xs
xsm
sm
md
lg

5 ก.พ.ฤกษ์บวงสรวงซ่อมราชรถ พระเมรุสีอ่อนหวานสมจริยวัตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม.จ.รังษีนภดลวางพวงมาลาคารวะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กษัตริย์ตองกา ส่งพระราชสาส์นแสดงความอาลัย ขณะที่สำนักพระราชวังทำพิธีตัดไม้จันทน์จากกุยบุรีเพื่อทำพระโกศแล้ว กรมศิลปากรเผยกำหนดฤกษ์บวงสรวงซ่อมแซมราชรถ ราชยาน วันอังคารที่ 5 ก.พ. เวลา 12.15 น. โดยการก่อสสร้างพระเมรุจะเน้นสีทอง และสีอ่อนหวานสมพระจริยวัตร

วานนี้ (25 ม.ค.) สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 07.50 น.มีบุคคลสำคัญ ประชาชน นักเรียน ตลอดจนตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ เดินทางมาถวายสักการะพระศพอย่างต่อเนื่อง อาทิ คณะบุคคลจากมูลนิธิ ม.จ. รังษีนภดล ยุคล นำโดย ม.จ. รังษีนภดล ยุคล, นายโยชิโทกะ โอบะ ตัวแทน ดร.ไดซากุ อิเคดะ ประธานสมาคม โซคา งักไก อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศญี่ปุ่น, นักเรียนจากโรงเรียนเผยอิง ,โรงเรียนพิบูลย์ประชาสรรค์, มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการทหาร , สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, พนักงานจาก บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย

ภายหลังจากนำพวงมาลาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ม.จ. รังษีนภดล ยุคล ได้นำคณะทำงานจำนวน 30 คน กล่าวปฏิญาณต่อหน้าพระศพว่า “จะทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งจะขอดูแลจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

นอกจากนี้ ม.จ.รังษีนภดล ตรัสว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเป็นพระญาติ และมีศักดิ์เป็นสมเด็จอา ที่ท่านหญิงเคยได้มีโอกาสประทับอยู่ด้วย ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และชื่นชมพระจริยวัตรของพระองค์ที่มีพระเมตตาต่อสรรพสัตว์เรื่อยมา และขอฝากประชาชนชาวไทยทุกคนให้ช่วยกันดูแลรักษาป่าเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

กษัตริย์ตองกาส่งพระราชสาส์นอาลัย

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า มีพระราชสาส์น และสาส์นแสดงความเสียใจจากต่างประเทศ ถวายความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งมายังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย สมเด็จพระราชาธิบดี จอร์จ ทูโพ ที่ 5 แห่งราชอาณาจักรตองกา ,โมฮัมเหม็ด ฮอสนี มูบารัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์

นอกจากนี้ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ได้ส่งสาส์นไว้อาลัยใจความว่า พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถและพระวิสัยทัศน์อันสูงส่ง ในการประกอบพระกรณียกิจด้านการพัฒนาเพื่อความผาสุกของชาวไทยทุกหมู่เหล่า อันจะช่วยจรรโลงให้สถานะของประเทศไทย ได้รับการยอมรับยิ่งขึ้นในประชาคมระหว่างประเทศ

เริ่มพิธีตัดไม้จันทน์หอมทำพระโกศ

ส่วนที่บริเวณอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นายดิสธร วัชโรทัย ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักพระราชวัง และผู้อำนวยการกองงานส่วนพระองค์ พร้อมนายประสงค์ พิทูรย์กิจจา ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมในพิธีตัดไม้จันทน์หอม จำนวน 3 ต้น ซึ่งจะนำไปใช้ในการจัดสร้างพระโกศ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ โดยถือฤกษ์วันที่ 25 ม.ค.เวลา 11.29 น. ในการตัดต้นแรก ซึ่งใช้เวลาตัด 14 นาที ในการโค่นด้วยด้ามขวาน

จากนั้นได้ลำเลียงไม้ความยาว 8 เมตร ออกจากป่า โดยตัดเป็นท่อนยาว 3 เมตร 20 เซนติเมตร จำนวน 1 ท่อน และยาว 2 เมตร 40 เซนติเมตร จำนวน 2 ท่อน โดยใช้กำลังพลทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จ.เพชรบุรี จำนวน 30 นาย ขนลำเลียงไม้สู่โรงพิธีเพื่อทำการแปรรูป และเช็คยอดจำนวนไม้ทั้งหมด รวมทั้งขออนุญาตเคลื่อนย้ายไม้ทั้งหมดมาไว้ในกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปเก็บไว้ในโรงเรียนช่างสิบหมู่ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาแปรรูปไม้จันทร์หอมทั้ง 3 ต้น ประมาณ 2-3 วัน

ได้ฤกษ์ 5 ก.พ.บวงสรวงซ่อมราชรถ

นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ และบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยานที่ใช้ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า ขณะนี้กรมศิลปากรได้ประสานพระครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เพื่อขอให้คำนวณกำหนดเวลาที่จะใช้เป็นฤกษ์บวงสรวง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับช่างจากกรมศิลปากรและกรมสรรพาวุธก่อนที่จะเข้าไปซ่อมแซมราชรถ ราชยาน ที่จัดเก็บไว้ในโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครแล้ว

