คนไทยอ่วมหนักกระเป๋าฉีกเพิ่ม"ปิยสวัสดิ์" ทิ้งทวนปล่อยผีขึ้นราคาก๊าซหุงต้มอีก 3 บาทต่อถัง 15 กก. มีผลวันนี้เป็นต้นไป อ้างทำตามแผนทยอยอิงราคาโลก 5% ขณะที่มีข่าวร้ายซ้ำผู้ค้าก๊าซจ่อขึ้นอีกเด้งเล็งยื่นพาณิชย์ใน 15 วัน รอทำรายละเอียดขยับ 3-5 บาทต่อถัง หลังโรงบรรจุก๊าซขอขึ้นราคา 1 ก.พ.เต็มเพดาน "พาณิชย์" เตรียมเรียกร้านค้าปลีกหารือทันควัน ก่อนตัดสินใจให้ขึ้นได้หรือไม่ คนใช้น้ำมันโดนด้วยผู้ค้าขึ้นราคาวันนี้ 30-50 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลกระทบหนักต่อราคาอาหารฉุดไม่อยู่ ร้านอาหารปรับราคาขายแล้วหลังราคาสินค้าดาหน้าปรับเพิ่มขึ้นหลังรัฐไร้น้ำยาควบคุม
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)ได้อนุมัติให้ราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม(กก.) มีผลตั้งแต่วันนี้(30ม.ค.)เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกสามารถปรับขึ้นตามโดยจะปรับเพิ่มเป็น 18.21 บาทต่อกก. จากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 18.01 บาทต่อกก. หรือเพิ่มขึ้น 3 บาทต่อถัง 15 กก. โดยราคาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนักเพราะหากเทียบกับราคาน้ำมัน ถือว่าปรับขึ้นเพียง 10 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น
ทั้งนี้การปรับราคาดังกล่าวเป็นไปตามสูตรการทยอยปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้มตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยขั้นแรกเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 50 ได้มีการปรับราคาหน้าโรงกลั่นขึ้นไป 1.20 บาทต่อกก.ซึ่งเป็นการขึ้นโดยลดการอุดหนุนผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด และครั้งนี้เป็นขั้นทยอยอิงราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกที่ตามแผนจะอิง 5% ในไตรมาสแรกปีนี้ ไตรมาส 2 ปี 51 อิง 10% และจะอิงทั้งหมด 40% ภายในไตรมาสแรกของปี 52 ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ยอมรับว่าราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกได้ปรับขึ้นประมาณ 3% จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นตาม
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า สนพ. มีความจำเป็นในการปรับราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้เนื่องจากเป็นไปตามมติ กบง. ที่ได้เห็นชอบการปรับสูตรราคา ร โรงกลั่นก๊าซหุงต้มเท่ากับต้นทุนการผลิตจากโรงแยกก๊าซ 95% บวกราคาส่งออกก๊าซหุงต้ม 5% เพื่อปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มในประเทศให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มถังยอดนิยม 15 กก.จะปรับราคาเป็นเฉลี่ยเป็นถังละ 273 บาท
เด้ง 2 จ่อขึ้นอีก 3-5 บาท/ถัง
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมก๊าซปิโตรเลียม หรือก๊าซหุงต้ม กล่าวว่า ราคาขายปลีกคงจะมีการปรับขึ้นตามหน้าโรงแยกก๊าซดังกล่าว นอกจากนี้แล้วสมาคมฯอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์พิจารณาปรับราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นอีกเฉลี่ย 3-5 บาทต่อถัง ภายใน 15 วันเนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากกรณีที่โรงบรรจุก๊าซได้แจ้งขอปรับราคาก๊าซเพิ่มขึ้นที่เกิดจากค่าขนส่งที่แพงอีก 3-5 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 51 เป็นต้นไป
"ที่ผ่านมาโรงบรรจุจะคิดราคาไม่เต็มเพดานโดยมีส่วนลดเพื่อแย่งลูกค้าแต่ต่อมาต้นทุนเพิ่มเขาก็เลยขอเพิ่มราคามีผล 1 ก.พ.นี้ ทางผู้ค้าก็จะต้องมาดูต้นทุนว่าจะปรับเท่าใดซึ่งพาณิชย์ขอร้องไว้ส่วนนี้ว่าอย่าเพิ่งปรับทันทีจึงขอทำข้อสรุปก่อน"นายชิษณูพงศ์ กล่าว
พาณิชย์เรียกค้าก๊าซหารือก่อนตัดสินใจ
