xs
xsm
sm
md
lg

“เติ้ง” บ้วนสัจจะเกี่ยวก้อย ปชป. - ฉุนสื่อจี้หนุน “หมัก” นั่งนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย
“บรรหาร” บ้วนทิ้งสัจนิยมที่เคยให้ไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ อ้างเข้าใจกันและกัน พร้อมนัดกินข้าวปรับความเข้าใจ ยันยังเคารพ “ผู้ใหญ่” ที่นับถือมา 30 ปี แต่ต้องยึดประเทศชาติเป็นหลัก ฉุนขาดอัดสื่อหาเรื่องหลังจ่อปากถามไม่หนุน “หมัก” นั่งนายกฯ

วานนี้ (17 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่าภายหลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ร่วมกันแถลงข่าวโดยประกาศจุดยืนในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นจึงตอบคำถามผู้สื่อข่าว

โดยผู้สื่อข่าวถามถึงเงื่อนไข 5 ข้อที่พรรคเพื่อแผ่นดินตั้งขึ้นร่วมกัน แล้วจะมีความเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าพรรคพลังประชาชนจะปฏิบัติตามได้จริง นายสุวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่นายบรรหารได้ถามกับตัวแทนพรรคพลังประชาชนในวันที่เข้าเยี่ยมไข้ก็น่าจะมีความชัดเจนแล้ว โดยทางพรรคพลังประชาชนได้ตอบรับเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

จากนั้น นายบรรหารกล่าวเสริมว่า การตอบเราคงไม่ต้องไปเอาหนังสือสัญญาอะไร เราอาศัยเพียงแค่คำพูดก็น่าจะเชื่อถือได้ และคำพูดของคนที่น่าจะเชื่อได้มาพูดกับตัวแทนพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็คิดว่าน่าจะเชื่อถือได้เราให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนถ้ามีการละเมิดเงื่อนไขในข้อใดข้อหนึ่งแล้วจะทำอย่างไรนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ค่อยมาว่ากันอีกทีหนึ่ง เพราะเหตุมันยังไม่เกิดขึ้น

ส่วนจะเคลียร์กับพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องสัจนิยมอย่างไรนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า เอาให้จบเรื่องเสียก่อนแล้วเดี๋ยวจะนัดไปทานข้าวที่ร้านช้อนเงินช้อนทอง เราเคยพูดกันแล้วตอนเลือกตั้งว่าถ้าเป็นอย่างนี้เราจะทำอย่างไร เราเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ต้องห่วงจะมีการนัดทานข้าวกันแน่นอน

เมื่อถามอีกว่า พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน จะมีแนวทางในการเชื่อมความสมานฉันท์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชาชนหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า อย่าเอาพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินไปยุ่งเรื่องนั้นเลย ไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้ อย่าถามเลย เรื่องนี้ไม่มีใครตอบได้ ส่วนการกำหนดตัวนายกรัฐมนตรีมีส่วนสำคัญมากน้อยแค่ไหนกับพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน นายบรรหาร กล่าวว่า การกำหนดตัวรัฐมนตรีก็คงจะไปว่ากันแต่ละพรรค เราคงจะไม่ไปก้าวก่ายกัน

เมื่อถามย้ำอีกว่า ทั้ง 2 พรรคแสดงจุดยืนอย่างไรต่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ นายบรรหาร กล่าวว่า ขอให้ผ่านการโหวตเลือกประธานรัฐสภาเสียก่อน แล้วให้ถึงวันนั้นค่อยมาถาม ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยืนยันว่าหัวหน้าพรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งก็ต้องได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ขอตอบ เมื่อซักต่อว่าการไม่ตอบแสดงว่าไม่สนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ นายบรรหารย้อนถามสื่อแบบหงุดหงิดว่า “ถามแบบนี้ถามแบบหาเรื่อง หนูอยู่ฉบับไหนเนี่ย หนูอยู่ฉบับไหนจ๊ะ เราถามแบบหาเรื่องมันไม่ดีนะ เราเป็นนักข่าวเรายังเด็กอยู่นะเนี่ย ฮ้า ไม่เอาไม่เอา”

เมื่อถามในส่วนของผู้ใหญ่ที่นับถือกันมา 30 ปีจะว่าอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า “ผมว่าแล้วว่าคุณจะต้องถามคำถามนี้ ผมขอพูดตามความจริงว่าผมยังเคารพนับถือตลอด ไม่มีเสื่อมคลาย แต่ต้องว่ากันเป็นกรณีไป ตอนนี้ต้องเอาประเทศชาติเป็นหลัก ผมขอถามว่าถ้ารัฐบาลจัดไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างไร เราจะเอาอะไรไว้ก่อน เหมือนกับเมื่อปี 2540 ผมเป็นนายกฯ ปี 2539 ผมถูกพรรคประชาธิปัตย์ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจผม โดยเอาเรื่องเก่ามาพูดเล่นถึงปู่ย่าตายายพ่อแม่ผมทั้งหมดเลย จนทำให้บางคนที่ดูกันทางโทรทัศน์ต้องเตะโทรทัศน์แตกกระจายหมดเลย ผมก็เก็บไว้ในใจ

