ายการผลิต และฝ่ายสาธารณะสัมพันธ์
2.ผังรายการเฟส 2 ที่มีความสมบูรณเกี่ยวกับการเป็นทีวีสาธารณะแล้วกว่า 70-80%ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 15 ก.พ. นี้
3.งานด้านสาธารณะสัมพันธ์ ที่กำลังวางแผนในการที่ไปพบกับภาคประชาชนในกลุ่มต่างๆ อีก รวมถึงการจัดตั้งอนุกรรมการขึ้นมา เช่น ชุด จรรยาบรรณ และชุดร้องเรียนเกี่ยวกับทีวีสาธารณะในกรณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของความไม่เป็นธรรมสำหรับผู้จัดรายการด้วย
**เผยขั้นตอนยึดสัมปทานไอทีวีโปร่งใส
แหล่งข่าวจากอดีตคณะกรรมการกำกับกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร ออกมาระบุถึงสถานีโททัศน์ช่องหนึ่ง ที่เชื่อว่าคงเป็นสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ว่ามีทีวีอยู่ดีๆ และก็มีคนมายึดไป ไม่มีใครรู้สึกตื่นเต้นอะไรหรือนั้น เรื่องนี้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเคยเป็นอดีตกรรมการ ยูเอชเอฟ ที่ลาออกไปก็น่าจะรู้ขั้นตอนทุกอย่าง ว่าการคำนวณค่าปรับไอทีวี กับ สปน. เป็นอย่างไร
กรณีที่บริษัทไอทีวี ไม่จ่ายผลตอบแทนค้างจ่ายให้รัฐมาเป็นเวลา 2 ปี รวมทั้งค่าปรับจากการการปรับผังรายการที่ในสัญญาระบุไว้ จึงเป็นขั้นตอนที่ สปน.ต้องยึดสัมปทานคืน
"ตรงนี้นายสมัคร จะออกมาพูดว่า มีทีวีอยู่ดีๆ มีคนมายึดไปไม่ได้ เพราะขั้นตอนมีความชัดเจนจากสูตรการคำนวณ แม้ทางบริษัทไอทีวี จะคัดค้านก็ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไว้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร"
รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าปรับไอทีวีที่อยู่ในวงเงินประมาณ 75,000 ล้านบาท โดยคำนวณมาจากผลตอบแทนค้างจ่ายให้รัฐในปีที่ 9 และปีที่ 10 วงเงิน 1,440 ล้านบาท เมื่อรวมกับค่าปรับ 15% ต่อปี คิดเป็น 1,709 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีค่าปรับจากการการปรับผังรายการที่ในสัญญาระบุไว้ว่า ต้องมีสารคดีและสารประโยชน์ 70% และบันเทิง 30% แต่ไอทีวี ไปปฏิบัติตามอนุญาโตตุลาการโดยจัดทำผังรายการสารคดีและสารประโยชน์ 50% บันเทิง 50% โดยในส่วนนี้สัญญาเขียนว่า จะต้องถูกปรับไอทีวีจะต้องยินยอมชำระค่าปรับในอัตรา 10% ของค่าตอบแทนที่รัฐได้รับในแต่ละปี โดยให้คิดคำนวณค่าปรับเป็นรายวัน
จากประเด็นดังกล่าว หากนับตั้งแต่การจัดผังรายการ เดือนเม.ย.47 จนถึงวันที่ 9 พ.ค.49 ที่มีคำตัดสินของศาลปกครองกลาง หมายความว่า ไอทีวี จะต้องเสียค่าปรับช่วงสัญญาปีที่ 9 วันๆ ละ 90 ล้านบาท และช่วงสัญญาปีที่ 10 อีกวันละ 100 ล้านบาท เมื่อคำนวณทั้งสิ้นแล้ว จึงคิดเป็นเงินที่ไอทีวีต้องจ่ายให้รัฐกว่า 75,000 ล้านบาท
**จับตาแทรกแซงอนุญาโตตุลาการ
แหล่งข่าวระบุว่า แม้ขณะนี้ขั้นตอนการตั้งคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อพิจารณาสูตรคำนวณค่าปรับค่าสัมปทานที่บริษัทไอทีวี ค้างค่าชำระมากว่า 2 ปี ของสปน.จะมีความชัดเจนแล้ว แต่อนุญาโตตุลาการในสัดส่วนของ บริษัทไอทีวี และกระทรวงยุติธรรม ยังไม่มีความชัดเจน และขณะนี้ได้มีการแต่งตั้ง นายวิชช์ จีระแพทย์ อดีตอธิบดีอัยการฝ่ายคดีล้มละลาย ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และผ่านเป็นมติคณะรัฐมนตรีไปแล้ว
ดังนั้น เชื่อว่าหากรัฐจะเข้ามาแทรกแซงกรณีขั้นตอนการพิจารณาอนุญาโตตุลาการก็คงเป็นการตั้งอนุญาโตตุลาการเข้ามาใหม่แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นจึงต้องจับตาดูในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
**ข้องใจ"จักรภพ"จัดระเบียบสื่อเพื่อใคร
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศจะมีการจัดระเบียบสื่อ ว่าการที่นายจักรภพ ระบุว่า มีสื่อไม่เป็นกลาง และรับใช้อำนาจนอกระบบนั้น เป็นการส่งสัญญาณปรามการทำหน้าที่ของสื่อ โดยเฉพาะสื่อในกำกับของรัฐ ทั้งวิทยุ และทีวี จนอาจไม่กล้าตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งนายจักรภพ ควรแจกแจงออกมาให้ชัดว่า สื่อใดไม่เป็นกลางและรับใช้อำนาจนอกระบบ อย่าส่งสัญญาณลอยๆ เพราะทุกอย่างมีกรอบกฎหมายกำกับอยู่ หรือแม้แต่การกล่าวหา ทีวีดาวเทียมนั้นทุกอย่างก็มีกรอบกฎหมายกำกับดูแลอยู่ และที่สำคัญนายจักรภพ ก็เติบโตมาจากการเป็นผู้บริหาร PTV ซึ่งเป็นทีวีดาวเทียม และหมิ่นเหม่ต่อกฎหมาย รวมทั้งข้อกังขาเรื่องความเป็นกลาง
ฉะนั้นการดำเนินการอะไร ต้องมีมาตรฐานและต้องสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่เลือกปฏิบัติ คนเป็นรัฐมนตรียึดหลักผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมืองหรือพวกใครพวกมัน ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า อยากถามนายจักรภพ การที่จัดระเบียบสื่อนั้นจัดเพื่อใคร ซึ่งตนอยากฝากไปถึงสมาคมนักข่าวฯ ด้วยว่า จะมีวิธีการป้องกันการแทรกแซงของนายจักรภพ อย่างไร
เลขาฯ ครป. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีทีวีสาธารณะ หรือสถานีโทรทัศน์ ทีพีบีเอส นั้น ครป.ไม่เห็นด้วย ที่รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซง หรือหาช่องทางควบคุม ครอบงำการทำงานของ ทีพีบีเอส เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และรัฐบาลมีหน้าที่ต้องสนับสนุนไม่ใช่แทรกแซง ส่วนจะออกนโยบายหางานให้พนักงานทีไอทีวี นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากรัฐบาลจะจัดคลื่น UHF เพื่อเปิดให้มีการประมูลช่องใหม่คล้ายๆ ไอทีวีเดิม แต่ต้องไม่ใช่เพื่อการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองของพรรคพลังประชาชน