"ยงยุทธ" นำรองประธานสภาคารวะ "มีชัย" เผยยอมเป็นสายล่อฟ้า แต่ใจมีกุศล แต่ขอโอกาสจะทำให้ดีที่สุด ด้าน "มีชัย" ฝาก เดินหน้าสร้างสภาใหม่-คลอด กม.ที่ สนช.ที่ยังค้างอยู่ในวาระ ด้าน ปชป.แฉแกนนำ พปช.บุกฮ่องกงพบ "แม้ว" ขอตำแหน่งใน ครม. ด้าน ส.ส.อีสานตั้ง "องค์กรภาคอีสาน พปช." อ้างเพื่อให้พรรคเข้มแข็ง คุมพื้นที่ภาคอีสาน "เจ๊หน่อย" เรียก สส.กทม.ถกโตวต้า รมต. เล็ง 2 เก้าอี้ พม.-สธ. "เติ้ง" ส่ง "ลูกท็อป" ประกบ "แม้ว" หวั่นถูกเบียดโควต้า
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (25ม.ค.) ที่ห้องรับรองอาคารรัฐสภา 2 นายงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และ 2 เข้าคารวะและมอบดอกไม้ต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนางสาวพจนีย์ ธนวรานิช รองประธานสนช. คนที่ 2 ในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ รองประธานสนช.คนที่ 1 ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมีชัย ได้กล่าวต้อนรับว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสภาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ฝ่าย สนช.ก็ยินดีช่วย แต่ขอฝากเรื่องการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีการหาสถานที่มานาน สนช. ก็ดำเนินการ และกระทรวงกลาโหมก็อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.นนทบุรี 265 ไร่ ให้ ต่อไปวันข้างหน้าถ้าทำทางเชื่อมทางด่วน การเดินทางจากทำเนียบรัฐบาลมาก็จะสะดวก ก็ขอให้ลองพิจารณา ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็เดินหน้าต่อ เพราะนานแล้วในการหาสถานที่สง่างาม โอ่โถงสำหรับฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ ส่วนแบบแปลนจะเอาอย่างไรก็ไปดูกัน แต่ถ้าเห็นว่าไม่ดี ก็ไปพิจารณากัน
นอกจากนี้นายมีชัย ได้ฝากเรื่องกฎหมายที่ สนช.รับหลักการ และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วหลายฉบับ ถ้ารัฐบาลเห็นว่าสำคัญ และยืนยันภายในเวลา 60 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 153 วรรคสอง กำหนด ก็ไม่ทำให้กฎหมายดังกล่าวตกไป และสภาผู้แทนฯ ก็จะไปพิจารณาใน วาระ 3 แต่เรื่องนี้ขึ้นกับรัฐบาลว่า ดูแล้วสอดคล้องกับนโยบายหรือไม่
เผยถูกมองเป็นสายล่อฟ้า
ด้าน นายยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ เป็นวาระที่ต้องดำเนินการต่อ ตนจะคุยกับคณะทำงาน และจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องนี้จะให้ทุกพรรคมามีส่วนร่วม รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน ยืนยันว่า จะรับเรื่องไปประสานต่อ และไม่ผิดหวังแน่
"การเข้ามารับตำแหน่งของผม ผมรู้ว่าตนเองเป็นสายล่อฟ้า แต่ใจที่มีกุศลจิตต่อบ้านเมือง ผมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่เคียดแค้น ไม่ชิงชัง ไม่เลือกเขาเลือกเรา จะทำให้สภาเป็นพี่เป็นน้องกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง" นายยงยุทธ กล่าว ทั้งนี้ นายมีชัย กล่าวตอบว่า เมื่อยืนยันมา ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีต่อประชาชน และความรู้ความสามารถของประธานสภาฯ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
จากนั้นนายยงยุทธ และรองประธานสภาทั้ง 2 คน ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายมีชัย ประมาณ 20 นาที ภายหลังการหารือ นายมีชัย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษ และนายยงยุทธ ก็ไม่ได้ขอคำแนะนำอะไร เขา เก่งอยู่แล้ว และบอกว่า รู้ตัวดีว่าเป็นสายล่อฟ้า แต่ขอเก็บสายล่อฟ้าไว้ในกระเป๋า แล้วสมานฉันท์ ซึ่งตนเห็นว่า เป็นแนวคิดและการเริ่มต้นที่ดี ก็ต้องให้โอกาส หากไปตั้งเป้าในทางร้ายไว้ก่อนก็คงไม่ดี ทั้งนี้นายยงยุทธ ยังพูดเองว่า หากมุ่งเดินหน้าไปเสียทุกเรื่อง บางครั้งก็จะเสีย หากยอมถอยหลังบ้าง ก็จะทำให้เกิดความรอมชอม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายยงยุทธ ยังมีเรื่องร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งค้างที่ กกต. หากต้องพ้นจากตำแหน่ง จะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายมาก นายมีชัย กล่าวว่า ตราบใดที่ กกต.ยังไม่ชี้ ถือว่าการรับรองผลตอนนี้ถูกต้อง และจะไปว่าอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเกิดปัญหา กกต. ก็ต้องรับผิดชอบในงานที่ทำ อย่างไรก็ดี เรื่องที่จะไปกระทบคนอื่น อย่าไปสมมติ เพราะคนฟังจะไม่สบายใจ
ไม่ห่วง พปช.ขู่ตรวจสอบ สนช.
ส่วนที่พรรคพลังประชาชนประกาศจะตั้งกรรมการสอบสนช. ที่ออกกฎหมายบางฉบับซึ่งละเมิดสิทธิประชาชน นายมีชัย กล่าวว่า "จะตรวจสอบอะไร เดี๋ยวเราก็ไปแล้ว จะตรวจก็ตรวจกฎหมาย ตอนนี้มีเวลาก็ขอให้ไปนั่งอ่าน เอาตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปก็จะไปจบปี 2554 ทั้งนี้ เขาตั้งกรรมการตรวจสอบการออกกฎหมายไม่ได้ สภาล่างจะตรวจสอบสภาสูงได้อย่างไร แล้วถ้าสภาสูงจะตรวจสอบสภาล่างบ้าง ก็ตีกันเอง ผมคิดว่า เขาคงมุ่งดูเนื้อหามากกว่า ว่ากฎหมายที่ออกไปแล้วดีหรือไม่ หากไม่ดี ก็แก้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้คาดการณ์ว่า การเมืองในอนาคตจะยังไม่ดี และอาจวุ่นวาย นายมีชัย กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตน เรื่องที่คนคาดการณ์ไว้มักไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคนจะระวัง แต่เรื่องหนักๆ เวลาจะมา ก็จะมาทีเดียวเลยโดยไม่ได้คาดการณ์
แจกคู่มือเลือกนายกฯ ก่อนโหวต
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนที่ สผ.0014/ผ 2 ถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญทั่วไป) ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาวาระการประชุมที่สำคัญคือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม มาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมกันนี้ได้แจกเอกสารคู่มือการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แก่ ส.ส.ทุกคนด้วย
โดยในเอกสารดังกล่าว เป็นรายละเอียดของระเบียบ และขั้นตอนการประชุม โดยเริ่มจาก การเสนอชื่อ ต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยการรับรองจะใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนน หากมีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียว หรือหลายชื่อ ต้องมีการออกเสียงลงคะแนนโดยใช้วิธีเปิดเผย โดยให้เลขาธิการสภาฯ เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรเป็นรายคน แล้วให้ส.ส.แต่ละคนขานรับว่า “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” หรือ“งดออกเสียง” โดยผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ ต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนฯ
แห่พบ"แม้ว"ขอตำแหน่ง รมต.
