วานนี้(30 ม.ค.) ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยมีนายยงยุทธ ติตะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 25 พร้อมให้ ส.ส.ใหม่อีก 3 คนได้ปฎิญาณตนก่อนปฎิบัติหน้าที่ ประกอบด้วยนายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชาชน นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชาชน กับ นายเกียรติกร ภาคเพียร ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย
จากนั้นได้เริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในการพิจารณากำหนดวัน เวลา การประชุมสภา โดยมีมติให้มีการประชุมสภา 2 วันต่อสัปดาห์ คือวันพุธ เริ่มเวลา 13.30 น. และวันพฤหัสบดี เริ่มเวลา11.00 น. เป็นต้นไป
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้หาเสนอให้มีการหยิบยกร่างกฎหมายจากภาคประชาชนที่เสนอเข้ามา เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการในการเสนอกฎหมายโดยอยากให้สมาชิกเข้าไปช่วยทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกฎหมายภาคประชาชนได้เป็นกฎหมาย ขณะที่นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า อยากให้รัฐมนตรีมีความรับผิดชอบโดยตรงในการตอบกระทู้สด และกระทู้ทั่วไป รวมทั้งชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ไม่ควรส่งตัวแทนมา เพราะเมื่อ ส.ส.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงอยากให้รัฐมนตรีรับผิดชอบ และที่ผ่านมาในการเชิญฝ่ายบริหาร มักไม่มาร่วมประชุม ทำให้ไม่เกิดผลของกรรรมาธิการ ดังนั้นเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ และสภาแห่งนี้ ขอให้ประธานได้แก้ไขด้วย
ซึ่งนายยงยุทธ ได้เห็นด้วยกับการนำเสนอร่างกฎหมายภาคประชาชนที่ค้างจำนวนมาก จะได้มีการปรึกษาตั้งคณะทำงานมาดูแลเพื่อให้มีความส่วนร่วม กับภาคประชาชน ส่วนข้อห่วงใยของฝ่ายค้าน ใครที่เป็นรัฐบาลก็รับไปหารือ
ด้านนายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกท้วงติงถึงกรณีที่ นายยงยุทธ เคยยืนยันถึงการทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง แต่ได้ไปพูดในการประชุมของพรรคว่า ยังไงๆ ยังตัดความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองไม่ได้ ซึ่งเพียงไม่ทันไร ท่านประธานฯ ก็ทำไม่ตรงกับที่ประกาศไว้ในสภา แล้วจะให้มีความเป็นกลางทางการเมืองได้อย่างไร จึงไม่อยากให้ประธานสภาฯไปทำเช่นนั้น แต่ปรากฎว่า นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ได้ตัดบทว่าบรรยากาศกำลังดี อย่าทำให้บรรยากาศการประชุมต้องเสียไป
ส่วนนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน อภิปรายเสนอว่า ปีนี้ปัญหาประชาชนมีจำนวนมากขึ้น จึงอยากให้มีการเพิ่มคณะกรรมาธิการเพื่อรองรับปัญหาของประชาชน อยากให้สภามีทางออกในการแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยการเปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือ และให้ประธานทำหนังสือไปยังส่วนราชการ เพื่อนำไปชี้แจงประชาชน เป็นกระบวนการแก้ปัญหา และเป็นทางออกอย่างดี ซึ่งนายสมศักดิ์ ให้นำเรื่องไปหารือในที่ประชุมวิปทั้งสองฝ่าย และนำข้อสรุปมาพิจารณาในสัปดาห์หน้า
จากนั้นได้พิจารณาวาระตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฏร และมีมติตั้งคณะกรรมาธิการฯ จำนวน 36 คน และให้พิจารณายกร่างฯ เป็นเวลา 20 วัน
ทั้งนี้นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ซักถามต่อประธานสภาฯ ถึงการตั้งวาระ ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างประมวลจริยธรรม ส.ส. ตามที่รัฐธรรมนูญปี 50 กำหนด แต่นายสุขุมพงษ์ ชี้แจงว่า คณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ จะร่างประมวลจริยธรรมของส.ส.ด้วย แต่นายอภิสิทธิ์ ท้วงติงว่าไม่ควรให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้เวลามาก เนื่องจากมีผลบังคับใช้ที่แตกต่างจากข้อบังคับการประชุม และมีการกำหนดบทลงโทษกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากมีการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ถึงขั้นถูกถอดถอน หรือถูกดำเนินการทางวินัยด้วย ดังนั้นคิดว่า เวลาเพียง20 วันคงไม่เพียงพอ จึงควรจะแยกให้มีคณะกรรมาธิการอีก 1 ชุดเพื่อดำเนินการโดยเร่งด่วน ในที่สุดวิปพรรคร่วมรัฐบาลได้รับข้อเสนอ และเห็นชอบ โดยจะนำมาพิจารณาในที่ประชุมครั้งต่อไป
