xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.ร่วมถก8โบรกฯ ล้อมคอกหุ้นเก็งกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยเชิญ 8 บล.หารือแนวทางดูแลหุ้นเก็งกำไร-ป้องกันความเสี่ยงลูกค้า- โบรกเกอร์ เหตุราคาหุ้นหลายบริษัทพุ่งแรงแม้ยังขาดทุนอยู่ไม่สอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน "ภัทรียา" ลั่นแค่ระดมความเห็นยังไม่มีข้อสรุป ด้านทีเอสเอฟซี ประกาศรายชื่อ 30 หุ้นไม่ปล่อยมาร์จิ้น ด้านหุ้นบลิส-เทล -ไออีซี ครบกำหนดห้ามเน็ทฯ-มาร์จิ้น 7 ก.พ.นี้ ขณะที่ ก.ล.ต. สั่งลงโทษมาร์เกตติ้งรวม 8 ราย โดยรายหนึ่งโทษหนักถึงขั้นเพิกถอนการให้ความเห็นในการซื้อขายหลักทรัพย์

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชิญผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ประมาณ 8 แห่ง เข้ามาหารือเกี่ยวกับการดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ให้มีความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงของโบรกเกอร์และนักลงทุน จากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นบางบริษัทมีสภาพการซื้อขายที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น ค่า P/E หรือมูลค่าตามบัญชี ฯลฯ หรือหลายบริษัทที่มีราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับผลการดำเนินงานที่ขาดทุน เป็นต้น

จากการหารือร่วมกันครั้งนี้ ผู้บริหารโบรกเกอร์ได้เสนอแนวทางดูแลหุ้นดังกล่าว ซึ่งมีหลายแนวทางแตกต่างกันไป อาทิ การออกมาตรการที่เข้มงวด หรือกฎเกณฑ์ที่ไม่ต้องเข้มงวดเกินไปแต่ต้องมีความชัดเจน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะรวบรวมข้อเสนอแนะดังกล่าวไปประกอบการพิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดกรอบและระยะเวลาที่จะประกาศใช้ได้

"ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เชิญบริษัทสมาชิกเข้ามาประชุมหารือในการดูและการซื้อขายหุ้นในตลาดให้มีความเหมาะสม จากที่หุ้นหลายบริษัทที่มีการซื้อขายไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน หรือหลายบริษัทมีผลขาดทุนอยู่แต่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งการประชุมร่วมกับโบรกเกอร์ครั้งนี้ ผู้บริหารโบรกเกอร์เสนอแนวทางในการดูแตกต่างกันไป"
นางภัทรียา กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี และผู้บริหารโบรกเกอร์ต่างๆ พร้อมจะให้ความร่วมมือในการดำเนินการติดตามดูแลในเรื่องความเสี่ยง และให้คำแนะนำลูกค้าที่เหมาะสม โดยหน้าที่ในการดูและการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยนั้นเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องมีการร่วมกันในการดูแล ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มีหน้าที่ในการดูและโบรกเกอร์ ส่วนโบรกเกอร์นั้นถือว่าเป็นต้นทางในการดูและลูกค้า ส่วนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะมีหน้าที่ในการดูและตลาดหลักทรัพย์ฯ และโบรกเกอร์อีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประชุมร่วมกับก.ล.ต.ในเรื่องการดูและการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมานี้

แจงเหตุเรียก8โบรกเกอร์หารือ

แหล่งข่าวจากผู้บริหารโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง ว่า ตลาดหลักทรัพย์เรียกผู้บริหารโบรกเกอร์ 8 แห่ง ได้แก่ บล.ซีมิโก้ บล.โกลเบล็ก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.ฟาร์อีสท์ บล.แอ๊ดคินซัน บล.บัวหลวง บล.ธนชาต และ บล.เคทีบี เพื่อหารือแนวทางการปกป้องนักลงทุนรายย่อย จากการเก็งกำไรหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผันผวน จากการเข้ามาเก็งกำไรราคาหุ้นของนักลงทุนรายใหญ่ เช่นหุ้น BLISS ,BLISS-W1, IEC ,TRAF,N-PARK,LIVEเป็นต้น ที่มีการเก็งกำไรกันมากผิดปกติ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาถึงแม้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีมาตรการสกัดการเก็งกำไรโดยห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (เน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้น )แต่ไม่สามารถสกัดการเก็งกำไรได้ เพราะนักลงทุนยังพร้อมที่จะซื้อขายโดยการใช้เงินสด ซึ่งในที่ประชุมมีการหารือและแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากมีหลายประเด็นที่เสี่ยงกับการถูกฟ้องร้องจากบริษัทฯได้ อีกทั้งปัจจุบันถือว่ามีกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่ดูแลเกี่ยวกับหุ้นเก็งกำไรอยู่แล้ว