แต่ตอนหลังปี 2540 รัฐบาลลาออกเงินบาทไหลถึง 70-80 พล.ต.สนั่น เลขาธิการพรรคในขณะนั้นได้เดินทางมาหาผม มาขอร้องให้พรรคชาติไทยเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ผมมองเห็นตอนนั้นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีขุนพลเศรษฐกิจที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานั้นได้ คือ นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ผมได้เอาเรื่องนี้มาใคร่ครวญถึง 3 วัน 3 คืนกับครอบครัว ซึ่งผมเอาเรื่องส่วนตัวเก็บไว้ก่อน แล้วเอาเรื่องชาติมาเป็นหลัก ซึ่งตรงนี้เป็นที่มา อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นนักการเมืองก็ต้องลืมบ้าง ถ้าเราไม่ลืมแล้วก็ต้องแค้นกันไปตลอดชาติ ผมอายุมากแล้วก็อยากจะลืมๆ ซะ เราเข้าใจกันนะ ซึ่งตรงนี้คือคำตอบ แต่ผมก็ยังมีความเคารพนับถือไม่เปลี่ยนแปลง แต่เวลานี้เราต้องเอาประเทศชาติส่วนรวมไว้ก่อน ตรงนี้เราเข้าใจกันนะ” นายบรรหาร กล่าว

ส่วนการจัดสรรตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีมีความเกี่ยวเนื่องกับการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนี้หรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่าได้มีการเจรจากันในเบื้องต้นแล้ว นายบรรหาร กล่าวว่า เรายังไม่ได้ตอบตกลง แล้วจะมีการจัดสรรเก้าอี้กันได้อย่างไร มันต้องให้หลังจากวันนี้เป็นต้นไป กระแสข่าวก็คือกระแสข่าว ทุกอย่างเป็นข่าวปล่อยทั้งนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องเก้าอี้กันแต่อย่างใด

เมื่อถามต่อว่า พรรคเพื่อแผ่นดินได้มีจุดยืนชัดเจนเรื่องความสมานฉันท์มาตลอด เมื่อตัดใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน แล้วมีความมั่นใจได้อย่างไรว่าพรรคพลังประชาชนจะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นภายในชาติ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าสัญญาประชาคมที่พรรคพลังประชาชนได้แถลงเอาไว้ก็คงจะยึดถือตามแนวทางนั้น โดยจะยึดถือประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ตอนนี้ปัญหายังไม่เกิดในวันนี้ ประเทศชาติต้องการความสมานฉันท์ ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน เราคงจะเอาตรงนี้ก่อน เราอย่าเพิ่งไปคิดถึงอนาคตว่าถ้าเกิดปัญหาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น

“วันนี้เราต้องสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับคนไทย ถึงจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ซึ่งไทยจะได้เกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมาให้เป็นที่ยอมรับของนานาอารยะประเทศ หากคนไทยยังไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน แล้วต่างชาติจะมีความมั่นใจเราได้อย่างไร แต่ถ้าหากประเทศชาติไม่สามารถเดินต่อไปได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชนบ้านเมืองที่กำลังประสบปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากต่างประเทศ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภายในประเทศที่เรากำลังมีปัญหาสุญญากาศทางการเมืองที่เป็นระยะเวลาอันยาวนาน พี่น้องประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำได้คือสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้” นายสุวิทย์ กล่าว

จากนั้น นายบรรหารได้หันไปถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงจุดยืนในการสนับสนุนนายสมัคร เป็นนายกฯ ว่า หนูคนที่ถามคำถามนี้ต้องตอบก่อนว่ามาจากฉบับไหน จึงจะตอบคำถามนี้ ถ้าไม่ตอบ ก็จะไม่ตอบคำถามที่ถาม ผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามตอบกลับไปว่า “หนูอยู่ประชาชาติธุรกิจค่ะ” นายบรรหาร ตอบว่า นี่แหละ อยู่เหมือนกับมติชนนี่แหละ ตนขอตอบแล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นที่สงสัย ระหว่างนายสมัคร และนายบรรหารในสมัยที่ตนเป็นนายกฯ นายสมัคร เป็นรองนายกฯ และอดีตนายกฯ ทักษิณ ก็เป็นรองนายกฯ

“เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างช่วยงานผมกันอย่างดียิ่ง ตอนหลังนายสมัคร มาลงสมัครเป็นผู้ว่า กทม. ซึ่งผมเองก็ให้ความช่วยเหลือช่วยหาเสียงให้ โดยความสัมพันธ์ส่วนตัวผมกับนายสมัคร ก็มีอยู่พอสมควร จะให้ผมมาตอบว่ายอมรับ หรือไม่ยอมรับคงจะต้องอยู่ที่พรรคพลังประชาชนว่าเขาจะเอาใคร ตรงนี้มันคือคำตอบขอให้เข้าใจไว้ด้วย”