แหล่งข่าวจากระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เร็วๆ นี้ กรมการค้าภายใน จะเชิญผู้ค้าปลีกก๊าซหุงต้มมาหารือถึงข้อเท็จจริง เหตุผล และความจำเป็นของการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มอีกถังละ 3-10 บาท หลังจากที่ผู้ค้าปลีกอ้างว่าโรงบรรจุก๊าซได้ส่งก๊าซหุงต้มให้ในราคาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาตาม ไม่เช่นนั้นจะประสบปัญหาขาดทุนทันที แต่ในขณะนี้ ผู้ค้าปลีกยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายปลีกได้ จนกว่าจะได้หารือกับกรมฯ และได้รับการอนุมัติให้ปรับราคาก่อน
สินค้าอุปโภคบริโภคแห่ปรับราคา
ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม ปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกขวดละ 4 บาท (ขวดลิตร) จากราคาเดิม 43.50 บาท เป็น 47.50 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยราคาที่ปรับขึ้นนี้ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น เช่น น้ำตาล นม แบตเตอร์รี่ ปุ๋ยเคมี ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20-25 % ทำให้ราคาอาหารจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมขาย 25 บาท ต้องปรับเป็น 35 บาท หรือจาก 30 บาท ต้องปรับเป็น 35 บาท หากไม่มีการปรับราคาก็จำเป็นต้องลดปริมาณอาหารลงอีก เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกับลูกค้า
"มาตรการที่รัฐจะช่วยพยุงราคาสินค้าตอนนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน มีแต่ขอความร่วมมือจากห้างค้าปลีกให้ขายสินค้าในราคาควบคุม แต่ต้นทุนในการผลิตอาหารเช่น ผัก ปลา เนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว จึงไม่สามารถจะขายในราคาเดิมได้อีกต่อไป จึงต้องโยนภาระไปให้ผู้บริโภครับแทน" ผู้ค้าอาหารรายหนึ่ง กล่าว
ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวต่อไปว่าเริ่มไม่มั่นใจว่ารัฐจะอนุมัติให้มีการปรับราคาสินค้าอะไรเพิ่มเติมอีก หลังจากที่เคยยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับราคาน้ำมันปาล์ม แต่ในที่สุดก็ได้มีการให้ขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีกขวดละ4 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามีการซื้อน้ำมันปาล์มไปกักตุนจะทำให้เกิดการขาดตลาด ซึ่งหากนโยบายไม่มีความแน่นอนก็จะต้องมีการสำรองและซื้อสินค้าไว้สต็อกล่วงหน้าเพื่อลดต้นทุนที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต ในช่วงทีผ่านมาคาดว่ามีพ่อค้าคนกลางน่าจะรู้ว่าจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าและกักตุนกันไว้เพื่อเก็งกำไร ซึ่งรัฐก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
น้ำมันซ้ำเติมขึ้นอีก 30-50 สต.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดตามราคาตลาดโลกที่ปรับขึ้นมีผลตั้งแต่วันนี้ (30ม.ค.) เป็นต้นไปโดยปรับขึ้นราคาขายปลีกเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 และแก๊สโซฮอล์ 91 อีก 30 สตางค์ต่อลิตร ปรับขึ้นเบนซิน 91 อีก 50 สตางค์ ต่อลิตร ดีเซลปรับขึ้นอีก 20 สตางค์ต่อลิตร และบี 5 (ไบโอดีเซล)ขึ้นอีก 40 สตางค์ต่อลิตร
การปรับขึ้นราคา ครั้งนี้ส่งผลให้ราคาขายปลีก เบนซิน95 เป็น 32.79 บทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี10) เป็น 28.79 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์(อี20) เป็น 26.79 บาทต่อลิตร เบนซิน 91เป็น 31.69 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 27.99 บาทต่อลิตร ดีเซล เป็น 29.14 บาทต่อลิตร และ บี5 เป็น 28.34 บาทต่อลิตร
"การปรับขึ้นราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซิน 91ในครั้งนี้ ส่งผลให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซิน 91และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ระดับ3.70 บาทต่อลิตรจากเดิมอยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร"
ลดเงินดีเซล 20 สต.อุดหนุนบี 5
นายวีรพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า สนพ.ยังได้ปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลลงอีก 20 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อลิตร เหลือเพียง 10 สตางค์ต่อลิตร และชดเชยให้กับน้ำมันไบโอดีเซล 65 สตางค์ต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบจากการยกเลิกการชดเชยไบโอดีเซล (บี100) ที่ต้องนำมาผสมในน้ำมันดีเซล และเพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลกับไบโอดีเซล(บี5) มีส่วนต่างราคากันอยู่ที่ 80 สตางค์ต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)ได้อนุมัติให้ราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 20 สตางค์ต่อกิโลกรัม(กก.) มีผลตั้งแต่วันนี้(30ม.ค.)เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกสามารถปรับขึ้นตามโดยจะปรับเพิ่มเป็น 18.21 บาทต่อกก. จากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 18.01 บาทต่อกก. หรือเพิ่มขึ้น 3 บาทต่อถัง 15 กก. โดยราคาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนักเพราะหากเทียบกับราคาน้ำมัน ถือว่าปรับขึ้นเพียง 10 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น
ทั้งนี้การปรับราคาดังกล่าวเป็นไปตามสูตรการทยอยปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้มตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยขั้นแรกเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 50 ได้มีการปรับราคาหน้าโรงกลั่นขึ้นไป 1.20 บาทต่อกก.ซึ่งเป็นการขึ้นโดยลดการอุดหนุนผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด และครั้งนี้เป็นขั้นทยอยอิงราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกที่ตามแผนจะอิง 5% ในไตรมาสแรกปีนี้ ไตรมาส 2 ปี 51 อิง 10% และจะอิงทั้งหมด 40% ภายในไตรมาสแรกของปี 52 ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ยอมรับว่าราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลกได้ปรับขึ้นประมาณ 3% จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นตาม
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า สนพ. มีความจำเป็นในการปรับราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้เนื่องจากเป็นไปตามมติ กบง. ที่ได้เห็นชอบการปรับสูตรราคา ร โรงกลั่นก๊าซหุงต้มเท่ากับต้นทุนการผลิตจากโรงแยกก๊าซ 95% บวกราคาส่งออกก๊าซหุงต้ม 5% เพื่อปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มในประเทศให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งส่งผลให้ราคาก๊าซหุงต้มถังยอดนิยม 15 กก.จะปรับราคาเป็นเฉลี่ยเป็นถังละ 273 บาท
เด้ง 2 จ่อขึ้นอีก 3-5 บาท/ถัง
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมก๊าซปิโตรเลียม หรือก๊าซหุงต้ม กล่าวว่า ราคาขายปลีกคงจะมีการปรับขึ้นตามหน้าโรงแยกก๊าซดังกล่าว นอกจากนี้แล้วสมาคมฯอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์พิจารณาปรับราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นอีกเฉลี่ย 3-5 บาทต่อถัง ภายใน 15 วันเนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากกรณีที่โรงบรรจุก๊าซได้แจ้งขอปรับราคาก๊าซเพิ่มขึ้นที่เกิดจากค่าขนส่งที่แพงอีก 3-5 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 51 เป็นต้นไป
"ที่ผ่านมาโรงบรรจุจะคิดราคาไม่เต็มเพดานโดยมีส่วนลดเพื่อแย่งลูกค้าแต่ต่อมาต้นทุนเพิ่มเขาก็เลยขอเพิ่มราคามีผล 1 ก.พ.นี้ ทางผู้ค้าก็จะต้องมาดูต้นทุนว่าจะปรับเท่าใดซึ่งพาณิชย์ขอร้องไว้ส่วนนี้ว่าอย่าเพิ่งปรับทันทีจึงขอทำข้อสรุปก่อน"นายชิษณูพงศ์ กล่าว
พาณิชย์เรียกค้าก๊าซหารือก่อนตัดสินใจ
แหล่งข่าวจากระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เร็วๆ นี้ กรมการค้าภายใน จะเชิญผู้ค้าปลีกก๊าซหุงต้มมาหารือถึงข้อเท็จจริง เหตุผล และความจำเป็นของการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มอีกถังละ 3-10 บาท หลังจากที่ผู้ค้าปลีกอ้างว่าโรงบรรจุก๊าซได้ส่งก๊าซหุงต้มให้ในราคาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาตาม ไม่เช่นนั้นจะประสบปัญหาขาดทุนทันที แต่ในขณะนี้ ผู้ค้าปลีกยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาขายปลีกได้ จนกว่าจะได้หารือกับกรมฯ และได้รับการอนุมัติให้ปรับราคาก่อน