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดตั้งครม. ของพรรคพลังประชาชน ที่มีสมาชิกหลายคน เดินทางไปฮ่องกง แต่แกนนำพรรคพลังประชาชน กลับออกมาระบุว่า เป็นการเดินทางไปเพราะคิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ และพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนในการจัดตั้งครม. ทำให้คนสงสัยว่า ทำไมสมาชิกพรรคพลังประชาชน จึงมาคิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ตอนนี้ และคนที่คิดถึงมากๆ ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรี และเป็นแกนนำเป็นนอมินีทั้งนั้น
"เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปสนามบิน และไปที่สายการบินไทย ไปตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่เดินทางไปฮ่องกง พบว่าเป็นคนที่ไปวิ่งเต้นตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกในบ้านเลขที่ 111 กำลังพา นอมินีของตัวเองไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ และยังมีรายชื่อของแกนนำ รายชื่อลูกของแกนนำ ที่มีบทบาทในการจะเข้าร่วมรัฐมนตรีของรัฐบาลนี้ไปเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย จึงอยากให้สื่อมวลชน ติดตามว่ามีใครบ้างที่เดินทางไปครั้งนี้ ซึ่งก็จะพบความจริงว่ามีวาระอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ หรือไปเพราะคิดถึงตามที่มีการกล่าวอ้าง" นายเทพไท กล่าว
ส่วนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 28 ม.ค.นี้ จะเห็นได้ว่า พรรคพลังประชาชน กำลังหวั่นไหว จากกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่โหวตให้กับนายสมัคร เห็นได้จากปรากฎการณ์ ตั้งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลชั่วคราว (วิป) จำนวน 65 คน ซึ่งถือว่ามาก จนมีคนสงสัยว่าทำไมไม่ตั้งให้ครบ 315 คน
"ยังมีสมาชิกหลายคนที่มีความรู้สึกอึดอัด ที่จะเลือกนายสมัครเป็นนายกฯ เพราะ ถ้านายสมัครได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับนายยงยุทธ ที่ได้โปรดเกล้าฯ เป็นประธานสภาฯ ก็จะพบปัญหาทางข้อกฎหมาย โดยนายยงยุทธ ได้ใบแดงจาก กกต. และศาลฎีกา ส่วนนายสมัคร ถูกศาลตัดสินจำคุก จะทำให้ทั้ง 2 คนหมดวาระในการดำรงตำแหน่ง ผมอยากถามว่าใครจะรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่ท้าทายกฎหมาย ท้าทายความรู้สึกของประชาชน"ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าว
"เติ้ง"ส่ง"ลูกท็อป"ประกบ"แม้ว"
นายนพดล พลเสน รองเลขาธิการพรรคชาติไทย และวิปรัฐบาลชั่วคราว กล่าวว่า ในวันที่ 28 ม.ค. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ให้จองห้องกรรมาธิการ 4 ที่อาคารรัฐสภา 1 เพื่อประชุม ส.ส. ของพรรคในเวลา 08.00 น เพื่อเช็คชื่อส.ส. ของพรรคชาติไทย ทั้ง 34 คน โดย นายบรรหาร กำชับว่า ห้ามลา ห้ามขาด แม้จะป่วยก็ตาม เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และเมื่อพรรคพลังประชาชน เสนอบุคคลใดให้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ต้องโหวตให้ ไม่มีการแหกโผ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของโควตารัฐมนตรีของพรรคชาติไทย ที่เดิมตกลงกันว่า จะได้ 5 ตำแหน่ง คือ รองนายกฯ รมว.เกษตรฯ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รมช.ศึกษาฯ และ รมช.คมนาคม โดยทางพรรคชาติไทย กำหนดตัวบุคคลไว้แล้วเช่นกัน ล่าสุดตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนนี้ยังไม่นิ่ง และเป็นที่ยุติ เพราะแกนนำ และส.ส.พรรคพลังประชาชนได้พยายามขอแลกเปลี่ยนโควต้า รมช.ศึกษาฯ คืน โดยแลกเปลี่ยนกับรมช.เกษตรฯ ซึ่งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายบรรหาร ได้ส่งนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง เพื่อยืนยัน และรักษาโควต้าเดิมไว้ เนื่องจากมีแกนนำ และ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดินทางไปฮ่องกง เพื่อขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเจรจาแลกเปลี่ยนให้
