xs
xsm
sm
md
lg

เงินนอกทะลักเก็บหุ้น3วันพุ่งเฉียด2หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยสวิงนักลงทุนรายย่อย-สถาบันแห่ขายทำกำไร ขณะที่ฝรั่งซื้อไม่หยุด 3 วันพุ่งเฉียด 2 หมื่นล้านบาท "BANPU" สุดฮอตพุ่งอีก 32 บาทปิด 456 บาท ใกล้ราคาประเมินเหมาะสมปี 51 โบรกฯ ยังไม่ฟันธงฝรั่งหวนซื้อรอบนี้อยู่ระยะสั้นหรือเทรดระยะยาว แนะขายทำกำไรหากราคาหุ้นปรับเพิ่ม ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส เผยเริ่มหันเก็งกำไรหุ้นอสังหาฯ-รับเหมา หลังนายกฯสมัคร ประกาศอัดงบ 8 แสนล้านผลักดันโครงการรถไฟฟ้า 9 สายใน 3 ปี

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (4 ก.พ.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเช้าตอบรับตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นก่อนจะมีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานเนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ 811.56 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ 0.09% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 828.79 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 809.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,311.19 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,811.56 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,984.12 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 3,827.43 ล้านบาท โดยแค่ 3 วันทำการนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้วถึง 18,743.92 ล้านบาท
สำหรับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดหุ้นบมจ.ปตท. หรือ PTT ราคาปิดที่ 328 บาท ลดลง 10 บาท หรือ 2.96% มูลค่าการซื้อขาย 4,210.38 ล้านบาท, หุ้นบมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น หรือ PTTAR ราคาปิดที่ 39 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,413.50 ล้านบาท, หุ้นบมจ.บ้านปู หรือ BANPU ราคาปิดที่ 456 บาท เพิ่มขึ้น 32 บาท หรือ 7.55% มูลค่าการซื้อขาย 2,209.39 ล้านบาท, ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ราคาปิดที่ 84.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 3.05% มูลค่าการซื้อขาย 2,191.23 ล้านบาท, บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ราคาปิดที่ 100 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 2.04% มูลค่าการซื้อขาย 1,259.62 ล้านบาท
นายวรุฒน์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นในสหรัฐเนื่องจากนักลงทุนรับรู้และเข้าใจกับปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพไปค่อนข้างมากแล้วรวมถึงความเข้าใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่เข้าสู่สภาวะการชะลอตัวซึ่งเรื่องดังกล่าวยังถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ปกคลุมตลาดหุ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ ประเด็นที่อาจจะถือได้ว่าเป็นประเด็นบวกของตลาดหุ้นไทย คือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่ถือว่าใกล้จะได้เห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีทำให้มีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองมากขึ้น ประกอบกับเม็ดเงินจากต่างชาติที่ยังไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ยังคงต้องรอลุ้นว่ามูลค่าการซื้อขายจะหายไปหรือไม่เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยคำแนะนำในช่วงสั้นควรขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยแนวต้าน 823-824 จุด แนวต้านขั้นสูงถัดไป 860 จุด แนวรับ 810 วัน
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย กลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรออกมาเนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นหลายบริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปกว่า 60 จุดขณะเดียวกันเพียงแค่ 2 วันนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มตลาดยังเชื่อว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแถวระดับ 825 จุดอีกครั้ง โดยมองแนวรับรอบนี้ที่ระดับ 810 จุด ซึ่งถ้ายืนได้เชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสขึ้นต่อ แต่อาจจะมีการปรับฐานในระยะสั้น

**เก็งกำไรอสังหาฯ-รับเหมา
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเริ่มมีการขายทำกำไรออกมาโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่เริ่มมการเข้ามาซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง หลังล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประกาศผลักดันการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย ภายใน 3 ปี และเปลี่ยนระบบรางเป็นรางคู่ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณรวม 8 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ หลังเม็ดเงินต่างประเทศยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ให้ติดตามปัจจัยรายวันอย่างทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศประกอบ รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกว่าเคลื่อนไหวในทิศทางใดเนื่องจากมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 805 -795 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 820 - 830 จุด
" วานนี้ในช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไรออกมาค่อนข้างมากจึงกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลง แต่วอลุ่มการซื้อขายยังค่อนข้างหนาแน่นอยู่ โดยพรุ่งนี้ดัชนียังน่าจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากเม็ดเงินจากต่างชาติน่าจะยังไหลเข้ามาแต่ยังตอบได้ยากกว่ารอบนี้นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาจริงหรือไม่" นางสาวอาภาภรณ์กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้นอยู่พอร์ตให้ถือรอดูสถานการณ์ ในขณะที่นักลงทุนที่สนใจลงทุนแนะนำให้หาจังหวะเข้าเก็บหุ้นธนาคารพาณิชย์ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ เช่น KBANK, AP, QH, AMATA และ PS

**BANPUใกล้ราคาพื้นฐาน
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับถ่านหินโดยเฉพาะหุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นผลมาจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินตกอยู่ในสถานะไม่สามารถส่งออกถ่านหินได้เนื่องจากปัญหาหิมะที่ตกอย่างหนักในประเทศซึ่งกระทบต่อการขนส่ง ในขณะเดียวกันทำให้ต้องมีการนำเข้าถ่านหินเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าส่งผลให้หุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้รับอานิสงส์จนราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
ทั้งนี้ในกรณี BANPU ล่าสุดราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 456 บาท เพิ่มขึ้น 32 บาท หรือ 7.55% ถือว่าราคาดังกล่าวอยู่ในระดับที่ใกล้ราคาที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆประเมินราคาตามพื้นฐานของบริษัทไว้แล้ว จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุน
"ราคา BANPU ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนใกล้ราคาเป้าหมายสิ้นปีแล้ว อาจจะมีบางโบรกเกอร์ที่อาจจะปรับราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทได้รับผลดีจากที่ประเทศจีนต้องนำเข้าถ่านหินในช่วงที่เจอปัญหาพายุหิมะตกจนกระทบต่อระบบขนส่งของประเทศ"แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น