จากนั้นได้เริ่มเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในการพิจารณากำหนดวัน เวลา การประชุมสภา โดยมีมติให้มีการประชุมสภา 2 วันต่อสัปดาห์ คือวันพุธ เริ่มเวลา 13.30 น. และวันพฤหัสบดี เริ่มเวลา11.00 น. เป็นต้นไป
นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้หาเสนอให้มีการหยิบยกร่างกฎหมายจากภาคประชาชนที่เสนอเข้ามา เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการในการเสนอกฎหมายโดยอยากให้สมาชิกเข้าไปช่วยทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกฎหมายภาคประชาชนได้เป็นกฎหมาย ขณะที่นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอว่า อยากให้รัฐมนตรีมีความรับผิดชอบโดยตรงในการตอบกระทู้สด และกระทู้ทั่วไป รวมทั้งชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ไม่ควรส่งตัวแทนมา เพราะเมื่อ ส.ส.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงอยากให้รัฐมนตรีรับผิดชอบ และที่ผ่านมาในการเชิญฝ่ายบริหาร มักไม่มาร่วมประชุม ทำให้ไม่เกิดผลของกรรรมาธิการ ดังนั้นเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ และสภาแห่งนี้ ขอให้ประธานได้แก้ไขด้วย
ซึ่งนายยงยุทธ ได้เห็นด้วยกับการนำเสนอร่างกฎหมายภาคประชาชนที่ค้างจำนวนมาก จะได้มีการปรึกษาตั้งคณะทำงานมาดูแลเพื่อให้มีความส่วนร่วม กับภาคประชาชน ส่วนข้อห่วงใยของฝ่ายค้าน ใครที่เป็นรัฐบาลก็รับไปหารือ
ด้านนายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกท้วงติงถึงกรณีที่ นายยงยุทธ เคยยืนยันถึงการทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง แต่ได้ไปพูดในการประชุมของพรรคว่า ยังไงๆ ยังตัดความสัมพันธ์กับพรรคการเมืองไม่ได้ ซึ่งเพียงไม่ทันไร ท่านประธานฯ ก็ทำไม่ตรงกับที่ประกาศไว้ในสภา แล้วจะให้มีความเป็นกลางทางการเมืองได้อย่างไร จึงไม่อยากให้ประธานสภาฯไปทำเช่นนั้น แต่ปรากฎว่า นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธาน ได้ตัดบทว่าบรรยากาศกำลังดี อย่าทำให้บรรยากาศการประชุมต้องเสียไป
ส่วนนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน อภิปรายเสนอว่า ปีนี้ปัญหาประชาชนมีจำนวนมากขึ้น จึงอยากให้มีการเพิ่มคณะกรรมาธิการเพื่อรองรับปัญหาของประชาชน อยากให้สภามีทางออกในการแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยการเปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือ และให้ประธานทำหนังสือไปยังส่วนราชการ เพื่อนำไปชี้แจงประชาชน เป็นกระบวนการแก้ปัญหา และเป็นทางออกอย่างดี ซึ่งนายสมศักดิ์ ให้นำเรื่องไปหารือในที่ประชุมวิปทั้งสองฝ่าย และนำข้อสรุปมาพิจารณาในสัปดาห์หน้า
จากนั้นได้พิจารณาวาระตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฏร และมีมติตั้งคณะกรรมาธิการฯ จำนวน 36 คน และให้พิจารณายกร่างฯ เป็นเวลา 20 วัน
ทั้งนี้นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ซักถามต่อประธานสภาฯ ถึงการตั้งวาระ ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างประมวลจริยธรรม ส.ส. ตามที่รัฐธรรมนูญปี 50 กำหนด แต่นายสุขุมพงษ์ ชี้แจงว่า คณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ จะร่างประมวลจริยธรรมของส.ส.ด้วย แต่นายอภิสิทธิ์ ท้วงติงว่าไม่ควรให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้เวลามาก เนื่องจากมีผลบังคับใช้ที่แตกต่างจากข้อบังคับการประชุม และมีการกำหนดบทลงโทษกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากมีการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ถึงขั้นถูกถอดถอน หรือถูกดำเนินการทางวินัยด้วย ดังนั้นคิดว่า เวลาเพียง20 วันคงไม่เพียงพอ จึงควรจะแยกให้มีคณะกรรมาธิการอีก 1 ชุดเพื่อดำเนินการโดยเร่งด่วน ในที่สุดวิปพรรคร่วมรัฐบาลได้รับข้อเสนอ และเห็นชอบ โดยจะนำมาพิจารณาในที่ประชุมครั้งต่อไป