ลูกข้าวเหนียวตั้งองค์กรภาคอีสานต่อรอง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการจัดงานสังสรรค์ ส.ส.อีสานของพรรค กว่า 80 คนที่ร้านอาหารบัว วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการรวมตัวของ ส.ส.อีสานของพรรคทั้งหมด เพื่อรับประทานอาหารและร่วมหารือกันในประเด็นต่างๆ การรวมตัวครั้งนี้มีความชัดเจนคือ เป็นรูปแบบ องค์กรภาคอีสานพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นการรวมกันเป็นกลุ่มเดียว ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ภาคอีสานจะมีมุ้ง หรือกลุ่มต่างๆ มากมาย ซึ่งการรวมเป็นกลุ่มเดียวนั้น เป็นความต้องการของประชาชนที่ต้องการเห็นส.ส.อีสาน รวมกันเป็นกลุ่มเดียว เป้าหมายของเรา คือ ต้องการทำให้พรรคเข้มแข็ง ไม่ใช่สร้างปัญหา และการทำงานก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มส.ส.อีสานยังวางแผนในระยะยาว คือ จะนำพรรคพลังประชาชน ลงไปทำงานในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างเครือข่าย วางรากฐานในระดับท้องถิ่นให้พรรคเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ส่วนการหารือเรื่องโควตารัฐมนตรีนั้น มีการหารือกันในกรอบว่า ผู้บริหาร หรือคนที่จัดสรรตำแหน่งนั้นควรพิจารณาตำแหน่งส.ส.อีสานให้เหมาะสมกับจำนวนส.ส. รวมทั้งกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการทำงานให้กับประชาชนในภาคอีสานก็ควรมีส.ส.อีสานเข้าไปกำกับดูแล เพื่อทำให้การทำงานในพื้นที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
นายนิสิต สินธุไพร กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงงานนัดสังสรรค์ ส.ส.อีสาน เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า เป็นการพบกันเพื่อแสดงความยินดีที่พรรคได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่ง นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่กล่าวแสดงความยินดี ที่สมาชิกพรรคได้รับเลือกเข้ามา ซึ่ง ส.ส. อีสานมีความเป็นปึกแผ่นกันมาก ไม่มีมุ้ง ถือเป็นมิติใหม่ ต่างจากที่ผ่านมา และไม่มีใครออกนอกลู่นอกทาง เพื่อต้องการแก้ปัญหาชาติ เยืนยันว่า ส.ส.อีสานไม่มีใครเรียกร้องตำแหน่ง เพราะต้องการให้พรรคสงบ เพื่อจะได้นำนโยบายที่หาเสียงไปปฎิบัติ
เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะทำเสร็จภายใน 6 เดือน และเมื่อ นั้นประชาชนก็จะสนับสนุนพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน หากนโยบายที่พูดไว้ทำเสร็จเร็ว ประชาชนก็ยิ่งรักพรรคมากขึ้น ส่งผลให้พรรคได้คะแนนนิยมในภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับภาคใต้ ที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้เกิดภาวะภาคนิยมกับพรรคพลังประชาชนขึ้น ซึ่งต่อไปเงินจะไม่มีความหมายอะไรอีก
นายนิสิต ยังได้ปฏิเสธข่าวที่ว่า นายเนวิน เป็นหัวหน้ากลุ่มส.ส.อีสาน และว่านายเนวิน ไม่ได้เกี่ยวข้องทางการเมืองแล้ว โดยในระยะนี้ นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรค ได้โทรศัพท์มาหาตน เพื่อให้ช่วยประเมินทิศทางทางการเมืองเป็นระยะด้วย ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายนพดล ถูกวางตัวให้เป็นรมว.ศึกษาธิการ ซึ่งหากชวนตนไปร่วมงานด้วย ในฐานะรัฐมนตรีช่วย ตนก็พร้อม เพราะเคยผ่านการเป็นครูประชาบาลมา นอกจากนี้ตนเป็นส.ส.ที่ได้คะแนนสูงสุดในภาคอีสาน 140,261 คะแนน อีกทั้งยังเป็นประธานกลุ่มคนรักทักษิณ ที่นำ อดีต ส.ส. ขึ้นเวทีขับไล่เผด็จการ ที่ท้องสนามหลวงด้วย
กลุ่ม กทม.ขอ 2 เก้าอี้ เล็ง"พม.-สธ."
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ส.กทม. นั้นมีรายงานว่า ทีมงานภาค กทม.ของพรรคพลังประชาชน ทั้งส.ส. ส.ก. และ ส.ข. รวมทั้งอดีตผู้สมัครส.ส.กทม. นำโดย นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาค กทม. ได้นัดกินเลี้ยงสังสรรค์ กันในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค. ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของส.ส.กทม.และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้งหมดเป็นครั้งแรก ภายหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เพิ่งเดินทางกลับจากฮ่องกงจะไปร่วมงานด้วย และจะมีการหารือถึงโควตารัฐมนตรี ของภาคกทม. ด้วย โดยกลุ่มนี้ ต้องการ 2 เก้าอี้ คือ รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และ รมว.สาธารณสุข
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ภาค กทม.ต่อต้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น ไม่เป็นความจริง ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม.จะได้เป็นรมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯนั้น ภาคกทม.ซึ่งมีส.ส. 9 คน ได้ส่งชื่อไปให้ พรรคพิจารณา 2 คน คือ นายสุธา และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ซึ่งก็แล้วแต่ทางพรรคจะพิจารณาให้ หากได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ตำแหน่งก็ไม่มีปัญหา สำหรับตนนั้นไม่ขอเป็นรัฐมนตรี แต่อาจจะขอเป็นแค่ประธานคณะกรรมาธิการสักคณะในสภา
