"ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ" ทรงสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ ทูลเกล้าฯ ถวายแบบร่างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชวินิจฉัยก่อนดำเนินการก่อสร้าง อธิบดีกรมศิลปากรคาดบวงสรวงเสาเอกต้น ก.พ. ระบุแล้วเสร็จไม่เกิน 10 ต.ค.นี้ สรุปใช้งบ 176 ล้าน พร้อมตั้ง “ร.อ.จิทัศ” พระนัดดาร่วมสร้างพระเมรุ วัดไทยในสวิสร่วมจัดงานถวายพระกุศล
ค่ำวานนี้ (21 ม.ค.) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และ ทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยพระสงฆ์จากวัดระฆังโฆสิตารามราชวรมหาวิหาร และ วัดอนงคาราม จำนวน 8 รูปเป็นผู้สวดพระพิธีธรรม
แจงรายละเอียดพระเมรุ-สรุปใช้งบ 176 ล้าน
ที่กรมศิลปากร วานนี้ นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ และบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและจัดสร้างพระเมรุฯ ได้เสนอรายละเอียดการก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบ การซ่อมราชรถ การซ่อมราชรถ ราชยาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกการก่อสร้างพระเมรุ และอาคารภายในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย 1.พระเมรุ 2.ซ่าง 4 หลัง สำหรับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 3.พระที่นั่งทรงธรรม ประกอบด้วย ห้องที่ประทับพักพระอิริยาบถ อาสนะพระ ที่ประทับเวลามีพระราชพิธี ที่ประทับพระบรมวงศานุวงศ์ ที่นั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ห้องน้ำ 2 ห้อง ลิฟต์ 2 ที่ 4.ศาลาลูกขุน ที่นั่งสำหรับข้าราชการผู้มาเข้าเฝ้า 5.ทับเกษตร 8 หลัง ที่นั่งข้าราชการฟังสวดพระอภิธรรม 6.ทิม 6 หลัง ประกอบด้วย ทิมเครื่องประโคม ทิมสำหรับพระสงฆ์ ทิมเจ้าพนักงาน 7.ห้องสุขา 2 หลัง 8.หอเปลื้อง 1 หลัง และเสาฉนวน 9.รั้วราชวัตร 10.ภูมิสถาปัตยกรรม ประกอบด้วย เสาไฟฟ้า ต้นไม้ ดอกไม้ ตกแต่งบริเวณ เครื่องตกแต่งอื่นๆ เช่น เสาหงส์ เสาตุง 11.เครื่องประกอบพระเมรุ ประกอบด้วย จิตกาธาน ฉัตร รูปเทวดาเชิญฉัตร และเครื่องสูง สัตว์หิมพานต์ พระโกศจันทน์ ฉากบังเพลิง ม่าน สะพานเกริน และลิฟต์
ส่วนสิ่งก่อสร้างนอกมณฑลโดยรอบพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย 1.เกยลา หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท 2.พลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งพระศพขึ้นราชรถ 3.พลับพลายกที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรค์ปราสาท สำหรับเจ้านายฝ่ายในประทับส่งพระศพ 4.พลับพลายกที่ท้องสนามหลวง สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรับพระศพลงจากราชรถ 5.โรงมหรสพ 3 โรง หากมีการโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างเพิ่มเติม 6.ที่สำหรับประชาชนวางดอกไม้จันทน์ 7.โรงขยายแบบ 8.โรงปฏิบัติงานด้านศิลปกรรม 2 โรง 9.ก่อสร้างถนนทางเดิน ทางเท้า พื้นลาน 10.รื้อ ถอน ย้าย ติดตั้ง ระบบไฟฟ้า ประปา และทำรั้วใหม่ 11.ทำรั้วชั่วคราว 12.ซ่อม รื้อ เกาะกลางถนน สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ และอื่นๆ