เมื่อถามว่า มีหลายคนวิเคราะห์ว่าพรรคพลังประชาชนจะจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่นาน แล้ว 2 พรรคนี้ได้วิเคราะห์หรือไม่ว่า ถ้าเอานายสมัคร เป็นนายกฯ แล้วจะกลายเป็นรัฐบาลอายุสั้นอยู่ไม่ครบ 4 ปี นายบรรหาร กล่าวว่า เหมือนกับการสมัครผู้แทนราษฎร เกือบได้คือตก เกือบตกคือได้ ดังนั้นการบอกว่าอายุสั้นเราควรมองแง่ดีกันบ้าง เราอย่าไปมองว่ามีอายุสั้น ซึ่งอายุสั้นอาจจะสั้น 1 ปี หรือสั้น 3 ปีก็ได้

ส่วนพรรคชาติไทยทำไมถึงเชื่อคำพูดของพรรคพลังประชาชน ทั้งๆ ที่การกระทำเป็นอีกแบบหนึ่ง นายบรรหาร กล่าวว่า “อย่าย้ำนะ ผมตอบหมดแล้ว ค่อยให้ถึงวันนั้นค่อยมาว่ากันอีกที ตอนนี้มันยังไม่ถึง เมื่อถามต่อว่า ในเมื่อทุกคนก็รู้ดีว่าคะแนนของพรรคพลังประชาชนได้ที่หนึ่ง ซึ่งหัวหน้าพรรคก็ต้องได้เป็นนายกฯ แล้วทำไมพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินถึงไม่มั่นในที่จะสนับสนุนให้นายสมัคร ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ นายบรรหาร กล่าวว่า “ผมถามว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือเปล่า ตอนนี้สื่อมวลชนกำลังรุกผมเหลือเกิน คำถามนี้ผมให้คุณสุวิทย์ตอบ”

นายสุวิทย์ จึงกล่าวตอบว่า ตามหลักแล้ว เราต้องให้เกียรติพรรคแกนนำที่เป็นพรรคใหญ่เสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ ดังนั้นควรจะเป็นขั้นตอนที่พรรคพลังประชาชนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการเสนอตัวนายกฯ ซึ่งขบวนการตรงนี้จะต้องดำเนินการไป และต้องมีการลงคะแนนเสียงเพื่อหาเสียงสนับสนุนคนที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ในสภาผู้แทนราษฎร และตามกฎหมายรัฐธรรมนูญผู้แทนราษฎรทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการลงคะแนนสนับสนุนนายกฯ ซึ่งตรงนี้เป็นสิทธิของสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ซึ่งตรงนี้ก็เป็นตามขั้นตอนระเบียบของกฎหมายอยู่แล้ว

โดยหลังจากที่นายสุวิทย์พูดจบ นายบรรหารได้ย้อนถามสื่อมวลชนที่ตั้งคำถามว่า “อยู่ฉบับไหน เดี๋ยวผมจะตอบคำถามที่ถามมา เดี๋ยวผมจะต้องไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ของคุณแน่ๆ เลย เรื่องความเชื่อถือหรือไม่เชื่อ หรือไม่เชื่อถือ ต่อให้มีสัญญากันถ้าไม่มีความจริงใจก็เชื่อถือไม่ได้ แค่นี้พอมั้ย มันเบี้ยวกันได้หมด เข้าใจมั้ย อย่าให้ผมไปทะเลาะกับใครเลย เมื่อพยายามที่จะซักถามต่อ นายบรรหาร กล่าวเพียงว่า “ผมขอจบการแถลงข่าวแค่นี้นะครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ พร้อมทั้งลุกหนีผู้สื่อข่าวทันที”

รายงานแจ้งว่า ภายหลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายบรรหารได้เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าโรงแรง ซึ่งในขณะที่กำลังจะออกจากห้องแถลงข่าว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งไม่ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วย โดยก่อนหน้านี้ได้ออกมาให้สัมภาษณ์วิพากษ์นายบรรหาร อย่างดุดัน ได้เดินเข้ามาไหว้นายบรรหาร ซึ่งนายบรรหาร ไม่ได้รับไหว้แต่อย่างใด พร้อมทั้งมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.ประชา ว่าเหตุใดถึงเพิ่งมาปรากฏตัวหลังจากแถลงข่าวเสร็จ และการเข้ามาไหว้นายบรรหาร ครั้งนี้ หมายความว่าอย่างไร แต่ พล.ต.อ.ประชา ไม่ตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ทุกอย่างให้ไปถามนายสุวิทย์”
กำลังโหลดความคิดเห็น