กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เร่งฝึกขุนพล ใน 31 สำนักงานการท่องเที่ยว ที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง เล็งใช้เวที GMS พิสูจน์ฝีมือ เกิดหรือดับ “ศศิธารา” ระบุ ถ้าผลงานเข้าตา มีสิทธิ์ลุ้นก.พ.ร.ตั้งอีก 43 ศูนย์ที่เหลือ หากไม่ดี ที่แต่งตั้ง 31 สำนักงานก็มีสิทธิ์ถูกยุบเช่นกัน
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เพื่อให้ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบจัดตั้งขึ้น โดยยกระดับจากศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา นันทนาการ รวม 31 แห่ง จากทั้งหมด 75 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่เป็นหัวเมืองหลักในภาคต่างๆ เช่น อยุธยา ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ชลบุรี กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล ยะลา ขอนแก่น เลย นครราชสีมา เป็นต้น ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางสำนักปลัดฯจึงได้เตรียมจัดคอร์สอบรมบุคลากร 40 คน ในระดับหัวหน้าศูนย์ฯ ด้วยงบประมาณราว 3 ล้านบาท เพื่อเรียนรู้กลยุทธ์ทางการตลาดและการบริหารในส่วนของภาคราชการ
การอบรมดังกล่าวจะมีการให้คะแนน ผู้ได้คะแนนสูงลำดับต้นๆ จะได้รับคัดเลือกไปดูงานที่ทัวริสซึมบอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยผู้ผ่านการอบรมทั้ง 40 คน จะกระจายออกเป็นหัวหน้างานระดับ 8 ประจำสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ทั้ง 31 แห่ง มีอำนาจหน้าที่ด้านการบริหารจัดการ การพิจารณาโครงการ โดยทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และ สำนักงานการท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาค ภายใน 6 เดือนหลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักปลัด กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะประเมินผลการทำงาน
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า มีความมั่นใจว่า ศักยภาพของบุคลากรของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด มีความพร้อมมากพอกับความรับผิดชอบในตำแหน่งใหม่ดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงานปลัดฯ จะให้พิสูจน์ฝีมือ ด้วย การทำงาน ในการเป็นเจ้าภาพประชุมความร่วมมืออนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ประกอบด้วย ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และ จีน (เฉพาะ มณฑล กวางสี และ ยูนนาน) ซึ่งจะมีทั้งการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อความร่วมมือกันในกลุ่ม GMS ที่จะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ และมีกิจกรรมต่อเนื่อง ตลอดปีหน้า โดยจะเดินสายประชุมกันในจังหวัดต่างๆ ที่เป็นเขตติดต่อพรมแดน
โดยทางสำนักงานฯ จะต้องเป็นผู้ประสานงาน และเตรียมการประชุม ในฐานะเจ้าภาพ ทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด หอการค้าจังหวัด และ สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น การจัดแฟมทริป เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ขณะที่งานด้านทราเวลมาร์ท จะเป็นหน้าที่ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แต่ก็ต้องมีการประสานการทำงานร่วมกัน
นอกจากนั้น หน้าที่ของ สำนักงานฯ จะต้องดูและงานด้านนโยบาย ตามแผนงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นการแบ่งเบาภาระจากส่วนกลาง ซึ่งแผนงานจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด, ดูแลมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว, ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ทั้งนี้ กระทรวงจะใช้เวลา 1 ปี ในการพิสูจน์ผลงานและความสามารถของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้รับรู้ เพื่อให้ ก.พ.ร.อนุมัติศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา นันทนาการจังหวัด อีก 43 จังหวัดที่เหลือ ให้เป็นสำนักงานฯด้วย แต่หากผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ทั้ง 31 สำนักงานฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกยุบกลับไปเป็นศูนย์การท่องเที่ยวฯเหมือนเดิม
ดังนั้น หากทั้ง 31 สำนักงานฯ สามารถปฏิบัติงานได้ดี ย่อมหมายถึงการช่วยการรันตีให้อีก 43 ศูนย์ที่เหลือได้รับการแต่งตั้ง นอกจากนั้น ในส่วนของผู้ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 8 ฝ่ายบริหาร ยังมีสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นระดับ 9 ซึ่งหมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานด้วย จะทำให้รายได้และสวัสดิการดีขึ้น
