นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น(คปต.) ยืนยันว่าจะทำเรื่องยื่นตรวจสอบคุณสมบัตินายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่าขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ต่อผู้ตรวจการรัฐสภา ซึ่งมีอำนาจสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245
นายวีระ เชื่อว่าตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 174 ที่มีบทบัญญัติว่ารัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม (5) ที่ระบุว่า ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีก่อนได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และในมาตรา 182 (3) ระบุว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นคดีที่ยังไม่ถึงที่สุดที่มีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
ทั้งนี้ กรณีนายสมัคร นั้นก่อนจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกในคดีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 โดยตัดสินความผิด 4 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวม 2 ปี ไม่รอลงอาญา และถ้าวันนั้นนายสมัคร ไม่ประกันตัว ไม่อุทธรณ์ ก็ต้องเข้าคุก และจะยาวไปถึงปี 2553 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อแย้งในแง่กฎหมาย บางคนว่าคดียังไม่ถึงที่สุด แต่บางคนว่าถ้าพิพากษาโดยไม่รอลงอาญา ก็ถือว่าถึงที่สุดแล้ว แต่ตนคิดว่าอะไรถูกต้องที่สุด ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนที่นักกฎหมายบางคนแย้งว่า คดีนี้เป็นคดีลหุโทษ จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายวีระ ยืนยันว่า คดีหมิ่นประมาทไม่ใช่คดีลหุโทษๆ ต้องเข้าลักษณะจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท ซึ่งจะเห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษานายสมัคร กระทงละ 6 เดือน ก็ไม่เข้าลักษณะความผิดลหุโทษชัดเจนแล้ว ถ้าใครเรียนกฎหมายก็จะรู้ว่า คดีหมิ่นประมาทไม่ใช่คดีลหุโทษ ประเด็นนี้จึงตัดทิ้งไปได้เลย
ผู้สื่อข่าวถาามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะนำไปสู่การถอดถอนนายสมัครได้ เพราะนายสมัคร ก็เป็นนักกฎหมาย แสดงความมั่นใจมาตลอดว่าจะหลุดทุกคดี ประธาน เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า ไม่ว่านายสมัคร จะมั่นใจ หรือตนจะมั่นใจ ก็ไม่ใช่คนตัดสิน แต่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนจึงจะนำเรื่องร้องเรียนไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการบรรทัดฐานต่อไปเพื่อไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต แล้วคนนั้นจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี จะต้องมีความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการรัฐสภาเมื่อไหร่ นายวีระ กล่าวว่าหลังจากตั้งครม.เสร็จแล้ว เพราะถ้าตั้ง ครม.เสร็จแล้วและความเชื่อของตนถูกต้อง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายสมัครขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนายสมัคร จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีผลให้ ครม.พ้นหน้าที่ไปทั้งคณะ ตามมาตรา 180 โยงมาตรา 182 ด้วย
“นี่คือมาตรการการตรวจสอบ ผมไม่ได้กลั่นแกล้งคุณสมัคร แต่ผมต้องการ ให้คนที่เข้าสู่การเมือง มาใช้อำนาจรัฐต้องสง่างาม ยิ่งทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารประเทศ ดูแลงบประมาณแผ่นดิน คุณต้องมีความสง่างาม โปร่งใส ต้องมีความเหมาะสมอย่างไร ซึ่งต้องใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ”
สำหรับคดีกล่าว เ มื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาสั่งจำคุก นายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. ที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ซึ่งจัดรายการ “เช้าวันนี้ที่ช่อง5” กล่าวข้อความว่า “มีผู้บริหารกรุงเทพมหานครบางคนออกรถบีเอ็มฯ ซีรีส์ ใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ ที่แท้มีผู้รับเหมาซื้อให้” และรายการ “สมัคร -ดุสิต คิดตามวัน” ทางช่อง 9 ความว่า “โครงการประมูลของกรุงเทพมหานคร 10 โครงการ มันกินกัน 12-13 เปอร์เซ็นต์เกือบ 3,000 ล้านบาท”
