xs
xsm
sm
md
lg

เสด็จฯ พิธีปัณรสมวารมุสลิมร่วมถวายอาลัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ บำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขณะที่สุลต่านแห่งรัฐกลันตัน ส่งสาสน์ถวายความอาลัย ด้านพี่น้องมุสลิมจาก 38 จังหวัดทั่วประเทศเดินทางมาถวายสักการะพระศพ กรมศิลปากรขอดอกไม้จากดอยตุงประดับในพระราชพิธีฯ พร้อมเปิดตัวสัตว์หิมพานต์ทวิบาทประดับเชิงบันไดพระเมรุ เว็บไซต์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เปิดเข้าชมได้แล้ว

วานนี้ ( 16 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันครบ 15 วัน แห่งการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เวลา 17.18 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่องหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร หรือ ทักษิณานุประทาน 15 วัน พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พสกนิกรบางส่วนที่ยังไม่ได้เข้าถวายสักการะพระศพ ได้เข้าไปถวายสักการะพระศพ

ช่วงเช้า พล.ร.ต. ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์ เดินทางมาเป็นประธานถวายภัตตาหารเช้า พระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเช้า พระสงฆ์จำนวน 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร และวัดราชสิทธาราม ในงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

ขณะที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตั้งแต่เวลา เวลา 07.40 น.ทว่ามีประชาชนเดินทางมารอเข้าถวายสักการะพระศพ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยส่วนใหญ่ให้เหตุว่า ต้องการมาจับจองพื้นที่เพื่อรอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประกอบไปด้วย คณะครูและนักเรียนจากหลายโรงเรียน เช่น โรงเรียนพิชญศึกษา จ.นนทบุรี, โรงเรียนศรีสังวาลย์ จ.ขอนแก่น,โรงเรียนท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช,โรงเรียนสารคามพิทยา จ.มหาสารคาม

และประชาชนจากจังหวัด สงขลา ศรีสะเกษ ชุมพร สุรินทร์ และสุราษฎร์ธานี ,คุณหญิงอัมพร มีศุข ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมคณะ,นายวิสิทธิ์ ธนะคำ ประธานมูลนิธิศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ที่นำคณะผู้บริหารจากเครือข่ายมูลนิธิจากประเทศสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียมาถวายสักการะพระศพ,ตลอดจนคณะข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ ข้าราชการสำนักงานการวัฒนธรรมแห่งชาติ, คณะเจ้าหน้าที่ คณะข้าราชการ ศาลจังหวัดนครปฐม,คณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิสมาคมสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก

ทั้งนี้มีคณะบุคคลขอเข้าร่วมฟังพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทั้งหมด 8 คณะ ได้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์,คณะกงสุลกิตติมศักดิ์แห่งประเทศไทย,สำนักงานศาลยุติธรรม,สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล,ชมรม – สภาลูกเสือชาวบ้านกรุงเทพมหานคร และ มูลนิธิวังขนาย

โดยวานนี้ยอดของผู้เข้าลงนามถวายสักการะพระศพ ณ เวลา 15.15 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 16,135 คน พวงมาลา 46 พวง

ผู้นำอิสลาม ถวายความอาลัย

วานนี้ (16 ม.ค.) เวลา 10.45 น.สุลต่าน ตวนกู อิสมาแอล ปุตรา อิยนิ อัลมัรฮูม สุลต่านยะห์ยา ปุตรา และเต็งกู อานีส ปินติ เต็งกู อับดุล ฮามีด พระชายาแห่งรัฐกลันตัน สหพันธรัฐมาเลเซีย ได้มอบหมายให้ ดาโต๊ะ อิหม่าม พัฒนา หลังปูเต๊ะ เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญพวงมาลา มาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พร้อมส่งสาส์นมาถวายความอาลัยความว่า “ขอแสดงซึ่งความโศกเศร้าอาดูรอย่างสุดซึ้ง ในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์”

และจากนั้นเวลา 13.00 น.สำนักจุฬาราชมนตรี นำคณะผู้แทนพสกนิกรชาวไทยมุสลิม จากสถาบันและองค์กรศาสนาอิสลาม จำนวน 229 คน ประกอบด้วย ผู้แทนจุฬาราชมนตรี, คณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี, คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด, ผู้นำองค์กรศาสนาอิสลาม และสมาคมส่งเสริมวิชาชีพพยาบาล ศอ.บต. เข้าถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ 

