ผู้จัดการรายวัน – เบียร์ช้าง ปรับแผนลุยตลาดต่างประเทศ ผุดอินเตอร์เบฟฯ ทะลวงช่องทางจำหน่ายแทนระบบเอเยนต์ อัดฉีด 520 ล้านบาท ต่อสัญญาผู้สนับสนุนเอฟเวอร์ตัน 3 ปี หวังเป็นสะพานสร้างแบรนด์ต่อ หลังเบียร์ช้างติดลมบนเบียดพื้นที่เบียร์สิงห์ในร้านอาหารไทย ชี้เศรษฐกิจลูกผีลูกคนคาดเดายาก กำลังซื้อวูบ ผู้ประกอบการต้องปรับแผนตลอดเวลา
นายสมชัย สุทธิกุลพาณิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง เปิดเผยว่า นโยบายการทำตลาดในต่างประเทศบริษัทฯจะดำเนินการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ผ่านทางจัดตั้งบริษัทลูกในเครืออย่างอินเตอร์เบฟ ด้วยกัน 3 โซนหลัก ได้แก่ ยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยจะมีพนักงานในพื้นที่ติดต่อประสานงานกับคู่ค้า อาทิ ร้านค้า ร้านอาหารไทย ห้างสรรพสินค้า หรือช่องทางจำหน่ายในรูปแบบอื่นๆ จากก่อนหน้านี้บริษัทฯจะใช้ระบบเอเยนต์หรือตัวแทนจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงได้ยกเลิกระบบดังกล่าวไปในที่สุด
ทั้งนี้หลังจากจัดตั้งอินเตอร์เบฟขยายตลาดต่างประเทศได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจากการสร้างแบรนด์ของเบียร์ช้างผ่านการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตันอย่างต่อเนื่อง 4 ปี ทำให้การรับรู้แบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองลิเวอร์พูลเบียร์ช้างสามารถแทรกเข้าไปขายในร้านอาหารไทยคู่กับเบียร์สิงห์ได้มากขึ้นจากเดิมร้านอาหารมักจะมีเบียร์เพียงแค่ยี่ห้อเดียว นอกจากนี้ยังสามารถจำหน่ายที่ เทสโก้ โลตัส เป็นต้น แต่เมื่อเทียบกับยอดขายเบียร์ช้างแล้วยังไม่สูงเท่ากับเบียร์สิงห์ เพราะมีการทำตลาดมาร่วม 10 ปี
อีกทั้งการสร้างแบรนด์ผ่านการสนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอล ยังมีผลต่อการขยายประเทศอื่นๆ อย่างออสเตรเลียมีผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ติดต่อให้นำเบียร์ช้างไปจำหน่ายเมื่อปีที่ผ่านมา เพราะคนออสเตรเลียนิยมกีฬาฟุตบอลและคลั่งไคล้นักฟุตบอล “เคฮิลล์” ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินเป้าหมาย นอกจากนี้ในปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯยังเข้าไปเปิดตลาดในประเทศนิวซีแลนด์และมียอดขายที่เพิ่มขึ้น จึงสะท้อนว่าการสร้างแบรนด์ผ่านการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ทำให้เบียร์ช้างกลายเป็นแบรนด์ที่คนรู้จักและทางช่องทางจำหน่ายให้เครดิตดีขึ้น
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 520 ล้านบาท หรือ 8 ล้านปอนด์ต่อสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรเอฟเวอร์ตันเป็นปีที่ 3 เป็นระยะเวลาอีก 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2551-2553 ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์เบียร์ช้างอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมฟุตบอลช้าง-เอฟเวอร์ตัน ขึ้นที่ สนามฟุตบอลไทยเบฟ หรือสนามมีสุวรรณ โดยขณะนี้มีเยาวชนอายุ 6-18 ปี สมัครในโครงการ 500 คน อีกทั้งทางสโมสรยังได้ส่งทีมโค้ชและผู้ฝึกสอนในทุกศาสตร์ของฟุตบอลมาที่ศูนย์และมีโปรแกรมฝึกซ้อมโค้ชฟุตบอลชาวไทย
“การเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอล เป็นสะพานในการสร้างแบรนด์ที่ดี ซึ่งอย่างคาร์ลสเบิร์กใช้กลยุทธ์ดังกล่าวในการสร้างแบรนด์ร่วม 10 ปี จึงทำให้คาร์ลสเบิร์กกลายเป็นเบียร์ที่รู้จักในประเทศอังกฤษและทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว”
นายสมชัย กล่าวว่า แผนการทำตลาดในประเทศ บริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาดในรูปแบบอะโบฟเดอะไลน์หรือผ่านการใช้สื่อโฆษณา 200 ล้านบาท ส่วนแผนการทำบีโลว์เดอะไลน์หรือการจัดกิจกรรมขณะนี้ชะลอไปก่อน เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการจัดกิจกรรมการตลาดเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามจากสภาพตลาดที่ไม่ค่อยดีมากนัก อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจยังไม่รู้ว่าจะเป็นลูกผีหรือลูกคน ทำให้คาดเดาแนวโน้มของตลาดได้ยาก นอกจากนี้กำลังการซื้อของผู้บริโภคยังไม่ดี สินค้าต่างๆมีราคาที่สูงขึ้น การทำตลาดต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ ส่วนตลาดเบียร์มูลค่า 1 แสนล้านบาท ในปีนี้คาดว่าเติบโต 5-8% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
**เอเยนต์หัวใสเริ่มสต็อกเบียร์**
นายสมชัย กล่าวว่า หลังจากภาครัฐปรับโครงสร้างภาษีเบียร์เพิ่มขึ้น ล่าสุดมีแนวโน้มว่าเอเยนต์เริ่มมีการสั่งปริมาณเบียร์เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใกล้ถึงช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายสินค้าในช่วงสงกรานต์ ซึ่งปกติยอดการสั่งสินค้าเพิ่ม 5-10% ส่วนด้านแผนการขึ้นราคาเบียร์ในเครือบริษัท ขณะนี้ยังไม่ได้มีแนวทางสรุปที่ชัดเจน
นายสมชัย สุทธิกุลพาณิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง เปิดเผยว่า นโยบายการทำตลาดในต่างประเทศบริษัทฯจะดำเนินการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น ผ่านทางจัดตั้งบริษัทลูกในเครืออย่างอินเตอร์เบฟ ด้วยกัน 3 โซนหลัก ได้แก่ ยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยจะมีพนักงานในพื้นที่ติดต่อประสานงานกับคู่ค้า อาทิ ร้านค้า ร้านอาหารไทย ห้างสรรพสินค้า หรือช่องทางจำหน่ายในรูปแบบอื่นๆ จากก่อนหน้านี้บริษัทฯจะใช้ระบบเอเยนต์หรือตัวแทนจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงได้ยกเลิกระบบดังกล่าวไปในที่สุด
ทั้งนี้หลังจากจัดตั้งอินเตอร์เบฟขยายตลาดต่างประเทศได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจากการสร้างแบรนด์ของเบียร์ช้างผ่านการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตันอย่างต่อเนื่อง 4 ปี ทำให้การรับรู้แบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองลิเวอร์พูลเบียร์ช้างสามารถแทรกเข้าไปขายในร้านอาหารไทยคู่กับเบียร์สิงห์ได้มากขึ้นจากเดิมร้านอาหารมักจะมีเบียร์เพียงแค่ยี่ห้อเดียว นอกจากนี้ยังสามารถจำหน่ายที่ เทสโก้ โลตัส เป็นต้น แต่เมื่อเทียบกับยอดขายเบียร์ช้างแล้วยังไม่สูงเท่ากับเบียร์สิงห์ เพราะมีการทำตลาดมาร่วม 10 ปี
