xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพุ่ง 31 จุดรับ US ฟื้น ศก. น้ำมันโลกเพิ่มทะลุ $ 90

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นทั่วโลกเด้งรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่างชาติหวนเก็บหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบปีหนูไฟ ดันดัชนีตลาดหุ้นพุ่งกว่า 31 จุด หรือ 4.2% โบรกเกอร์มั่นใจดัชนีตลาดหุ้นเดือนม.ค.ต่ำสุดในรอบปี ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในเดือนหน้า เหตุต่างชาติเริ่มเข้าเก็บหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก ด้าน "ภัทรียา" ยังห่วงปัจจัยลบนอกประเทศ สั่งจับตาวิกฤตซับไพรม์หวั่นกระทบตลาดหุ้น ชี้จากสิ้นปีมาร์เกตแคปหายไปแล้ว 1 ล้านล้านบาท ด้านราคาน้ำมันโลกก็เพิ่มทะลุ$ 90

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (25 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อนคุณภาพ (ซับไพรม์) ด้วยการคืนภาษีให้กับ 117 ล้านครัวเรือน มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศทั้งประเด็นการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ใกล้จะได้ข้อสรุป รวมถึงข้อสรุปเกี่ยวกับค่าเช่าท่อก๊าซของบมจ.ปตท. ที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ประเด็นดังกล่าว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 759.72 จุด เพิ่มขึ้น 31.14 จุด หรือ 4.27% โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ 762.82 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 738.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 21,878.96 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 308.36 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,712.23 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,020.59 ล้านบาท

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 100 จุด จากการตอบรับมาตรการบรรเทาความเสียหายจากปัญหาซับไพรม์ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศออกมา ขณะที่ประเด็นในค่าเช่าก๊าซของ บมจ.ปตท.ที่สรุปออกมาต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

"การปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้อาจจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ ในลักษณะเก็งกำไรมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้ราคาหุ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมาก บวกกับไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามากระทบตลาดหุ้น"

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า ดัชนีจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มเข้ามาเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัวมากขึ้น โดยเชื่อว่าในเดือนม.ค. ดัชนีน่าอยู่ในช่วงที่ดัชนีต่ำสุดและน่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนได้ในช่วงเดือนก.พ. แต่คงต้องรอการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับเท่าใด รวมถึงการแถลงเพื่อเรียกคืนความมั่นใจเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวของประธานเฟด

ส่วนประเด็นการเมืองในประเทศ ขณะนี้นักลงทุนให้ความสำคัญน้อยกว่าปัจจัยภายนอกประเทศ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แต่คงต้องติดตามว่าในท้ายที่สุดแล้ว ใครจะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 740 จุด และแนวต้าน 770 จุด

ห่วงปัจจัยนอก ปท.ฉุดตลาดหุ้น

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยจากต่างประเทศยังเป็นปัจจัยที่กดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยอย่างรุนแรง แต่เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยโดยตรงไม่มากนัก แม้ว่าปัญหาซับไพรม์จะยังไม่จบ เพราะเมื่อพิจารณาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยที่ประกาศออกมาหลายตัวบ่งชี้ถึงพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี ขณะเดียวกันตัวเลขการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยไม่ได้มีการกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมใดมากจนเกินไป

สำหรับในช่วงที่สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นยังต้องตกอยู่ในสภาวะที่ผันผวน อาจจะส่งผลกระทบต่อการเข้ามาระดมทุนของบริษัทที่เตรียมจะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจากสิ้นปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 6.63 ล้านล้านบาท แต่ ณ วันที่ 24 ม.ค. มาร์เกตแคป ลดลงมาอยู่ที่เพียง 5.67 ล้านล้านบาท หรือลดลงแล้วประมาณ 1 ล้านล้านบาท

"การประเมินแรงขายของนักลงทุนต่างชาติว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ยังเป็นเรื่องที่ยากเนื่องจากปัญหาต่างๆ ยังคงไม่สิ้นสุดคงต้องรอประเมินตัวเลขความเสียหายจากปัญหาลบต่างๆ จากต่างประเทศอีกครั้ง"นางภัทรียา กล่าว

PTT ฟื้นหลังสรุปค่าเช่าท่อก๊าซ

นางสาวศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า หุ้นปตท.ตอบรับข้อสรุปการคิดอัตราค่าเช่าท่อก๊าซกับ PTT ในลักษณะขั้นบันไดในอัตราขั้นต่ำของรายได้ ซึ่งขยับขึ้นทีละ 5% ไปจนถึงสูงสุด 35% โดยคาดว่า PTT จะเสียค่าเช่าขั้นต่ำปีละ 180 ล้านบาท และ สูงสุดไม่เกิน 550 ล้านบาทถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นของ PTT

อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้ อาจเป็นเพียงการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสั้นๆ เท่านั้ นเนื่องจากระยะกลางถึงระยะยาวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญภาวะถดถอยจากวิกฤตซับไพรม์ นักลงทุนจึงต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

สอท.ระดมกึ๋นรับมือปัจจัยนอก

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (25ม.ค.) ส.อ.ท.ได้หารือกับผู้ประกอบการทั่วประเทศที่เป็นสมาชิกส.อ.ท. เพื่อระดมสมองในการจัดวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยรองรับการเปลี่ยนแปลงปัจจัยภายนอก ซึ่งจะได้มีการนำข้อสรุปที่ได้ทั้งหมดนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งเพื่อเป็นนโยบายในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนและทำงานร่วมกับเอกชนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป
 