ศ.ดร.อิมรอน มะลูลีม สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร และประธานมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “เราทุกคนรู้สึกมีความผูกพันกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเศร้าใจกับการสูญเสียครั้งนี้ ในนามตัวแทนชาวมุสลิมทุกคนขอร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก คุณความดีที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงทำไว้ อยู่ในใจพวกเราทุกคน ขอให้พระองค์ท่านจงเสด็จสู่สวรรคาลัย”

ทั้งนี้ ศ.ดร.อิมรอน ได้ขอวิงวอนต่อพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศ ร่วมถวายความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ สถานที่ราชการทุกแห่ง

ศรราม (ฮากีม) อับดุลลากาซิม เจ้าหน้าที่ประสานองค์กรสำนักจุฬาราชมนตรี, เลขานุการผู้ช่วยจุฬาราชมนตรี, รองประธานศูนย์จริยธรรม มัสยิดอัลยามีอะห์ กล่าวภายหลังถวายสักการะพระศพว่า

ในความรู้สึกของชาวมุสลิม รู้สึกเสียใจและเสียดายต่อความรู้ ความสามารถ และพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม และศาสนาอื่นๆ นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ในนามของพี่ – น้องมุสลิมจะรำลึกถึงคุณความดีของพระองค์ ซึ่งพระกรุณาธิคุณและคุณความดีจะเป็นที่จดจำของชาวมุสลิมชั่วนิรันดร์กาล

เชื่อทุกศาสนาสามัคคี

ด้าน นายพิสิฐ เจริญสุข ผู้อำนวยการกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นผู้นำพี่น้องมุสลิมจาก 38 จังหวัดทั่วประเทศเดินทางมาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระพี่นางฯ เดินทางมาถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวว่า สมเด็จพระพี่นางฯ ทรงเป็นที่เคารพรักของชาวไทยทุกคน โดยไม่แบ่งแยกศาสนา ไม่ว่าศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์ ฮินดู และซิกข์ ล้วนอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯอันเป็นที่เคารพรักของทุกคนสิ้นพระชนม์ จึงทำให้ทุกคนรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง ในนามของกรมศาสนาที่ทำหน้าที่ดูแลทุกศาสนา จะขอทำหน้าที่สานต่อและเชื่อมโยงทุกศาสนาให้มีความเข้าใจและเคารพในกันและกัน ด้วยเชื่อว่า ศาสนิกชนไม่ว่าศาสนาใดล้วนเคารพและจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯด้วยกันทั้งนั้น

ณ วันนี้ตนเชื่อว่า ความรู้สึกของทุกคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เห็นได้จากแต่ละศาสนาหลักได้ร่วมถวายความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทำให้ตระหนักว่าคนไทยเราอาจดูเหมือนไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกันในบางเวลา แต่วันนี้ทุกศาสนาล้วนสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อแสดงความเคารพ จงรักภักดี และสำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ

ทรงโปรดสเต็กเนื้อลือ

ภายหลังจากการเข้าถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มล.เนื่อง นิลรัตน์ วัย 96 ปี อดีตข้าราชบริพารของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยะมหาราช ปดิวรัดดา และเจ้าของงานเขียน “ชีวิตในวัง” ตลอดจนตำราอาหารหลายเล่ม ที่เดินทางมายัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมกับคณะราชองครักษ์ กล่าวว่า

ตนเคยมีโอกาสตั้งเครื่องเสวยให้กับเจ้านายหลายพระองค์ รวมทั้ง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทุกครั้งที่มีผู้นำเครื่องเสวยไปถวาย พระองค์ท่านจะรับสั่งว่า อาหารอร่อยทุกอย่าง ซึ่งอาหารที่ทรงโปรดที่สุดคือ สะเต๊ะเนื้อลือ นอกจากนี้ยังได้รับสั่งว่าอยากจะพบตัวจริง มล.เนื่องสักครั้ง ทำอย่างอย่างไรจึงจะได้พบ