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อกว่า ด้านการซ่อมแซมราชรถ ราชยานและเครื่องประกอบ ประกอบด้วย 1.ซ่อมทำความสะอาดราชรถ 2 องค์ คือ พระมหาพิชัยราชรถ และพระเวชยันตราชรถ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้ง 2 องค์ แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ว่าจะให้ใช้ราชรถองค์ใด 2.ซ่อมใหญ่ราชรถน้อย 1 คัน 3.ซ่อมทำความสะอาดราชรถน้อย 2 คัน 4.ซ่อมพระยานมาศ 3 ลำคาน 2 องค์พร้อมม้ารอง 5.ซ่อมเกรินบันไดนาค 2 เกริน 6.ซ่อมทำความสะอาดพระที่นั่งราเชนทรยาน 7.ซ่อมใหญ่พระวอสีวิกากาญจน์ 8.ซ่อมและสร้างเครื่องประกอบอื่นๆ เช่น ฉัตรเบญจรงค์ พัตราภรณ์อื่นๆ
ทั้งนี้ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 176 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ และจะนำเสนอคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ เพื่อขออนุมัติงบประมาณต่อไป
ทูลเกล้าฯ ในหลวงมีพระบรมราชวินิจฉัย
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทราบว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำแบบพระเมรุ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องรอพระบรมราชวินิจฉัยก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
สำหรับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุฯ ได้เสนอแผนการดำเนินงานจัดสร้างพระเมรุ และซ่อมแซมราชรถ ราชยานทั้งหมด จะแล้วเสร็จภายในช่วงเดือนก.ย. โดยอย่างช้าที่สุดไม่เกินวันที่ 10 ต.ค.นี้ เช่นเดียวกับการออกแบบและก่อสร้างพระโกศจันทน์ก็จะอยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน โดยการออกแบบพระเมรุจะเริ่มตั้งแต่บัดนี้ไปจนสิ้นสุดในเดือนมี.ค. งานเขียนแบบขยายลวดลายเริ่มกลางเดือน ก.พ.ถึง พ.ค. ขณะที่งานซ่อมราชรถต่างๆ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนส.ค. เพื่อให้ทันในการซ้อมขบวนเคลื่อนพระศพ ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรมจะเริ่มดำเนินการหลังสุดในช่วงเดือน พ.ค.ถึง ก.ย.
ตั้ง “ร.อ.จิทัศ” พระนัดดาร่วมสร้างพระเมรุ
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมในการจัดสร้างพระเมรุ โดยแต่งตั้งให้ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นคณะกรรมการเพิ่มเติมในชุดนี้ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ เนื่องจาก ร.อ.จิทัศ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การทำงานด้านสถาปัตยกรรมอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ออกแบบการจัดนิทรรศการ "แสงหนึ่ง คือรุ้งงาม " เพื่อเทิดพระเกียรติในวโรกาส สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 6 พฤษภาคม 2550 ดังนั้นทางฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุฯ คาดว่า ร.อ.จิทัศ สามารถเข้ามาดูแลด้านการออกแบบตกแต่งพระเมรุฯ ได้
บวงสรวงเสาเอกพระเมรุต้น ก.พ.
