ผู้จัดการรายวัน – ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว เตรียมเสนอสูตรหารายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเสนอต่อรัฐบาลใหม่ ที่ต้องโตไปพร้อมกับจีดีพี ตั้งเป้า 8 ปี ข้างหน้า ต้องมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 8% ของจีดีพี หรือโตเท่าตัวจากปัจจุบัน ที่ได้ 4% ของจีดีพี
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมทำเรื่องเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯคนใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ถึงแนวทางการหารายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จากแผนกรทำงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยมีแนวคิดว่า ททท. ควรจัดทำแผนยุทธ์ศาสตร์ ระยะ 3 ปี (2551-2553) และ ระยะ 5 ปี (2554-2558) ตามลำดับ
โดยมีเป้าหมายการทำงานว่า ในปี 2558 เมื่อสิ้นสุดแผนงาน ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คิดเป็น 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี ) หรือมีรายได้ที่ 1.5 ล้านล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน ซึ่งปี 2550 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 5.47 แสนล้านบาท คิดเป็น 4% ของ จีดีพี
ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ต่อจีดีพี ที่ต้องเติบโตสูงขึ้นก็เพื่อให้สอดคล้องกับที่ทางกลุ่ม 6 ประเทศ ลุ่มแม่น้ำโขง(GMS) ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศกลุ่ม GMS ราว 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบันมีตัวเลขที่ 25 ล้านคน
อย่างไรก็ตามมองว่า ททท.ต้องจัดทำแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่ใช่แค่ทำแผนเพียงปีต่อปีเท่านั้น เพื่อวางแนวทางการทำงานในอนาคตให้ท่องเที่ยวเติบโตแบบยั่งยืน ในส่วนของกระทรวงฯก็จะต้องผลักดันให้เกิดสินค้าทางการท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้วยการผุดเมกกะโปรเจค เพื่อเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น การเร่งรัดให้สร้างศูนย์ประชุม ที่เชียงใหม่ และ ภูเก็ต , การสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบผจญภัย และ การส่งเสริมธุรกิจสปา ทั้งนี้มั่นใจว่าแนวทางทั้งหมดที่กล่าวมา รัฐบาลใหม่น่าจะสนใจ และช่วยกันผลักดัน เพราะท่องเที่ยวจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมทำเรื่องเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯคนใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ถึงแนวทางการหารายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จากแผนกรทำงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) โดยมีแนวคิดว่า ททท. ควรจัดทำแผนยุทธ์ศาสตร์ ระยะ 3 ปี (2551-2553) และ ระยะ 5 ปี (2554-2558) ตามลำดับ
โดยมีเป้าหมายการทำงานว่า ในปี 2558 เมื่อสิ้นสุดแผนงาน ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คิดเป็น 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี ) หรือมีรายได้ที่ 1.5 ล้านล้านบาท มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน ซึ่งปี 2550 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 5.47 แสนล้านบาท คิดเป็น 4% ของ จีดีพี
ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ต่อจีดีพี ที่ต้องเติบโตสูงขึ้นก็เพื่อให้สอดคล้องกับที่ทางกลุ่ม 6 ประเทศ ลุ่มแม่น้ำโขง(GMS) ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศกลุ่ม GMS ราว 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบันมีตัวเลขที่ 25 ล้านคน
อย่างไรก็ตามมองว่า ททท.ต้องจัดทำแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่ใช่แค่ทำแผนเพียงปีต่อปีเท่านั้น เพื่อวางแนวทางการทำงานในอนาคตให้ท่องเที่ยวเติบโตแบบยั่งยืน ในส่วนของกระทรวงฯก็จะต้องผลักดันให้เกิดสินค้าทางการท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้วยการผุดเมกกะโปรเจค เพื่อเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น การเร่งรัดให้สร้างศูนย์ประชุม ที่เชียงใหม่ และ ภูเก็ต , การสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบผจญภัย และ การส่งเสริมธุรกิจสปา ทั้งนี้มั่นใจว่าแนวทางทั้งหมดที่กล่าวมา รัฐบาลใหม่น่าจะสนใจ และช่วยกันผลักดัน เพราะท่องเที่ยวจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