นายวีระ เชื่อว่าตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 174 ที่มีบทบัญญัติว่ารัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม (5) ที่ระบุว่า ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีก่อนได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และในมาตรา 182 (3) ระบุว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นคดีที่ยังไม่ถึงที่สุดที่มีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
ทั้งนี้ กรณีนายสมัคร นั้นก่อนจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกในคดีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 โดยตัดสินความผิด 4 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวม 2 ปี ไม่รอลงอาญา และถ้าวันนั้นนายสมัคร ไม่ประกันตัว ไม่อุทธรณ์ ก็ต้องเข้าคุก และจะยาวไปถึงปี 2553 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อแย้งในแง่กฎหมาย บางคนว่าคดียังไม่ถึงที่สุด แต่บางคนว่าถ้าพิพากษาโดยไม่รอลงอาญา ก็ถือว่าถึงที่สุดแล้ว แต่ตนคิดว่าอะไรถูกต้องที่สุด ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนที่นักกฎหมายบางคนแย้งว่า คดีนี้เป็นคดีลหุโทษ จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายวีระ ยืนยันว่า คดีหมิ่นประมาทไม่ใช่คดีลหุโทษๆ ต้องเข้าลักษณะจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท ซึ่งจะเห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษานายสมัคร กระทงละ 6 เดือน ก็ไม่เข้าลักษณะความผิดลหุโทษชัดเจนแล้ว ถ้าใครเรียนกฎหมายก็จะรู้ว่า คดีหมิ่นประมาทไม่ใช่คดีลหุโทษ ประเด็นนี้จึงตัดทิ้งไปได้เลย
ผู้สื่อข่าวถาามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะนำไปสู่การถอดถอนนายสมัครได้ เพราะนายสมัคร ก็เป็นนักกฎหมาย แสดงความมั่นใจมาตลอดว่าจะหลุดทุกคดี ประธาน เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า ไม่ว่านายสมัคร จะมั่นใจ หรือตนจะมั่นใจ ก็ไม่ใช่คนตัดสิน แต่อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนจึงจะนำเรื่องร้องเรียนไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการบรรทัดฐานต่อไปเพื่อไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต แล้วคนนั้นจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี จะต้องมีความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการรัฐสภาเมื่อไหร่ นายวีระ กล่าวว่าหลังจากตั้งครม.เสร็จแล้ว เพราะถ้าตั้ง ครม.เสร็จแล้วและความเชื่อของตนถูกต้อง ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายสมัครขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนายสมัคร จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีผลให้ ครม.พ้นหน้าที่ไปทั้งคณะ ตามมาตรา 180 โยงมาตรา 182 ด้วย
“นี่คือมาตรการการตรวจสอบ ผมไม่ได้กลั่นแกล้งคุณสมัคร แต่ผมต้องการ ให้คนที่เข้าสู่การเมือง มาใช้อำนาจรัฐต้องสง่างาม ยิ่งทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหารประเทศ ดูแลงบประมาณแผ่นดิน คุณต้องมีความสง่างาม โปร่งใส ต้องมีความเหมาะสมอย่างไร ซึ่งต้องใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ”
สำหรับคดีกล่าว เ มื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาสั่งจำคุก นายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. ที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ซึ่งจัดรายการ “เช้าวันนี้ที่ช่อง5” กล่าวข้อความว่า “มีผู้บริหารกรุงเทพมหานครบางคนออกรถบีเอ็มฯ ซีรีส์ ใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ ที่แท้มีผู้รับเหมาซื้อให้” และรายการ “สมัคร -ดุสิต คิดตามวัน” ทางช่อง 9 ความว่า “โครงการประมูลของกรุงเทพมหานคร 10 โครงการ มันกินกัน 12-13 เปอร์เซ็นต์เกือบ 3,000 ล้านบาท”