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้เสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรจะมีการดูแลและมาตรการป้องกันในการก่อสร้าง เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าฝน ซึ่งลวดลายหรือกระดาษต่างๆ อาจได้รับความเสียหายได้ สำหรับฤกษ์บวงสรวงเพื่อลงเสาเอกในการก่อสร้างพระเมรุที่ท้องสนามหลวงนั้น อยู่ในช่วงต้นเดือนก.พ.ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังคณะพราหมณ์หลวง ผ่านสำนักพระราชวัง เพื่อขอให้กำหนดฤกษ์อีกครั้ง
ประดับพันธุ์ไม้ที่ทรงโปรด
ขณะเดียวกัน ทางกรมศิลปากร จะทำหนังสือไปถึงมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อประสานขอพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่จะนำมาใช้ในงานภูมิสถาปัตยตกแต่งบริเวณโดยรอบพระเมรุ รวมทั้งจะคัดเลือกพันธุ์ไม้อีกหลายชนิดที่ปลูกในอุทยานพระตำหนักดอยตุง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงโปรดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จะต้องหารือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้จัดเตรียมเพาะพันธุ์ไว้รองรับ และประสานไปยังกทม.เพื่อขอสนับสนุนพันธุ์ไม้ในการใช้ตกแต่งด้วย
วธ.พร้อมสนับสนุนวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ฯ
วันเดียวกันคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ว่า ขณะนี้ทางวัดกำลังจะมีการจัดห้องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งทาง วธ. พร้อมจะให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลอย่างเต็มที่ และจะมอบให้กรมการศาสนามาประสานกับทางวัดจัดสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมเพื่อให้ความรู้อบรมธรรมมะแก่นักเรียน ประชาชน ผู้สนใจ
ส่วนพระตำหนักที่ทางวัดจัดสร้างไว้รับเสด็จและเป็นที่ประทับ เมื่อพระองค์ท่านสิ้นพระชนม์คงจะไม่ได้ใช้งาน ทางวัดจึงได้ปรับประยุกต์เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับพระองค์เพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว
ด้าน พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณแก่วัดเป็นอย่างมาก นอกจากจะรับไว้ในอุปถัมภ์แล้ว ยังทรงสนับสนุนกิจกรรมทางวัดเรื่อยมา อาทิ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2550 เป็นวันประสูติของพระองค์ ครบ 7 รอบ 84 ปี ได้รับพระเมตตาให้จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ 85 รูป สามเณร 11 รูป รวม 96 รูป วันที่ 6-11 พ.ค. 2550 ได้อาราธนาพระสงฆ์ สามเณรเปรียญธรรมรวม 85 รูปจากวัดต่างๆ มาสาธยายพระไตรปิฎก ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย. 2550 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับวัด เป็นวัดในพระองค์ฯและทรงรับเป็นองค์ประธานงานก่อสร้างเจดีย์พุทธคยา
ที่สำคัญคือ ได้พระราชทานพระอนุญาตให้ตั้งศูนย์เด็กเล็กในบริเวณหน้าวัดมีชื่อว่า " ศูนย์เด็กเล็กราชนครินทร์" รวมทั้งพระราชทานคำว่า " ราชนครินทร์" ไว้ใช้ในกิจกรรมที่สมควร กับอาคารอื่นๆในวัดอีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาอย่างหาที่สุดมิได้
วัดไทยในสวิสจัดงานถวายพระกุศล
สำหรับบรรยากาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ยังคงมีประชาชนเดินทางมาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างต่อเนื่องโดย มีคณะบุคคลสำคัญต่างๆ ร่วมเข้าสักการะพระศพพร้อมนำพวงมาลามาถวายเป็นจำนวนมาก