พระครูวามเทพมุนี ได้ตรวจสอบทางโหราศาสตร์และระบุว่า ในปีนี้อังคารเป็นวันที่ดีเป็นมงคลเหมาะแก่การประกอบพิธีกรรมต่างๆ จึงได้กำหนดฤกษ์บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวันอังคารที่ 5 ก.พ. 2551 เวลา 12.15 น.ที่โรงราชรถพิพิธภัณฑสภานแห่งชาติ พระนคร เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับช่างกรมศิลปากรและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การซ่อมราชรถนั้นกรมศิลปากรอาจว่าจ้างช่างศิลป์จากบริษัทเอกชนมาร่วมบูรณะ โดยทำงานร่วมกับช่างสิบหมู่ เพราะช่างสิบหมู่มีกำลังคนไม่เพียงพอ และต้องทำงานในหลายส่วน

ส่วนฤกษ์วันประกอบพิธีบวงสรวงตั้งเสาเอกในการจัดสร้างพระเมรุนั้น คงต้องรอให้กรมศิลปากรเข้าไปสร้างรั้วกั้นสนามหลวงด้านทิศใต้ และสร้างโรงขยายแบบหัวมุมสนามหลวงตรงข้ามกรมศิลปากร พร้อมทั้งวางผังพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เสียก่อน

สร้างลิฟต์แบบเดียวกับพระที่นั่งดุสิตฯ

"แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังไม่โปรดเกล้าฯ ว่าจะใช้ราชรถองค์ใดในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่ในส่วนของกรมศิลปากรจะเตรียมความพร้อมบูรณะราชรถ ราชยานทุกองค์ ให้พร้อมใช้งาน แต่ตามโบราณราชประเพณีแล้ว การที่ช่างจะเข้าไปบูรณะราชรถ ราชยาน ซึ่งเป็นเครื่องทรงชั้นสูงของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปรียบเสมือนสมมติเทพนั้น จะต้องจัดพิธีบวงสรวงตามคติพราหมณ์ เพื่อขอพระบรมราชานุญาตจากดวงพระวิญญาณของบูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ปฏิบัติงาน”

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการติดตั้งลิฟท์นั้นงจะไม่ใช้ลิฟท์โดยสารแบบทั่วไป ซึ่งทราบจาก น.อ.อาวุธ ว่าการออกแบบจะใช้ลิฟท์แบบยก โดยพิจารณาให้สร้างลิฟต์ที่ไม่ยกสูงมากนัก มีลักษณะคล้ายลิฟต์ยกบริเวณด้านข้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง

นอกจากนี้กรมทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้มีหนังสือมายังกรมศิลปากรเรื่องการจัดส่งไม้จันทน์แปรรูปจำนวน 3 ต้นเพื่อจัดทำพระโกศไม้จันทน์แล้ว คาดว่าจะใช้ไม้จันทน์ไม่เกิน 2 ต้น ส่วนวันและเวลามอบจะมีการนัดหมายอีกครั้ง

พระเมรุเน้นสีทองสีอ่อนหวาน

ด้าน นายไพบูลย์ ผลมาก ผู้อำนวยการสำนักสถาปัตยกรรม กล่าวถึง รายละเอียดรูปแบบของพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า เป็นกุฎาคารเรือนยอดประธานมณฑลสร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันตก เป็นพระเมรุทรงปราสาทจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสอง ยอดปักพระสิปตปฎลเศวตฉัตร จากฐานถึงยอดสูง 37.85 เมตร กว้าง 31.80 เมตร ยาว 39.80 เมตร สร้างด้วยไม้ โครงสร้างภายในเป็นเหล็กประดับด้วยกระดาษทองย่นตกแต่งด้วยลวดลาย ฐานพระเมรุจัดทำเป็น 2 ระดับ มีบันไดทอดถึงตลอดทั้ง 4 ทิศ ระดับแรกเรียกว่า ฐานชาลา ประดับด้วยรูปเทวดานั่งคุกเข่าพระหัตถ์ถือบังแทรกตรงกลางเป็นโคมไฟ ประดับตามพนักฐานชาลา

ด้านในมีรูปเทวดาประทับยืนถือฉัตรเครื่องสูงรายรอบ ระดับที่สองหรือฐานบน เรียกว่า ฐานพระเมรุเป็นฐานสิงห์ มีบันไดขึ้นจากฐานชาลาทั้ง 4 ทิศ โถงกลางใหญ่ตั้งพระจิตกาธานขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐานพระโกศ เพื่อถวายพระเพลิง ทางด้านทิศเหนือของพระจิตกาธานมีรางยื่นออกไปนอกมุขเป็นสะพานเกริน เพื่อใช้เป็นที่เคลื่อนพระโกศจากพระยานมาศสามลำคานขึ้นบนพระเมรุ

สำหรับองค์พระเมรุทั้งด้านในและด้านนอกนั้น จะประดับตกแต่งด้วยกระดาษทองย่นเกือบทั้งหมด ใช้สีทองเป็นหลัก และประกอบด้วยสีอื่นๆ ที่เป็นสีอ่อน สีหวาน เพื่อให้เหมาะกับพระอุปนิสัยและพระจริยวัตรที่นุ่มนวลสง่างามของพระเจ้าพี่นางเธอฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น