ล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2549 ตนได้นำตำรากับข้าวในวังถวายให้พระองค์ท่านเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ และขณะประชวรตนได้ไปลงนามถวายพระพรแด่พระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราช รู้สึกใจหายกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน วันนี้ตนได้ตั้งจิตอธิฐานให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย สุขาวดี และเสวยเครื่องทิพย์ทุกอย่าง

มล.เนื่องกล่าวต่อไปว่า ตลอดมาพระองค์ท่าน ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่เอาพระทัยใส่พระเชษฐาทั้งสองพระองค์เป็นอย่างดีและทรงมีพระทัยที่โอบอ้อมอารี ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสจัดเครื่องเสวยถวายพระองค์ท่าน แม้จะไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ก็ได้นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากวังสวนสุนันทามาทำเครื่องเสวยถวายพระองค์ท่าน

แพทย์รางวัลเจ้าฟ้าฯถวายสักการะ

นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ กงสุลใหญ่ไทยประจำนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า ศาสตราจารย์ บาเรีย บาเยียร์ ผู้สำเร็จราชการของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้เดินทางมาถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ สถานกงสุลไทยประจำนครซิดนีย์

โดยเมื่อปี 2546 ศาสตาจารย์บาเยียร์ เคยได้รับพระราชทานรางวัลเจ้าฟ้าสุขภาพจิตนานาชาติ (Mental Health Princess Award) เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญการแพทย์ด้านสุขภาพจิต ซึ่งเป็นรางวัลที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประทานให้กับผู้ที่มีผลงานด้านสุขภาพจิตดีเด่นในระดับนานาชาติ

กงสุลใหญ่ไทยประจำนครซิดนีย์ กล่าวด้วยว่า ศ.บาเยียร์ มีความเคารพ ศรัทธาในพระกรณียกิจด้านการแพทย์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นอย่างมาก และสำหรับชาวไทยในออสเตรเลียทุกคนต่างโศกเศร้า และส่วนใหญ่ตั้งใจสวมเสื้อสีขาว-ดำ เพื่อไว้ทุกข์ เป็นเวลา 100 วัน ขณะที่สถานกงสุลได้จัดโต๊ะเพื่อลงนามถวายอาลัย ตั้งแต่วันที่ 2-18 มกราคม พ.ศ. 2551

ตั้งคณะทำงาน 13 ชุดเดินงานพระเมรุ

นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร แถลงความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า กรมศิลปากรได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ประกอบด้วย คณะทำงานฝ่ายก่อสร้างพระเมรุมาศ อาคาร และสิ่งประกอบพระเมรุมาศ ราชรถ พระยานมาศ โดยมี นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานที่ปรึกษา, นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, นายอารักษ์สังหิตกุล หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงวัฒนธรรม อดีตอธิบดีกรมศิลปากร และนายจำลอง สมวงศ์ เป็นที่ปรึกษา,น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ผู้อำนวยการ ผู้เชี่ยวชาญ จากสำนักต่างๆ รวม 15 คน นอกจากนั้น ได้แบ่งกลุ่มการปฏิบัติงานออกเป็น 13 กลุ่มย่อยด้วยกัน

เปิดเว็บไซต์เฉลิมพระเกียรติ

นายเกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ กรมศิลปากร ยังได้จัดทำข้อมูลองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในครั้งนี้ เช่น เรื่อง การประโคมย่ำยาม รวมถึงนำพระประวัติ พระกรณียกิจ พระอัจฉริยภาพ พระเกียรติคุณ พระกรุณาธิคุณ พระกรณียกิจสถิตศิลปากร ด้านประวัติศาสตร์ อักษรศาสตร์ วิชาการ จดหมายเหตุ และบรรณารักษศาสตร์ ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ด้านสถาปัตยกรรม สังคีตศิลป์ และหัตถศิลป์ โดยนำข้อมูลและภาพถ่ายที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสด็จฯเยี่ยมสถานที่ต่างๆ และทรงทอดพระเนตรโบราณสถาน ตั้งแต่ ปี 2515 รวมถึงเส้นทางเสด็จฯ และจะนำสมุดลงพระนามเยี่ยมชมมาลงแสดงไว้ในเว็บไซต์กรมศิลปากร www.finearts.go.th เพื่อให้ผู้ที่สนใจ รวมถึงสื่อมวลชนสามารถเข้ามาศึกษาข้อมูล พร้อมทั้งดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ไปเผยแพร่ได้ นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมการแถลงความคืบหน้าต่างๆ ในการดำเนินงานของกรมศิลปากรในแต่ละครั้ง มาเก็บไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย

สัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุ

นายเกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ น.อ. อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานจัดสร้างพระเมรุ ได้มอบหมายให้สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ปั้นสัตว์ป่าหิมพานต์ ประดับบริเวณ บันไดทางขึ้น พระเมรุ ทั้ง 3 ด้าน แล้ว โดยได้คัดเลือกสัตว์หิมพานต์ อาทิ กินนร นกทันทิมา คชสีห์ ไกรษรราชสีห์ ทั้งนี้ จำนวน และรูปแบบของสัตว์หิมพานต์ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ น.อ. อาวุธ และผู้ออกแบบ ว่าจะใช้จำนวนเท่าใด และรูปแบบใด ซึ่งต้องให้เวลาคณะช่าง ในการออกแบบอีกระยะหนึ่ง

ด้าน นายธนะชัย สุวรรณวัฒนะ ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ เปิดเผยว่า น.อ.อาวุธ ได้แจ้งว่าสัตว์หิมพานต์ 3 คู่ที่จะประดับอยู่หน้าบันไดทางขึ้นพระเมรุจะเป็นสัตว์หิมพานต์ประเภททวิบาท คือสัตว์ 2 เท้า เช่น นกกันทิมา กินนร กินรี นรนารี เป็นต้น ส่วนสัตว์ที่จะใช้ประดับในสวนรอบๆ พระเมรุจะเป็นสัตว์หิมพานต์ประเภทจตุบาท คือสัตว์ 4 เท้า เช่น ม้าลี่ คชวารี นรสิงห์ โดยสัตว์หิมพานต์ที่ใช้ประดับทางขึ้นบันไดนั้น หากเลือกสัตว์ชนิดใดก็จะต้องประดับด้วยกันเป็นคู่ โดยแต่ละตัวช่างฝีมือจะปั้นแตกต่างกัน

ดอกไม้ดอยตุงประดับพระเมรุ

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ โดยประสานกรุงเทพมหานครขอใช้พื้นที่สนามหลวงฝั่งทิศใต้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในการขออนุญาตขอไม้จันทน์หอมในการจัดสร้างพระโกศจันทน์ โดย น.อ.อาวุธ ได้กำหนดไว้ว่า ต้องการขนาดไม้เมื่อตัดเป็นแผ่นแล้วมีหน้ากว้าง 4 นิ้ว แต่ไม่จำกัดความยาว

นอกจากนี้ได้มีภาคเอกชนประสานมายัง น.อ.อาวุธ แจ้งว่ามีไม้จันทน์หอมอยู่ในครอบครอง และจะขอส่งตัวอย่างไม้จันทร์หอมมาให้พิจารณาว่าสามารถใช้ทำพระโกศได้หรือไม่ ที่สำคัญได้ทำหนังสือถึงมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อจัดส่งดอกไม้จากดอยตุง มาใช้สำหรับประดับตกแต่งในงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ

ครม.อนุมัติ 22.5 ล.สร้างสถาบันดนตรี

ด้าน คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณ จำนวน 22.5 ล้านบาท เพื่อทำการออกแบบและปรับปรุงอาคารบริเวณสะพานพระราม 8 จัดตั้งสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ตามที่วธ.เสนอ จากนี้ วธ.และมหาวิทยาลัยศิลปากรจะดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวรองรับการเป็นสถาบันดนตรีของประเทศให้ดีที่สุด เพื่อสานต่อพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ทรงประทานนามของพระองค์ให้เป็นชื่อของสถาบันด้วย ส่วนการก่อสร้างด้านอื่นๆ อาทิ หอพัก อาคารเรียน คาดว่าจะต้องใช้อีกประมาณ 800 ล้านบาท ทาง วธ.จะเสนอขอแบบงบประมาณผูกพันดำเนินการก่อสร้างเป็นช่วงๆ คาดว่าใช้ระยะเวลา 3-5 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น