สินค้าอุปโภคบริโภคแห่ปรับราคา
ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม ปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกขวดละ 4 บาท (ขวดลิตร) จากราคาเดิม 43.50 บาท เป็น 47.50 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยราคาที่ปรับขึ้นนี้ ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ปรับราคาเพิ่มขึ้น เช่น น้ำตาล นม แบตเตอร์รี่ ปุ๋ยเคมี ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20-25 % ทำให้ราคาอาหารจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมขาย 25 บาท ต้องปรับเป็น 35 บาท หรือจาก 30 บาท ต้องปรับเป็น 35 บาท หากไม่มีการปรับราคาก็จำเป็นต้องลดปริมาณอาหารลงอีก เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกับลูกค้า
"มาตรการที่รัฐจะช่วยพยุงราคาสินค้าตอนนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน มีแต่ขอความร่วมมือจากห้างค้าปลีกให้ขายสินค้าในราคาควบคุม แต่ต้นทุนในการผลิตอาหารเช่น ผัก ปลา เนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว จึงไม่สามารถจะขายในราคาเดิมได้อีกต่อไป จึงต้องโยนภาระไปให้ผู้บริโภครับแทน" ผู้ค้าอาหารรายหนึ่ง กล่าว
ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวต่อไปว่าเริ่มไม่มั่นใจว่ารัฐจะอนุมัติให้มีการปรับราคาสินค้าอะไรเพิ่มเติมอีก หลังจากที่เคยยืนยันว่าจะยังไม่มีการปรับราคาน้ำมันปาล์ม แต่ในที่สุดก็ได้มีการให้ขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีกขวดละ4 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้มีบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามีการซื้อน้ำมันปาล์มไปกักตุนจะทำให้เกิดการขาดตลาด ซึ่งหากนโยบายไม่มีความแน่นอนก็จะต้องมีการสำรองและซื้อสินค้าไว้สต็อกล่วงหน้าเพื่อลดต้นทุนที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต ในช่วงทีผ่านมาคาดว่ามีพ่อค้าคนกลางน่าจะรู้ว่าจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าและกักตุนกันไว้เพื่อเก็งกำไร ซึ่งรัฐก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
น้ำมันซ้ำเติมขึ้นอีก 30-50 สต.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดตามราคาตลาดโลกที่ปรับขึ้นมีผลตั้งแต่วันนี้ (30ม.ค.) เป็นต้นไปโดยปรับขึ้นราคาขายปลีกเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 95 อี 20 และแก๊สโซฮอล์ 91 อีก 30 สตางค์ต่อลิตร ปรับขึ้นเบนซิน 91 อีก 50 สตางค์ ต่อลิตร ดีเซลปรับขึ้นอีก 20 สตางค์ต่อลิตร และบี 5 (ไบโอดีเซล)ขึ้นอีก 40 สตางค์ต่อลิตร
การปรับขึ้นราคา ครั้งนี้ส่งผลให้ราคาขายปลีก เบนซิน95 เป็น 32.79 บทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (อี10) เป็น 28.79 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์(อี20) เป็น 26.79 บาทต่อลิตร เบนซิน 91เป็น 31.69 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 27.99 บาทต่อลิตร ดีเซล เป็น 29.14 บาทต่อลิตร และ บี5 เป็น 28.34 บาทต่อลิตร
"การปรับขึ้นราคาขายปลีกของน้ำมันเบนซิน 91ในครั้งนี้ ส่งผลให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซิน 91และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ระดับ3.70 บาทต่อลิตรจากเดิมอยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร"
ลดเงินดีเซล 20 สต.อุดหนุนบี 5
นายวีรพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า สนพ.ยังได้ปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลลงอีก 20 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อลิตร เหลือเพียง 10 สตางค์ต่อลิตร และชดเชยให้กับน้ำมันไบโอดีเซล 65 สตางค์ต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบจากการยกเลิกการชดเชยไบโอดีเซล (บี100) ที่ต้องนำมาผสมในน้ำมันดีเซล และเพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลกับไบโอดีเซล(บี5) มีส่วนต่างราคากันอยู่ที่ 80 สตางค์ต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น
