xs
xsm
sm
md
lg

สุรยุทธอ้างแก้ปัญหาใต้ไม่คืบเหตุกฎหมายศอ.บต.ตกน้ำหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึง สถานการณ์ภาคใต้ว่า ปัญหาภาคใต้ยังน่าเป็นห่วงอีกเยอะ เพราะยังไม่เดินหน้าไปเท่าที่ควร พ.ร.บ.ศอ.บต.ก็เงียบหาย ไม่รู้ไปตกน้ำป๋อมแป๋มอยู่ที่ไหน และแม้แต่คดีของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความ ก็ไปไม่ถึงไหน ติดตรงที่ไม่มีหลักฐานเพียงแค่คาดเดาหาอะไรไม่ได้เลย กระทั่งชิ้นส่วนของศพก็ไม่พบ มีแต่ผู้ต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้สั่งการเป็นคนในเครื่องแบบใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า อย่าให้พูดไปเลยเดี๋ยวก็เป็นเรื่องกันอีก อย่างว่าเมื่อ ข้าราชการเข้ามา เกี่ยวข้องมันก็ลำบาก เป็นเจ้าพนักงานเขารู้วิธีการว่าเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีคงไม่เข้าไปล้วงลูก
นายกรัฐมนตรีระบุว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้ทหารและพลเรือน ต้องทำงานควบคู่กัน ซึ่งหากรัฐบาลใหม่เข้ามาปรับเปลี่ยนนโยบายก็เป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
เมื่อก่อนก็เคยล่าสัตว์ พอมาทำงานเป็นทหารก็ทำงานในพื้นที่ พอๆ กัน ไม่มีใครมีโอกาสที่ได้เปรียบเสียเปรียบ เราก็รู้ว่าบางทีผู้ที่ถูกล่าก็กลับกันได้ จึงรู้แล้วว่า สัตว์ที่ถูกล่าเป็นยังไง เรามีอาวุธ มีวิธีการ สัตว์ก็นึกไม่ถึง แต่กับคนที่มียุทธวิธี เท่าเทียมกันไม่มีใครที่มีโอกาสพลาดได้ตลอดเวลา โอกาสพลาดมันมี ทำอย่างไรที่จะระมัดระวัง ถ้าเราทำงานเหมือนเดิม มัวนั่งยิงสัตว์ แต่อย่านึกว่าเราล่าเขาอย่างเดียว ต้องคิดถึงวิธีการใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจึงไม่สั่งการในข้อกังวลดังกล่าว พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่อยากพูดในรายละเอียดเดี๋ยวเขาจะให้ลงไปทำเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00น.วันวานนี้ (20 ม.ค.) พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ทพ.45 , พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 และ พ.ต.ต.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง ผบ.ร้อย นปพ.ภ.จ.นราธิวาส ที่ 2 ได้ร่วมสนธิกำลังประมาณ 100 นาย ใช้กฎอัยการศึกเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นแบบปูพรมพื้นที่ต้องสงสัยจำนวน 4 เป้าหมายที่บ้านโต๊ะเด็ง ม.1 และบ้านโผลง ม.5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี เพื่อติดตาม ค้นหากลุ่มก่อความไม่สงบ ภายหลังสืบทราบว่าแฝงตัวเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ จำนวน 3 คนคือ 1.นายอับดุลเลาะ มูซอ อยู่บ้านเลขที่ 84/1 ม.5 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดบ้านไอปายง 2.นายพิเชษฐ์ เจ๊ะดาโอ๊ะ อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และ 3.นายอัสฮารี มาหามะ อยู่บ้านเลขที่ 167/1 ม.1 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
พร้อมของกลางที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านพักจำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย 1.เอกสารปลุกระดมพร้อมรายชื่อแกนนำกลุ่มแนวร่วม จำนวน 10 แผ่น , 2.น้ำมันชโลมปืน จำนวน 1 กระป๋อง , 3.กริช จำนวน 1 ด้าม , 4.มีดสปาตา 2 เล่ม และ 5.กระสุนปืนขนาด 11 มม.2 นัด
โดยเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนพร้อมของกลางไปสอบสวน ขยายผลที่ฐานปฏิบัติการณ์ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 31 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดทหารเสียชีวิต 8 นาย เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางจังหวัดได้เพิ่มกำลังประจำชุมชน ประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อส.เข้าไปประจำในพื้นที่หมู่บ้าน ที่คาดว่าจะมีกลุ่มแนวร่วมแฝงตัวอยู่ และมีการเคลื่อนไหว
กำลังที่เราส่งไปจะเป็นการเข้าไปเสริม เพราะในแต่ละพื้นที่ๆมีปัญหา หรือ พื้นที่สีแดงก็จะมีทหารอยู่แล้ว โดยจะทำหน้าที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้านและการป้องกันไปไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวได้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวก็มมีไม่มากคาดว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