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ผู้บริหารโบรกเกอร์บางรายเสนอให้ขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายหุ้นไปเลย หากใช้มาตรการห้ามเน็ทฯ-มาร์จิ้น 30 วันแล้วยังไม่ได้ผล แต่ถูกคัดค้าน เพราะหากทำอย่างนั้นอาจถูกบริษัทจดทะเบียนฟ้องร้องได้ เพราะถือว่าทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งมีบางรายเสนอให้ใช้มาตรการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม แต่ก็เกรงว่าจะสร้างความสับสนและยุ่งยากกับลูกค้า

"การที่ตลาดหลักทรัพย์ฯเชิญเฉพาะ 8 โบรกฯ เท่านั้นเพื่อหารือเกี่ยวกับหุ้นเก็งกำไรครั้งนี้ เพราะ ออเดอร์มาจาก 8 โบรกเกอร์ดังกล่าว และที่ประชุมก็เห็นร่วมกันว่าควรจะดูแลหุ้น 3 ตัวเป็นพิเศษ คือ BLISS IEC และ N-PARK เพราะมีการเก็งกำไรกันมาก" แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างไรก็ตามในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันสุดท้ายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯห้ามซื้อขายเน็ทเซ็ทเทิลเม้นท์ และและมาร์จิ้นในหุ้น BLISS และ IEC

TSFCเปิดหุ้นไม่ปล่อยมาร์จิ้น

จากข้อมูลของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ในเดือน กุมภาพันธ์ มีหลักทรัพย์ที่ไม่อนุญาตให้ซื้อขายเพิ่มในบัญชีมาร์จิ้นและ/หรือนำเป็นหลักประกันเพิ่ม รวม 30 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน)หรือEMC ,บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ หรือ GBX บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ) ,บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (METRO) ,บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (MPT ) ,บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) (RICH) บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (RS)

บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SAMART), บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) ,บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (TUCC) ,บริษัท เอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) (AMC) ,บริษัท หลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) (ASL) บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS) ,บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) (EWC) ,บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ( IEC) ,บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF) ,บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (TKS) ,บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (A) ,บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) (BFIT) , บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP)

บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) (ESTAR) ,บริษัท อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ จำกัด (มหาชน) (ETG) ,บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) (FNS) ,บริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด(มหาชน) (GENCO),บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ( INET) ,บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) ,บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) ,บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) (SAMTEL) บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (SECC) ,บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) (SKR)

ก.ล.ต.สั่งลงโทษมาร์เกตติ้ง 8 ราย

ด้านสำนักงานก.ล.ต. รายงานเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 51 ก.ล.ต.ได้ลงโทษผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ประกอบด้วย สั่งเพิกถอน (รายที่ 1) นายวีรวัฒน์ กลิ่นสุนทร สั่งพักการปฏิบัติงาน (รายที่ 2) นายวสันต์ ช้างแก้ว เป็นระยะเวลา 6 เดือน และภาคทัณฑ์ (รายที่ 3 - 8) เป็นระยะเวลา 1 ปี ได้แก่ นางสาวสุพรรษา สุขแสวง นางสาวศันสนีย์ กิจเจริญ นางสาววรรณาพร ยศสมศักดิ์ นางสาวขนิษฐา แก้งคำ นางประไพ ฉายคุณรัฐ และนายศุภมิตร แซ่ลี้

สำหรับกรณีนายวีรวัฒน์ สำนักงานก.ล.ต. พบว่า นายวีรวัฒน์ขอใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าทำการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อสร้างปริมาณการซื้อขายให้แก่ตนเอง และสั่งขายหลักทรัพย์ของลูกค้าที่อยู่ในบัญชีดังกล่าว เพื่อนำค่าขายไปชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ที่นายวีรวัฒน์เป็นผู้สั่งซื้อ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ซื่อสัตย์ สุจริต และไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งถือเป็นนความผิดที่ร้ายแรงจึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป และการที่นายวีรวัฒน์ถูกเพิกถอนดังกล่าว ทำให้เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ก.ล.ต. จึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบการเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของนายวีรวัฒน์ด้วย

ส่วนกรณีของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนที่กระทำผิดรายที่ 2 - 8 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า มีการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับลูกค้าในลักษณะที่ส่งผลให้ราคา หรือสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาดหลักทรัพย์ (False Market) อันเป็นการปฏิบัติไม่เป็นตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณาลงโทษ จึงเป็นผลให้เจ้าหน้าที่การตลาดรายดังกล่าวมีลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. จึงได้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนรายที่ 2 เป็นระยะเวลา 6 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2550

ขณะที่ รายที่ 3 - 8 ก.ล.ต. สั่งภาคทัณฑ์การปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยรายที่ 3 - 6 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 และรายที่ 7 - 8 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
กำลังโหลดความคิดเห็น