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เพื่อให้ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบจัดตั้งขึ้น โดยยกระดับจากศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา นันทนาการ รวม 31 แห่ง จากทั้งหมด 75 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่เป็นหัวเมืองหลักในภาคต่างๆ เช่น อยุธยา ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ชลบุรี กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล ยะลา ขอนแก่น เลย นครราชสีมา เป็นต้น ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางสำนักปลัดฯจึงได้เตรียมจัดคอร์สอบรมบุคลากร 40 คน ในระดับหัวหน้าศูนย์ฯ ด้วยงบประมาณราว 3 ล้านบาท เพื่อเรียนรู้กลยุทธ์ทางการตลาดและการบริหารในส่วนของภาคราชการ
การอบรมดังกล่าวจะมีการให้คะแนน ผู้ได้คะแนนสูงลำดับต้นๆ จะได้รับคัดเลือกไปดูงานที่ทัวริสซึมบอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยผู้ผ่านการอบรมทั้ง 40 คน จะกระจายออกเป็นหัวหน้างานระดับ 8 ประจำสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ทั้ง 31 แห่ง มีอำนาจหน้าที่ด้านการบริหารจัดการ การพิจารณาโครงการ โดยทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และ สำนักงานการท่องเที่ยวในส่วนภูมิภาค ภายใน 6 เดือนหลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักปลัด กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะประเมินผลการทำงาน
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า มีความมั่นใจว่า ศักยภาพของบุคลากรของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด มีความพร้อมมากพอกับความรับผิดชอบในตำแหน่งใหม่ดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงานปลัดฯ จะให้พิสูจน์ฝีมือ ด้วย การทำงาน ในการเป็นเจ้าภาพประชุมความร่วมมืออนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ประกอบด้วย ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และ จีน (เฉพาะ มณฑล กวางสี และ ยูนนาน) ซึ่งจะมีทั้งการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อความร่วมมือกันในกลุ่ม GMS ที่จะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมปีนี้ และมีกิจกรรมต่อเนื่อง ตลอดปีหน้า โดยจะเดินสายประชุมกันในจังหวัดต่างๆ ที่เป็นเขตติดต่อพรมแดน
โดยทางสำนักงานฯ จะต้องเป็นผู้ประสานงาน และเตรียมการประชุม ในฐานะเจ้าภาพ ทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด หอการค้าจังหวัด และ สภาอุตสาหกรรมจังหวัด เป็นต้น การจัดแฟมทริป เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวในที่ต่างๆ ขณะที่งานด้านทราเวลมาร์ท จะเป็นหน้าที่ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แต่ก็ต้องมีการประสานการทำงานร่วมกัน
นอกจากนั้น หน้าที่ของ สำนักงานฯ จะต้องดูและงานด้านนโยบาย ตามแผนงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นการแบ่งเบาภาระจากส่วนกลาง ซึ่งแผนงานจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด, ดูแลมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว, ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ทั้งนี้ กระทรวงจะใช้เวลา 1 ปี ในการพิสูจน์ผลงานและความสามารถของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้รับรู้ เพื่อให้ ก.พ.ร.อนุมัติศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา นันทนาการจังหวัด อีก 43 จังหวัดที่เหลือ ให้เป็นสำนักงานฯด้วย แต่หากผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ทั้ง 31 สำนักงานฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกยุบกลับไปเป็นศูนย์การท่องเที่ยวฯเหมือนเดิม
ดังนั้น หากทั้ง 31 สำนักงานฯ สามารถปฏิบัติงานได้ดี ย่อมหมายถึงการช่วยการรันตีให้อีก 43 ศูนย์ที่เหลือได้รับการแต่งตั้ง นอกจากนั้น ในส่วนของผู้ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 8 ฝ่ายบริหาร ยังมีสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นระดับ 9 ซึ่งหมายถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานด้วย จะทำให้รายได้และสวัสดิการดีขึ้น