"อภิสิทธิ์"ยังเหมาะกว่า"สมัคร"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า พรรคจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และส.ส.ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ เวลา 15.00 น. เพื่อพิจารณาว่า จะมีการการว่าจะส่ง นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 28 ม.ค.หรือไม่ แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว ยังยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ของประเทศในภาวะการณ์อย่างนี้มากกว่านายสมัคร สุนทรเวช แต่ตนคงไม่ไปชี้นำ ที่ประชุมพรรค แต่ถ้ามีการลงมติ ตนก็จะลงมติไปในแนวทางนี้
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (25ม.ค.) ที่ห้องรับรองอาคารรัฐสภา 2 นายงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และ 2 เข้าคารวะและมอบดอกไม้ต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนางสาวพจนีย์ ธนวรานิช รองประธานสนช. คนที่ 2 ในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง ทั้งนี้ พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ รองประธานสนช.คนที่ 1 ติดภารกิจไม่ได้เข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมีชัย ได้กล่าวต้อนรับว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสภาในช่วงเปลี่ยนผ่าน ฝ่าย สนช.ก็ยินดีช่วย แต่ขอฝากเรื่องการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งมีการหาสถานที่มานาน สนช. ก็ดำเนินการ และกระทรวงกลาโหมก็อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก จ.นนทบุรี 265 ไร่ ให้ ต่อไปวันข้างหน้าถ้าทำทางเชื่อมทางด่วน การเดินทางจากทำเนียบรัฐบาลมาก็จะสะดวก ก็ขอให้ลองพิจารณา ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็เดินหน้าต่อ เพราะนานแล้วในการหาสถานที่สง่างาม โอ่โถงสำหรับฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ ส่วนแบบแปลนจะเอาอย่างไรก็ไปดูกัน แต่ถ้าเห็นว่าไม่ดี ก็ไปพิจารณากัน
นอกจากนี้นายมีชัย ได้ฝากเรื่องกฎหมายที่ สนช.รับหลักการ และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วหลายฉบับ ถ้ารัฐบาลเห็นว่าสำคัญ และยืนยันภายในเวลา 60 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 153 วรรคสอง กำหนด ก็ไม่ทำให้กฎหมายดังกล่าวตกไป และสภาผู้แทนฯ ก็จะไปพิจารณาใน วาระ 3 แต่เรื่องนี้ขึ้นกับรัฐบาลว่า ดูแล้วสอดคล้องกับนโยบายหรือไม่
เผยถูกมองเป็นสายล่อฟ้า
ด้าน นายยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ เป็นวาระที่ต้องดำเนินการต่อ ตนจะคุยกับคณะทำงาน และจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องนี้จะให้ทุกพรรคมามีส่วนร่วม รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน ยืนยันว่า จะรับเรื่องไปประสานต่อ และไม่ผิดหวังแน่
"การเข้ามารับตำแหน่งของผม ผมรู้ว่าตนเองเป็นสายล่อฟ้า แต่ใจที่มีกุศลจิตต่อบ้านเมือง ผมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่เคียดแค้น ไม่ชิงชัง ไม่เลือกเขาเลือกเรา จะทำให้สภาเป็นพี่เป็นน้องกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง" นายยงยุทธ กล่าว ทั้งนี้ นายมีชัย กล่าวตอบว่า เมื่อยืนยันมา ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีต่อประชาชน และความรู้ความสามารถของประธานสภาฯ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
จากนั้นนายยงยุทธ และรองประธานสภาทั้ง 2 คน ได้หารือเป็นการส่วนตัวกับนายมีชัย ประมาณ 20 นาที ภายหลังการหารือ นายมีชัย ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษ และนายยงยุทธ ก็ไม่ได้ขอคำแนะนำอะไร เขา เก่งอยู่แล้ว และบอกว่า รู้ตัวดีว่าเป็นสายล่อฟ้า แต่ขอเก็บสายล่อฟ้าไว้ในกระเป๋า แล้วสมานฉันท์ ซึ่งตนเห็นว่า เป็นแนวคิดและการเริ่มต้นที่ดี ก็ต้องให้โอกาส หากไปตั้งเป้าในทางร้ายไว้ก่อนก็คงไม่ดี ทั้งนี้นายยงยุทธ ยังพูดเองว่า หากมุ่งเดินหน้าไปเสียทุกเรื่อง บางครั้งก็จะเสีย หากยอมถอยหลังบ้าง ก็จะทำให้เกิดความรอมชอม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายยงยุทธ ยังมีเรื่องร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งค้างที่ กกต. หากต้องพ้นจากตำแหน่ง จะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายมาก นายมีชัย กล่าวว่า ตราบใดที่ กกต.ยังไม่ชี้ ถือว่าการรับรองผลตอนนี้ถูกต้อง และจะไปว่าอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเกิดปัญหา กกต. ก็ต้องรับผิดชอบในงานที่ทำ อย่างไรก็ดี เรื่องที่จะไปกระทบคนอื่น อย่าไปสมมติ เพราะคนฟังจะไม่สบายใจ
ไม่ห่วง พปช.ขู่ตรวจสอบ สนช.