โดยในเวลา 13.30 น. ผศ.ดร.โกนิฏฐ์ ศรีทอง ในฐานะตัวแทนพระเทพกิตติโมลี เจ้าอาวาสวัดศรีนครินทรวราราม ซึ่งเป็นวัดไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางพร้อมคณะจากประเทศสวิส เพื่อเข้าสักการะพระศพ และถวายพวงมาลา ทั้งยังเป็นตัวแทนเจ้าอาวาสวัดฯยื่นหนังสือขอร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระกุศลถวายพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อสำนักพระราชวัง
วัดศรีนครินทรวราราม ถือเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ทรา บรมราชชนนี และเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทร์สิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มีพระกรุณาธิคุณทรงรับในพระอุปถัมภ์เรื่อยมา และเพื่อน้อมรำลึกถึงพระเมตตา ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างสุดซึ้ง คณะกรรมสมาคมวัดไทย และ คณะกรรมการมูลนิธิสมเด็จย่าฯ ได้บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระกุศลแด่พระองค์ท่านเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่ วันที่ 2-8 ม.ค.ที่ผ่านมา และจะบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ ในวันที่ 13 เมษายน ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามลำดับด้วย
ค่ำวานนี้ (21 ม.ค.) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และ ทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยพระสงฆ์จากวัดระฆังโฆสิตารามราชวรมหาวิหาร และ วัดอนงคาราม จำนวน 8 รูปเป็นผู้สวดพระพิธีธรรม
แจงรายละเอียดพระเมรุ-สรุปใช้งบ 176 ล้าน
ที่กรมศิลปากร วานนี้ นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ และบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและจัดสร้างพระเมรุฯ ได้เสนอรายละเอียดการก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบ การซ่อมราชรถ การซ่อมราชรถ ราชยาน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรกการก่อสร้างพระเมรุ และอาคารภายในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย 1.พระเมรุ 2.ซ่าง 4 หลัง สำหรับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 3.พระที่นั่งทรงธรรม ประกอบด้วย ห้องที่ประทับพักพระอิริยาบถ อาสนะพระ ที่ประทับเวลามีพระราชพิธี ที่ประทับพระบรมวงศานุวงศ์ ที่นั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ห้องน้ำ 2 ห้อง ลิฟต์ 2 ที่ 4.ศาลาลูกขุน ที่นั่งสำหรับข้าราชการผู้มาเข้าเฝ้า 5.ทับเกษตร 8 หลัง ที่นั่งข้าราชการฟังสวดพระอภิธรรม 6.ทิม 6 หลัง ประกอบด้วย ทิมเครื่องประโคม ทิมสำหรับพระสงฆ์ ทิมเจ้าพนักงาน 7.ห้องสุขา 2 หลัง 8.หอเปลื้อง 1 หลัง และเสาฉนวน 9.รั้วราชวัตร 10.ภูมิสถาปัตยกรรม ประกอบด้วย เสาไฟฟ้า ต้นไม้ ดอกไม้ ตกแต่งบริเวณ เครื่องตกแต่งอื่นๆ เช่น เสาหงส์ เสาตุง 11.เครื่องประกอบพระเมรุ ประกอบด้วย จิตกาธาน ฉัตร รูปเทวดาเชิญฉัตร และเครื่องสูง สัตว์หิมพานต์ พระโกศจันทน์ ฉากบังเพลิง ม่าน สะพานเกริน และลิฟต์
