ผู้จัดการรายวัน – ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนหนักตามตลาดหุ้นเอเชีย เปิดตลาดดิ่งกว่า 33 จุด หลังเจอข่าวร้ายสภาคองเกรส ไม่อนุมัติแผนกู้วิกฤตสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านบาท ก่อนจะดีดกลับช่วงบ่ายจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลให้ตลาดปิดที่ 596.54 จุด ลดลงแค่ 4.75 จุด มูลค่าการซื้อขายคึกคักถึง 2.1 หมื่นล้านบาท ระบุตั้งแต่เดือนก.ย. ต่างชาติขายสุทธิแล้ว 2.75 หมื่นล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ เสียงแตกคาดดัชนีวิ่งทั้งแดนบวก-ลบ แนะชะลอลงทุนรอความชัดเจน ให้แนวรับต่ำสุดที่ 570 จุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในวันสุดท้ายของเดือนกันยายน 2551 (30 ก.ย.) นักลงทุนได้เตรียมเทขายหุ้นออกมาตั้งแต่ก่อนเปิดการซื้อขาย หลังจากที่สภาพคองเกรส ไม่อนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่อง 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยรูดลงทันทีเมื่อเปิดตลาดในช่วงเช้า ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 568.18 จุด ลดลงจากวันก่อนกว่า 33.11 จุด
ขณะที่ ช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อมาในหุ้นขนาดใหญ่ได้หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่า ทางการสหรัฐฯ น่าจะผลักดันมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันต่อไป หรืออาจะหาแนวทางอื่น ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 599.16 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 596.54 จุด ลดลงจากวันก่อนแค่ 4.75 จุด คิดเป็น 0.79% มูลค่าการซื้อขายรวม 21,343.91 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิรวม 625.08 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 233.73 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 885.84 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 27,559.49 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 228 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,154.23 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 127 บาท ลดลง 3 บาท มูลค่า 2,105.44 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่ 102 บาท ลดลง 1 บาท มูลค่า 1,383.83 ล้านบาท บมจ. บ้านปู (BANPU) ปิดที่ 294 บาท ลดลง 10 บาท มูลค่า 1,270.93 ล้านบาท และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิดที่ 62 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่า 1,077.17 ล้านบาท
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (30 ก.ย.) ปรับตัวอย่างผันผวน โดยเปิดตลาดร่วงไปกว่า 33 จุด ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้บ่างในช่วงบ่าย จากกระแสข่าวที่ธนาคารกลางของประเทศในแถบยุโรปจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงิน
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงผันผวนอิงกับปัจจัยต่างประเทศ โดยนักลงทุนต้องติดตามมาตรการแก้วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิด รวมถึงแนวทางความช่วยเหลือของประเทศในแถบยุโรป ดังนั้นช่วงนี้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยให้แนวรับไว้ที่ 585 จุด และแนวต้านที่ 610 จุด
นายชัย จีรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน จากผลการที่สภาคองเกรสไม่อนุมัติผ่านเงินอัดฉีดจำนวน 7 แสนล้าน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางตลาดหุ้นที่ปรับตัวค่อนข้างผันผวนเช่นเดียวกัน และคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังผันผวนต่อเนื่องถึงวันนี้ (1 ต.ค.) โดยมีแนวรับที่ 580 จุด และแนวต้านที่ 610-615 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้ามีแรงเทขายหุ้นออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศ ที่ขายหุ้นขนาดใหญ่ ด้วยการตั้งราคาขายตั้งแต่ก่อนเปิดการซื้อขาย (Pre-open) ส่งผลให้มีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างคึกคักกว่าช่วงที่ผ่านๆ มา แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่ายจากการเก็งกำไรระยะสั้น รวมถึงเป็นการทำปิดงวดบัญชี (window dressing) ไตรมาส 3/51 ของสถาบันในประเทศ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย
“ปัจจัยหลักที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทยยังมาจากความกังวลเรื่องวิกฤติสถาบันการเงินโลก บวกกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลง ยังฉุดราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก โดยเฉพาะในภาคบ่ายที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการ โดยมีแนวรับที่ 570 และ 565 ตามลำดับ”
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในวันสุดท้ายของเดือนกันยายน 2551 (30 ก.ย.) นักลงทุนได้เตรียมเทขายหุ้นออกมาตั้งแต่ก่อนเปิดการซื้อขาย หลังจากที่สภาพคองเกรส ไม่อนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่อง 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยรูดลงทันทีเมื่อเปิดตลาดในช่วงเช้า ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 568.18 จุด ลดลงจากวันก่อนกว่า 33.11 จุด
ขณะที่ ช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อมาในหุ้นขนาดใหญ่ได้หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่า ทางการสหรัฐฯ น่าจะผลักดันมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันต่อไป หรืออาจะหาแนวทางอื่น ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 599.16 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 596.54 จุด ลดลงจากวันก่อนแค่ 4.75 จุด คิดเป็น 0.79% มูลค่าการซื้อขายรวม 21,343.91 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิรวม 625.08 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 233.73 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 885.84 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 51 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 27,559.49 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 228 บาท ลดลง 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,154.23 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 127 บาท ลดลง 3 บาท มูลค่า 2,105.44 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่ 102 บาท ลดลง 1 บาท มูลค่า 1,383.83 ล้านบาท บมจ. บ้านปู (BANPU) ปิดที่ 294 บาท ลดลง 10 บาท มูลค่า 1,270.93 ล้านบาท และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิดที่ 62 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่า 1,077.17 ล้านบาท
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (30 ก.ย.) ปรับตัวอย่างผันผวน โดยเปิดตลาดร่วงไปกว่า 33 จุด ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้บ่างในช่วงบ่าย จากกระแสข่าวที่ธนาคารกลางของประเทศในแถบยุโรปจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงิน
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงผันผวนอิงกับปัจจัยต่างประเทศ โดยนักลงทุนต้องติดตามมาตรการแก้วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ มูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิด รวมถึงแนวทางความช่วยเหลือของประเทศในแถบยุโรป ดังนั้นช่วงนี้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยให้แนวรับไว้ที่ 585 จุด และแนวต้านที่ 610 จุด
นายชัย จีรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน จากผลการที่สภาคองเกรสไม่อนุมัติผ่านเงินอัดฉีดจำนวน 7 แสนล้าน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางตลาดหุ้นที่ปรับตัวค่อนข้างผันผวนเช่นเดียวกัน และคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังผันผวนต่อเนื่องถึงวันนี้ (1 ต.ค.) โดยมีแนวรับที่ 580 จุด และแนวต้านที่ 610-615 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้ามีแรงเทขายหุ้นออกมาจากนักลงทุนต่างประเทศ ที่ขายหุ้นขนาดใหญ่ ด้วยการตั้งราคาขายตั้งแต่ก่อนเปิดการซื้อขาย (Pre-open) ส่งผลให้มีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างคึกคักกว่าช่วงที่ผ่านๆ มา แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่ายจากการเก็งกำไรระยะสั้น รวมถึงเป็นการทำปิดงวดบัญชี (window dressing) ไตรมาส 3/51 ของสถาบันในประเทศ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย
“ปัจจัยหลักที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทยยังมาจากความกังวลเรื่องวิกฤติสถาบันการเงินโลก บวกกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลง ยังฉุดราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานด้วย ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก โดยเฉพาะในภาคบ่ายที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการ โดยมีแนวรับที่ 570 และ 565 ตามลำดับ”