ส่วนที่พรรคพลังประชาชนประกาศจะตั้งกรรมการสอบสนช. ที่ออกกฎหมายบางฉบับซึ่งละเมิดสิทธิประชาชน นายมีชัย กล่าวว่า "จะตรวจสอบอะไร เดี๋ยวเราก็ไปแล้ว จะตรวจก็ตรวจกฎหมาย ตอนนี้มีเวลาก็ขอให้ไปนั่งอ่าน เอาตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปก็จะไปจบปี 2554 ทั้งนี้ เขาตั้งกรรมการตรวจสอบการออกกฎหมายไม่ได้ สภาล่างจะตรวจสอบสภาสูงได้อย่างไร แล้วถ้าสภาสูงจะตรวจสอบสภาล่างบ้าง ก็ตีกันเอง ผมคิดว่า เขาคงมุ่งดูเนื้อหามากกว่า ว่ากฎหมายที่ออกไปแล้วดีหรือไม่ หากไม่ดี ก็แก้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้คาดการณ์ว่า การเมืองในอนาคตจะยังไม่ดี และอาจวุ่นวาย นายมีชัย กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตน เรื่องที่คนคาดการณ์ไว้มักไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคนจะระวัง แต่เรื่องหนักๆ เวลาจะมา ก็จะมาทีเดียวเลยโดยไม่ได้คาดการณ์
แจกคู่มือเลือกนายกฯ ก่อนโหวต
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนที่ สผ.0014/ผ 2 ถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เนื่องด้วย นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 1 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญทั่วไป) ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาวาระการประชุมที่สำคัญคือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม มาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมกันนี้ได้แจกเอกสารคู่มือการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แก่ ส.ส.ทุกคนด้วย
โดยในเอกสารดังกล่าว เป็นรายละเอียดของระเบียบ และขั้นตอนการประชุม โดยเริ่มจาก การเสนอชื่อ ต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยการรับรองจะใช้เครื่องออกเสียงลงคะแนน หากมีการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียว หรือหลายชื่อ ต้องมีการออกเสียงลงคะแนนโดยใช้วิธีเปิดเผย โดยให้เลขาธิการสภาฯ เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรเป็นรายคน แล้วให้ส.ส.แต่ละคนขานรับว่า “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” หรือ“งดออกเสียง” โดยผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ ต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนฯ
แห่พบ"แม้ว"ขอตำแหน่ง รมต.
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดตั้งครม. ของพรรคพลังประชาชน ที่มีสมาชิกหลายคน เดินทางไปฮ่องกง แต่แกนนำพรรคพลังประชาชน กลับออกมาระบุว่า เป็นการเดินทางไปเพราะคิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ และพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนในการจัดตั้งครม. ทำให้คนสงสัยว่า ทำไมสมาชิกพรรคพลังประชาชน จึงมาคิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ตอนนี้ และคนที่คิดถึงมากๆ ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรี และเป็นแกนนำเป็นนอมินีทั้งนั้น
"เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปสนามบิน และไปที่สายการบินไทย ไปตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่เดินทางไปฮ่องกง พบว่าเป็นคนที่ไปวิ่งเต้นตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกในบ้านเลขที่ 111 กำลังพา นอมินีของตัวเองไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ และยังมีรายชื่อของแกนนำ รายชื่อลูกของแกนนำ ที่มีบทบาทในการจะเข้าร่วมรัฐมนตรีของรัฐบาลนี้ไปเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย จึงอยากให้สื่อมวลชน ติดตามว่ามีใครบ้างที่เดินทางไปครั้งนี้ ซึ่งก็จะพบความจริงว่ามีวาระอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ หรือไปเพราะคิดถึงตามที่มีการกล่าวอ้าง" นายเทพไท กล่าว
ส่วนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 28 ม.ค.นี้ จะเห็นได้ว่า พรรคพลังประชาชน กำลังหวั่นไหว จากกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่โหวตให้กับนายสมัคร เห็นได้จากปรากฎการณ์ ตั้งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลชั่วคราว (วิป) จำนวน 65 คน ซึ่งถือว่ามาก จนมีคนสงสัยว่าทำไมไม่ตั้งให้ครบ 315 คน