ส่วนสิ่งก่อสร้างนอกมณฑลโดยรอบพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย 1.เกยลา หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท 2.พลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งพระศพขึ้นราชรถ 3.พลับพลายกที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรค์ปราสาท สำหรับเจ้านายฝ่ายในประทับส่งพระศพ 4.พลับพลายกที่ท้องสนามหลวง สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรับพระศพลงจากราชรถ 5.โรงมหรสพ 3 โรง หากมีการโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างเพิ่มเติม 6.ที่สำหรับประชาชนวางดอกไม้จันทน์ 7.โรงขยายแบบ 8.โรงปฏิบัติงานด้านศิลปกรรม 2 โรง 9.ก่อสร้างถนนทางเดิน ทางเท้า พื้นลาน 10.รื้อ ถอน ย้าย ติดตั้ง ระบบไฟฟ้า ประปา และทำรั้วใหม่ 11.ทำรั้วชั่วคราว 12.ซ่อม รื้อ เกาะกลางถนน สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ และอื่นๆ
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อกว่า ด้านการซ่อมแซมราชรถ ราชยานและเครื่องประกอบ ประกอบด้วย 1.ซ่อมทำความสะอาดราชรถ 2 องค์ คือ พระมหาพิชัยราชรถ และพระเวชยันตราชรถ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้ง 2 องค์ แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ว่าจะให้ใช้ราชรถองค์ใด 2.ซ่อมใหญ่ราชรถน้อย 1 คัน 3.ซ่อมทำความสะอาดราชรถน้อย 2 คัน 4.ซ่อมพระยานมาศ 3 ลำคาน 2 องค์พร้อมม้ารอง 5.ซ่อมเกรินบันไดนาค 2 เกริน 6.ซ่อมทำความสะอาดพระที่นั่งราเชนทรยาน 7.ซ่อมใหญ่พระวอสีวิกากาญจน์ 8.ซ่อมและสร้างเครื่องประกอบอื่นๆ เช่น ฉัตรเบญจรงค์ พัตราภรณ์อื่นๆ
ทั้งนี้ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 176 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบ และจะนำเสนอคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ เพื่อขออนุมัติงบประมาณต่อไป
ทูลเกล้าฯ ในหลวงมีพระบรมราชวินิจฉัย
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทราบว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้นำแบบพระเมรุ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องรอพระบรมราชวินิจฉัยก่อนที่จะดำเนินการต่อไป
สำหรับฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุฯ ได้เสนอแผนการดำเนินงานจัดสร้างพระเมรุ และซ่อมแซมราชรถ ราชยานทั้งหมด จะแล้วเสร็จภายในช่วงเดือนก.ย. โดยอย่างช้าที่สุดไม่เกินวันที่ 10 ต.ค.นี้ เช่นเดียวกับการออกแบบและก่อสร้างพระโกศจันทน์ก็จะอยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน โดยการออกแบบพระเมรุจะเริ่มตั้งแต่บัดนี้ไปจนสิ้นสุดในเดือนมี.ค. งานเขียนแบบขยายลวดลายเริ่มกลางเดือน ก.พ.ถึง พ.ค. ขณะที่งานซ่อมราชรถต่างๆ ได้เริ่มดำเนินการแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนส.ค. เพื่อให้ทันในการซ้อมขบวนเคลื่อนพระศพ ส่วนงานภูมิสถาปัตยกรรมจะเริ่มดำเนินการหลังสุดในช่วงเดือน พ.ค.ถึง ก.ย.
ตั้ง “ร.อ.จิทัศ” พระนัดดาร่วมสร้างพระเมรุ
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมในการจัดสร้างพระเมรุ โดยแต่งตั้งให้ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นคณะกรรมการเพิ่มเติมในชุดนี้ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ เนื่องจาก ร.อ.จิทัศ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การทำงานด้านสถาปัตยกรรมอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ออกแบบการจัดนิทรรศการ "แสงหนึ่ง คือรุ้งงาม " เพื่อเทิดพระเกียรติในวโรกาส สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 6 พฤษภาคม 2550 ดังนั้นทางฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุฯ คาดว่า ร.อ.จิทัศ สามารถเข้ามาดูแลด้านการออกแบบตกแต่งพระเมรุฯ ได้
บวงสรวงเสาเอกพระเมรุต้น ก.พ.