สำหรับมาตรการระยะสั้นที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลดูแลได้ให้สมาชิกไปจัดทำสรุป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันนี้ (26ม.ค.) โดยได้ตั้งคำถามให้สมาชิกตอบที่สำคัญได้แก่ ต้องการเห็นค่าเงินบาทเป็นลักษณะใด อัตราดอกเบี้ยในประเทศควรจะมีการปรับขึ้นหรือลงในระยะสั้นนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคลควรจะปรับลดหรือไม่อย่างไร รวมไปถึงราคาสินค้าจะเป็นทิศทางใด เป็นต้น

"เราก็พูดกันถึงเศรษฐกิจภาพรวมบ้างเช่น ทิศทางค่าเงินบาทที่เอกชนเองก็ไม่ได้ต้องการว่าจะต้องเป็นเท่าใดขอเพียงให้มีเสถียรภาพและไม่ได้แข็งค่าไปกว่าประเทศคู่แข่งทางการค้าเท่านั้น ส่วนประเด็นการเมืองก็มีการพูดบ้างก็ไม่ได้เน้น ซึ่งหวั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีปัญหาตามมาอีกหรือเปล่าเช่น ห่วงว่าจะทะเลาะกันประเทศก็มีปัญหาเยอะแล้วเพราะมีปัญหาสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือซับไพร์มเข้ามาเพิ่มอีก"นายสันติ กล่าว

สำหรับมาตรการระยะกลางและยาว เอกชนต้องการให้รัฐบาลใหม่มีการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ด้วยการจัดตั้งนิคมฯ หรือเขตอุตสาหกรรมชายแดนเพื่อดูแลแรงงานต่างด้าวไม่ให้เข้ามาในประเทศ พร้อมกับเร่งแผนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ด รวมถึงการเร่งพัฒนาระบบขนส่งหรือลอจิสติกส์ให้เชื่อมโยงกัน

หุ้นเอเชีย-ยุโรปพุ่งตามวอลล์สตรีท

ด้าน ตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปยังคงพุ่งต่อ เมื่อวันศุกร์(25) ตามหุ้นในสหรัฐฯที่ปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี(24) เพิ่มขึ้นกว่า 1% โดยนักลงทุนแสดงความยินดีต่อข่าวรัฐบาลสหรัฐฯเห็นพ้องกับสมาชิกสภาคองเกรสในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าราว 150,000 ล้านดอลลาร์ และตัวเลขยอดคนว่างงานในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน

ในตลาดวอลล์สตรีท เมื่อวันพฤหัสบดี ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดโดยบวกเพิ่มขึ้น 108.44 จุด หรือ 0.88% ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส 500 ปิดเพิ่มขึ้น 13.47 จุด หรือ 1.01% และดัชนีคอมโพสิตของตลาดแนสแดค ปิดบวกเพิ่มขึ้น 44.51 จุด หรือ 1.92 %

ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นแห่งสำคัญๆในเอเชีย เมื่อวันศุกร์ ราคาหุ้นก็ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยนักลงทุนไม่ได้วิตกกังวลมากนักต่อข่าวที่โซซิเยเต้ เจเนราล ธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส แถลงว่าถูกพนักงานที่เป็นเทรดเดอร์คนหนึ่งทุจริต ทำให้ทางแบงก์ได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลถึง 4,900 ล้านยูโร (7,150 ล้านดอลลาร์)

ในช่วงปิดตลาด หุ้นโตเกียวปิดเพิ่มขึ้น 4.10%, ฮ่องกง บวก 6.7%, เซี่ยงไฮ้ บวก 0.93%, สิงคโปร์ บวก 3.59%

สำหรับตลาดหุ้นในแถบยุโรปก็ไม่ได้ตื่นตระหนกกับข่าวที่โซซิเยเต้ เจเนราล ได้รับความเสียหายมหาศาลจากการทุจริต มากนัก โดยในตอนใกล้เที่ยง เมื่อวันศุกร์ ลอนดอนบวกอยู่ 1.12%, ปารีส บวก 1.20%, แฟรงเฟิร์ต บวก 1.62%

สำหรับปัจจัยที่ทำให้หุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวในแดนบวกซึ่งทำให้นักลงทุนในแถบเอเชียและยุโรปมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้น เป็นเพราะข่าวที่รัฐบาลสหรัฐฯและสภาคองเกรสเห็นพ้องในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าราว 150,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการคืนภาษีให้ประชาชน และแผนกระตุ้นการลงทุนของภาคธุรกิจ

แองเจล มาทา กรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น แห่งสตีเฟล นิโคลัส แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ในบัลติมอร์ กล่าวว่านักลงทุนต่างรู้สึกยินดีที่ส.ส.สหรัฐฯทั้งฝ่ายรีพับลิกันและเดโมแครต ต่างเห็นพ้องในหลักการของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว

นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐฯก็แถลงตัวเลขจำนวนผู้ที่แจ้งขอรับสวัสดิการช่วยเหลือผู้ว่างงาน ประจำสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าตัวเลขดังกล่าวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯยังคงอยู่ในสภาพดี ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว

ราคาน้ำมันโลกก็เพิ่มทะลุ $ 90

การที่ตลาดหุ้นสำคัญๆทั่วโลกซื้อขายกันในแดนบวกส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เมื่อวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ เพิ่มสูงขึ้น โดยสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม ในตลาดไนเม็กซ์ นครนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี มีราคาเพิ่มขึ้น 2.42 ดอลลาร์ มาปิดที่ 89.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม ในตลาดลอนดอน มีราคาเพิ่มขึ้น 2.45 ดอลลาร์ มาปิดที่ 89.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำหรับการซื้อขายน้ำมันดิบที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันศุกร์ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด มีราคาเพิ่มขึ้น 54 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 90.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ มีราคาเพิ่มขึ้น 78 เซ็นต์ มาซื้อขายกันที่ 89.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กำลังโหลดความคิดเห็น