"ยังมีสมาชิกหลายคนที่มีความรู้สึกอึดอัด ที่จะเลือกนายสมัครเป็นนายกฯ เพราะ ถ้านายสมัครได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับนายยงยุทธ ที่ได้โปรดเกล้าฯ เป็นประธานสภาฯ ก็จะพบปัญหาทางข้อกฎหมาย โดยนายยงยุทธ ได้ใบแดงจาก กกต. และศาลฎีกา ส่วนนายสมัคร ถูกศาลตัดสินจำคุก จะทำให้ทั้ง 2 คนหมดวาระในการดำรงตำแหน่ง ผมอยากถามว่าใครจะรับผิดชอบ เพราะไม่ใช่เรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่ท้าทายกฎหมาย ท้าทายความรู้สึกของประชาชน"ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ปชป. กล่าว
"เติ้ง"ส่ง"ลูกท็อป"ประกบ"แม้ว"
นายนพดล พลเสน รองเลขาธิการพรรคชาติไทย และวิปรัฐบาลชั่วคราว กล่าวว่า ในวันที่ 28 ม.ค. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ให้จองห้องกรรมาธิการ 4 ที่อาคารรัฐสภา 1 เพื่อประชุม ส.ส. ของพรรคในเวลา 08.00 น เพื่อเช็คชื่อส.ส. ของพรรคชาติไทย ทั้ง 34 คน โดย นายบรรหาร กำชับว่า ห้ามลา ห้ามขาด แม้จะป่วยก็ตาม เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และเมื่อพรรคพลังประชาชน เสนอบุคคลใดให้นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ต้องโหวตให้ ไม่มีการแหกโผ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของโควตารัฐมนตรีของพรรคชาติไทย ที่เดิมตกลงกันว่า จะได้ 5 ตำแหน่ง คือ รองนายกฯ รมว.เกษตรฯ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รมช.ศึกษาฯ และ รมช.คมนาคม โดยทางพรรคชาติไทย กำหนดตัวบุคคลไว้แล้วเช่นกัน ล่าสุดตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนนี้ยังไม่นิ่ง และเป็นที่ยุติ เพราะแกนนำ และส.ส.พรรคพลังประชาชนได้พยายามขอแลกเปลี่ยนโควต้า รมช.ศึกษาฯ คืน โดยแลกเปลี่ยนกับรมช.เกษตรฯ ซึ่งต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายบรรหาร ได้ส่งนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง เพื่อยืนยัน และรักษาโควต้าเดิมไว้ เนื่องจากมีแกนนำ และ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเดินทางไปฮ่องกง เพื่อขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเจรจาแลกเปลี่ยนให้
ลูกข้าวเหนียวตั้งองค์กรภาคอีสานต่อรอง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการจัดงานสังสรรค์ ส.ส.อีสานของพรรค กว่า 80 คนที่ร้านอาหารบัว วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นการรวมตัวของ ส.ส.อีสานของพรรคทั้งหมด เพื่อรับประทานอาหารและร่วมหารือกันในประเด็นต่างๆ การรวมตัวครั้งนี้มีความชัดเจนคือ เป็นรูปแบบ องค์กรภาคอีสานพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นการรวมกันเป็นกลุ่มเดียว ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ภาคอีสานจะมีมุ้ง หรือกลุ่มต่างๆ มากมาย ซึ่งการรวมเป็นกลุ่มเดียวนั้น เป็นความต้องการของประชาชนที่ต้องการเห็นส.ส.อีสาน รวมกันเป็นกลุ่มเดียว เป้าหมายของเรา คือ ต้องการทำให้พรรคเข้มแข็ง ไม่ใช่สร้างปัญหา และการทำงานก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มส.ส.อีสานยังวางแผนในระยะยาว คือ จะนำพรรคพลังประชาชน ลงไปทำงานในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างเครือข่าย วางรากฐานในระดับท้องถิ่นให้พรรคเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ส่วนการหารือเรื่องโควตารัฐมนตรีนั้น มีการหารือกันในกรอบว่า ผู้บริหาร หรือคนที่จัดสรรตำแหน่งนั้นควรพิจารณาตำแหน่งส.ส.อีสานให้เหมาะสมกับจำนวนส.ส. รวมทั้งกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการทำงานให้กับประชาชนในภาคอีสานก็ควรมีส.ส.อีสานเข้าไปกำกับดูแล เพื่อทำให้การทำงานในพื้นที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