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้เสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรจะมีการดูแลและมาตรการป้องกันในการก่อสร้าง เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าฝน ซึ่งลวดลายหรือกระดาษต่างๆ อาจได้รับความเสียหายได้ สำหรับฤกษ์บวงสรวงเพื่อลงเสาเอกในการก่อสร้างพระเมรุที่ท้องสนามหลวงนั้น อยู่ในช่วงต้นเดือนก.พ.ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังคณะพราหมณ์หลวง ผ่านสำนักพระราชวัง เพื่อขอให้กำหนดฤกษ์อีกครั้ง
ประดับพันธุ์ไม้ที่ทรงโปรด
ขณะเดียวกัน ทางกรมศิลปากร จะทำหนังสือไปถึงมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อประสานขอพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่จะนำมาใช้ในงานภูมิสถาปัตยตกแต่งบริเวณโดยรอบพระเมรุ รวมทั้งจะคัดเลือกพันธุ์ไม้อีกหลายชนิดที่ปลูกในอุทยานพระตำหนักดอยตุง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงโปรดเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จะต้องหารือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้จัดเตรียมเพาะพันธุ์ไว้รองรับ และประสานไปยังกทม.เพื่อขอสนับสนุนพันธุ์ไม้ในการใช้ตกแต่งด้วย
วธ.พร้อมสนับสนุนวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ฯ
วันเดียวกันคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ว่า ขณะนี้ทางวัดกำลังจะมีการจัดห้องนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งทาง วธ. พร้อมจะให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลอย่างเต็มที่ และจะมอบให้กรมการศาสนามาประสานกับทางวัดจัดสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมเพื่อให้ความรู้อบรมธรรมมะแก่นักเรียน ประชาชน ผู้สนใจ
ส่วนพระตำหนักที่ทางวัดจัดสร้างไว้รับเสด็จและเป็นที่ประทับ เมื่อพระองค์ท่านสิ้นพระชนม์คงจะไม่ได้ใช้งาน ทางวัดจึงได้ปรับประยุกต์เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับพระองค์เพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว
ด้าน พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณแก่วัดเป็นอย่างมาก นอกจากจะรับไว้ในอุปถัมภ์แล้ว ยังทรงสนับสนุนกิจกรรมทางวัดเรื่อยมา อาทิ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2550 เป็นวันประสูติของพระองค์ ครบ 7 รอบ 84 ปี ได้รับพระเมตตาให้จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ 85 รูป สามเณร 11 รูป รวม 96 รูป วันที่ 6-11 พ.ค. 2550 ได้อาราธนาพระสงฆ์ สามเณรเปรียญธรรมรวม 85 รูปจากวัดต่างๆ มาสาธยายพระไตรปิฎก ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย. 2550 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับวัด เป็นวัดในพระองค์ฯและทรงรับเป็นองค์ประธานงานก่อสร้างเจดีย์พุทธคยา
ที่สำคัญคือ ได้พระราชทานพระอนุญาตให้ตั้งศูนย์เด็กเล็กในบริเวณหน้าวัดมีชื่อว่า " ศูนย์เด็กเล็กราชนครินทร์" รวมทั้งพระราชทานคำว่า " ราชนครินทร์" ไว้ใช้ในกิจกรรมที่สมควร กับอาคารอื่นๆในวัดอีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาอย่างหาที่สุดมิได้
วัดไทยในสวิสจัดงานถวายพระกุศล
สำหรับบรรยากาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ยังคงมีประชาชนเดินทางมาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างต่อเนื่องโดย มีคณะบุคคลสำคัญต่างๆ ร่วมเข้าสักการะพระศพพร้อมนำพวงมาลามาถวายเป็นจำนวนมาก
โดยในเวลา 13.30 น. ผศ.ดร.โกนิฏฐ์ ศรีทอง ในฐานะตัวแทนพระเทพกิตติโมลี เจ้าอาวาสวัดศรีนครินทรวราราม ซึ่งเป็นวัดไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางพร้อมคณะจากประเทศสวิส เพื่อเข้าสักการะพระศพ และถวายพวงมาลา ทั้งยังเป็นตัวแทนเจ้าอาวาสวัดฯยื่นหนังสือขอร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระกุศลถวายพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อสำนักพระราชวัง
วัดศรีนครินทรวราราม ถือเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ทรา บรมราชชนนี และเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทร์สิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มีพระกรุณาธิคุณทรงรับในพระอุปถัมภ์เรื่อยมา และเพื่อน้อมรำลึกถึงพระเมตตา ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างสุดซึ้ง คณะกรรมสมาคมวัดไทย และ คณะกรรมการมูลนิธิสมเด็จย่าฯ ได้บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายเป็นพระกุศลแด่พระองค์ท่านเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่ วันที่ 2-8 ม.ค.ที่ผ่านมา และจะบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ ในวันที่ 13 เมษายน ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามลำดับด้วย