อีกทั้งการสร้างแบรนด์ผ่านการสนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอล ยังมีผลต่อการขยายประเทศอื่นๆ อย่างออสเตรเลียมีผู้บริหารห้างสรรพสินค้า ติดต่อให้นำเบียร์ช้างไปจำหน่ายเมื่อปีที่ผ่านมา เพราะคนออสเตรเลียนิยมกีฬาฟุตบอลและคลั่งไคล้นักฟุตบอล “เคฮิลล์” ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินเป้าหมาย นอกจากนี้ในปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯยังเข้าไปเปิดตลาดในประเทศนิวซีแลนด์และมียอดขายที่เพิ่มขึ้น จึงสะท้อนว่าการสร้างแบรนด์ผ่านการเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ทำให้เบียร์ช้างกลายเป็นแบรนด์ที่คนรู้จักและทางช่องทางจำหน่ายให้เครดิตดีขึ้น
ล่าสุดได้ทุ่มงบ 520 ล้านบาท หรือ 8 ล้านปอนด์ต่อสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรเอฟเวอร์ตันเป็นปีที่ 3 เป็นระยะเวลาอีก 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2551-2553 ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์เบียร์ช้างอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมฟุตบอลช้าง-เอฟเวอร์ตัน ขึ้นที่ สนามฟุตบอลไทยเบฟ หรือสนามมีสุวรรณ โดยขณะนี้มีเยาวชนอายุ 6-18 ปี สมัครในโครงการ 500 คน อีกทั้งทางสโมสรยังได้ส่งทีมโค้ชและผู้ฝึกสอนในทุกศาสตร์ของฟุตบอลมาที่ศูนย์และมีโปรแกรมฝึกซ้อมโค้ชฟุตบอลชาวไทย
“การเป็นผู้สนับสนุนเสื้อทีมฟุตบอล เป็นสะพานในการสร้างแบรนด์ที่ดี ซึ่งอย่างคาร์ลสเบิร์กใช้กลยุทธ์ดังกล่าวในการสร้างแบรนด์ร่วม 10 ปี จึงทำให้คาร์ลสเบิร์กกลายเป็นเบียร์ที่รู้จักในประเทศอังกฤษและทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว”
นายสมชัย กล่าวว่า แผนการทำตลาดในประเทศ บริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาดในรูปแบบอะโบฟเดอะไลน์หรือผ่านการใช้สื่อโฆษณา 200 ล้านบาท ส่วนแผนการทำบีโลว์เดอะไลน์หรือการจัดกิจกรรมขณะนี้ชะลอไปก่อน เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการจัดกิจกรรมการตลาดเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามจากสภาพตลาดที่ไม่ค่อยดีมากนัก อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจยังไม่รู้ว่าจะเป็นลูกผีหรือลูกคน ทำให้คาดเดาแนวโน้มของตลาดได้ยาก นอกจากนี้กำลังการซื้อของผู้บริโภคยังไม่ดี สินค้าต่างๆมีราคาที่สูงขึ้น การทำตลาดต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ ส่วนตลาดเบียร์มูลค่า 1 แสนล้านบาท ในปีนี้คาดว่าเติบโต 5-8% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
**เอเยนต์หัวใสเริ่มสต็อกเบียร์**
นายสมชัย กล่าวว่า หลังจากภาครัฐปรับโครงสร้างภาษีเบียร์เพิ่มขึ้น ล่าสุดมีแนวโน้มว่าเอเยนต์เริ่มมีการสั่งปริมาณเบียร์เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใกล้ถึงช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายสินค้าในช่วงสงกรานต์ ซึ่งปกติยอดการสั่งสินค้าเพิ่ม 5-10% ส่วนด้านแผนการขึ้นราคาเบียร์ในเครือบริษัท ขณะนี้ยังไม่ได้มีแนวทางสรุปที่ชัดเจน