นายนิสิต สินธุไพร กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงงานนัดสังสรรค์ ส.ส.อีสาน เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า เป็นการพบกันเพื่อแสดงความยินดีที่พรรคได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่ง นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่กล่าวแสดงความยินดี ที่สมาชิกพรรคได้รับเลือกเข้ามา ซึ่ง ส.ส. อีสานมีความเป็นปึกแผ่นกันมาก ไม่มีมุ้ง ถือเป็นมิติใหม่ ต่างจากที่ผ่านมา และไม่มีใครออกนอกลู่นอกทาง เพื่อต้องการแก้ปัญหาชาติ เยืนยันว่า ส.ส.อีสานไม่มีใครเรียกร้องตำแหน่ง เพราะต้องการให้พรรคสงบ เพื่อจะได้นำนโยบายที่หาเสียงไปปฎิบัติ
เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะทำเสร็จภายใน 6 เดือน และเมื่อ นั้นประชาชนก็จะสนับสนุนพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน หากนโยบายที่พูดไว้ทำเสร็จเร็ว ประชาชนก็ยิ่งรักพรรคมากขึ้น ส่งผลให้พรรคได้คะแนนนิยมในภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับภาคใต้ ที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้เกิดภาวะภาคนิยมกับพรรคพลังประชาชนขึ้น ซึ่งต่อไปเงินจะไม่มีความหมายอะไรอีก
นายนิสิต ยังได้ปฏิเสธข่าวที่ว่า นายเนวิน เป็นหัวหน้ากลุ่มส.ส.อีสาน และว่านายเนวิน ไม่ได้เกี่ยวข้องทางการเมืองแล้ว โดยในระยะนี้ นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรค ได้โทรศัพท์มาหาตน เพื่อให้ช่วยประเมินทิศทางทางการเมืองเป็นระยะด้วย ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายนพดล ถูกวางตัวให้เป็นรมว.ศึกษาธิการ ซึ่งหากชวนตนไปร่วมงานด้วย ในฐานะรัฐมนตรีช่วย ตนก็พร้อม เพราะเคยผ่านการเป็นครูประชาบาลมา นอกจากนี้ตนเป็นส.ส.ที่ได้คะแนนสูงสุดในภาคอีสาน 140,261 คะแนน อีกทั้งยังเป็นประธานกลุ่มคนรักทักษิณ ที่นำ อดีต ส.ส. ขึ้นเวทีขับไล่เผด็จการ ที่ท้องสนามหลวงด้วย
กลุ่ม กทม.ขอ 2 เก้าอี้ เล็ง"พม.-สธ."
ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ส.กทม. นั้นมีรายงานว่า ทีมงานภาค กทม.ของพรรคพลังประชาชน ทั้งส.ส. ส.ก. และ ส.ข. รวมทั้งอดีตผู้สมัครส.ส.กทม. นำโดย นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาค กทม. ได้นัดกินเลี้ยงสังสรรค์ กันในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค. ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของส.ส.กทม.และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.ทั้งหมดเป็นครั้งแรก ภายหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เพิ่งเดินทางกลับจากฮ่องกงจะไปร่วมงานด้วย และจะมีการหารือถึงโควตารัฐมนตรี ของภาคกทม. ด้วย โดยกลุ่มนี้ ต้องการ 2 เก้าอี้ คือ รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และ รมว.สาธารณสุข
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ภาค กทม.ต่อต้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น ไม่เป็นความจริง ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม.จะได้เป็นรมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯนั้น ภาคกทม.ซึ่งมีส.ส. 9 คน ได้ส่งชื่อไปให้ พรรคพิจารณา 2 คน คือ นายสุธา และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ซึ่งก็แล้วแต่ทางพรรคจะพิจารณาให้ หากได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ตำแหน่งก็ไม่มีปัญหา สำหรับตนนั้นไม่ขอเป็นรัฐมนตรี แต่อาจจะขอเป็นแค่ประธานคณะกรรมาธิการสักคณะในสภา
"อภิสิทธิ์"ยังเหมาะกว่า"สมัคร"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า พรรคจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และส.ส.ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ เวลา 15.00 น. เพื่อพิจารณาว่า จะมีการการว่าจะส่ง นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 28 ม.ค.หรือไม่ แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว ยังยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ของประเทศในภาวะการณ์อย่างนี้มากกว่านายสมัคร สุนทรเวช แต่ตนคงไม่ไปชี้นำ ที่ประชุมพรรค แต่ถ้ามีการลงมติ ตนก็จะลงมติไปในแนวทางนี้