สำหรับความร่วมมือของชาวบ้านในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ นายการัณย์ กล่าวว่า ประชาชนยังให้ความร่วมมือกับทางราชการมากขึ้น สังเกตุจากการจับกุมกลุ่ม ผู้ต้องสงสัยได้กว่า 10 คน ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ให้กับเจ้าหน้าที่ และหลังจากที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ทางจังหวัดก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าไปพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ๆคิดว่ามีฝ่ายตรงข้ามแฝงตัวอยู่ เพื่อกดดันและให้ไม่ให้ออกมาก่อเหตุได้ ส่วนมาตรการปิดล้อม ตรวจค้น ของเจ้าหน้าที่ก็ยังทำปกติ โดยทางทหารจะเป็นผู้ดำเนินการ และจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมแกนนำ และแนวร่วมได้เป็นจำนวนมาก จากการปิดล้อม ตรวจค้นในแต่ละครั้ง ก็ยอมรับว่าก็ยังมีแนวร่วมที่เป็นกลุ่มใหม่ ที่ได้รับการถ่ายทอดการก่อเหตุ ก็ยังมีอยู่ จึงทำให้ยังสามารถก่อเหตุได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าจากกรณีที่นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ร่วมกันแถลงถึงเหตุการณ์ ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุในตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มอัล-ไกดาของประเทศอัฟกานิสถานนั้น
ล่าสุด พล.ต.จำลอง คุณสงค์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 และ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว มีส่วนที่สามารถเชื่อมโยงกันได้จริง แต่ไม่ใช่ลักษณะการเชื่อมโยงเครือข่ายในการส่งตัวบุคคลมาทำการฝึกฝนให้กับกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเพียง แต่การได้รับอิทธิพลจากกระแสการก่อการร้ายสากลหรือการก่อการร้ายระดับโลก โดยเฉพาะกลุ่มอัล-ไกดา
ทั้งนี้จากข้อมูลการข่าวล่าสุด พบว่ากลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นที่ต้องการเข้าร่วม ขบวนการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างนิยมเรียนรู้ยุทธวิธี การต่อสู้และการรบโดยเลียนแบบกลุ่มดังกล่าวผ่านทางสื่อไอทีต่างๆ โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตที่สามารถเข้าไปเรียนรู้โดยอิสระ ซึ่งมีทั้งข้อมูลและภาพประกอบที่เยาวชนสามารถเรียนแบบได้
ยอมรับว่า รูปแบบและยุทธวิธีการรบของแนวร่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้พัฒนาไปมาก โดยเฉพาะการพยายามเรียนแบบยุทธวิธีการ ต่อสู้การปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มขบวนการก่อการร้ายระดับสากล หรืออัล-ไกดา ที่มีแพร่หลายตามสื่ออินเตอร์เน็ต จึงส่งผลให้เยาวชนในพื้นที่ดังกล่าว สามารถเข้าไปค้นข้อมูลและฝึกตามได้ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นอยากจะฝากให้ผู้ปกครองได้ร่วมกันดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการตกเป็นทาส ของสื่อไอทีตลอดจนการตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรงแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มหนึ่งที่ทางการเชื่อว่าอาจจะมีส่วน ที่เข้าไปเชื่อมโนงกับกลุ่มก่อการร้ายสากล คือกลุ่มเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ที่เดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศทั้งแถบประเทศตะวันออกกลาง และประเทศเพื่อนบ้าน โดยเบื้องต้นจะได้มีการเตรียมประสานงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ในการติดตามหาข้อมูลและตรวจสอบพฤติกรรมกลุ่มเยาวชนดังกล่าว จำนวนนับพันคน ทั้งนี้ เชื่อว่าอาจจะมีกลุ่มเยาวชนบางส่วนที่หลงผิดเข้าไปเป็นเครื่องมือ การก่อความไม่สงบ
นายอับดุลอาซิซ ตาเดร์อิน อุปนายกหัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชน สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.) เปิดเผยว่า กระแสความนิยมในการเรียนรู้ ยุทธวิธีการรบระดับสากลผ่านทางอินเตอร์เน็ตของเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากสถานศึกษาส่วนใหญ่ มีการสอนการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น ซึ่งเยาวชนอาจจะนำความรู้ในขั้นพื้นฐานเข้าไป ศึกษาค้นคว้าข้อมูลดังกล่าวประกอบกับการถูกปลุกระดมของฝ่ายตรงข้าม อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการในการควบคุม เว็ปไซด์ต่างๆ ที่กลุ่มแนวร่วมใช้เป็นสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนยุทธวิธี การก่อเหตุรุนแรง ที่สำคัญอยากให้ผู้ปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกลุ่ม ที่มีบุตรหลานช่วงวัยรุ่นให้มีการเพิ่มระดับการเอาใจใส่ดูแลและคอยสังเกตุพฤติกรรม ของเยาวชนในปกครองว่ามีความเสี่ยงที่จะตกเป็นแนวร่วมระดับปฏิบัติการด้วยการเริ่มจากการบริโภคข้อมูลทางสื่อไอที
วิธีการปลุกระดมและการเพิ่มอัตราแนวร่วมของฝ่ายตรงข้ามนับว่ามีหลาก หลายวิธี ซึ่งบางครั้งอยู่ในระดับที่นอกเหนือจากการคาดหมายของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่มีกระแสการเรียนรู้ยุทธวิธีตลอดจนการออกปฏิบัติการก่อเหตุ รุนแรงที่เลียนแบบกลุ่มก่อการร้ายระดับสากล หรือกลุ่มอัล-ไกดา ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการเด็ดขาดในการควบคุมกรณีดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกันการเพิ่มจำนวนกลุ่มแนวร่วมพันธุ์ใหม่ที่ผ่านการฝึกฝน ด้วยระบบไอทีซึ่งนับว่าเป็นการใช้สื่อไร้พรหมแดนในการเรียนรู้ที่รัฐยากจะควบคุม
กำลังโหลดความคิดเห็น