xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตที่น่าเป็นห่วงของประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

เพื่อนอเมริกันหลายคนของผมไม่ชอบประธานาธิบดีบุช บางคนถึงกับย้ายไปอยู่แคนาดาก็มี เหมือนกับหลายคนที่เกลียดนายสมัคร ต่างบ่นกันว่าครั้งที่นายสมัครเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยก็แย่แล้ว คราวนี้จะมาเป็นนายกฯ อีกคงทนไม่ไหว

ตอนนายสมัครเป็น รมต.มหาดไทย หนังสือที่ผมเขียนชื่อ “อุดมการณ์ทางการเมือง” อยู่ในรายชื่อหนังสือต้องห้ามด้วย อยู่มาวันหนึ่งผมไปทานข้าวแถวสยามสแควร์ เจอนายสมัครเดินมากับลูกน้อง เดินคับถนนเลย ผมก็ไม่ได้ทักทายอะไร

ทำไมคนจึงเกลียดนายสมัครกันนัก ก็คงเป็นเพราะก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 นั่นเอง ที่นายสมัครออกวิทยุด่าฝ่ายซ้าย และกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ซ่องสุมมีอาวุธอยู่เป็นเหตุให้ตำรวจ ตชด.บุกเข้าไป และมีฝูงชนรวมถึงลูกเสือชาวบ้านทำร้ายนักศึกษาถึงกับแขวนคอ นักศึกษาหญิงบางคนโดนฆ่าตายแล้วยังถูกลิ่มตอกที่อวัยวะเพศ

ผมเศร้าใจมากได้ออกไปอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princeton พักหนึ่งจึงกลับมา ตอนนั้นผมยังอายุ 32 ปีเท่านั้น บัดนี้ผมอายุ 63 ปีแล้ว เมื่อนายสมัครกลับมาเป็นใหญ่เป็นโตอีกครั้ง ก็ทำให้ผมนึกถึงการเมืองไทยที่ไม่ก้าวหน้าไปถึงไหนเลย การที่การเมืองจะก้าวหน้านั้น ดูได้จากภาวะผู้นำ ในประเทศรอบบ้านหรือที่อื่น นักการเมืองหน้าใหม่ หัวก้าวหน้าจะขึ้นมาเป็นผู้นำแทน ของไทยเรากลับไปขุดเอาคนเก่าที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเดินตลาด เพราะตลาดนั้นแม่ค้าปากจัดมีแยะ

หากพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ เราก็ต้องมาทบทวนบทบาทของคนหลายคนที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณมาก่อน พรรคเหล่านี้มี ส.ส.เก่าของพรรคไทยรักไทยอยู่หลายคน จึงไม่น่าประหลาดใจที่คนพวกนี้จะไหลไปรวมกันหลังฝนตกใหญ่

หากนายสมัครได้เป็นนายกฯ จริงๆ คงดูไม่จืด เพราะมีคดีอยู่ที่ศาลโดยเฉพาะเรื่องรถดับเพลิง และยังมีคดีหมิ่นประมาทอีก คดีหมิ่นประมาทนั้นยังไม่ถึงที่สุด และศาลคงพิจารณาคดีอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดิม โอกาสที่นายสมัครจะรอดนั้นมี แต่กรณีรถดับเพลิงแม้จะรอดแต่ก็ไม่สง่างามเป็นแน่ และถ้าเป็นความผิดจริง ก็ยิ่งน่าละอายเพราะเป็นบาปอย่างมหันต์ที่ไปเกี่ยวข้องกับการซื้อรถดับเพลิงที่จะมาช่วยเหลือผู้โชคร้าย

นักการเมืองของเราหลายคนไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี บางคนสามารถสบถสาบานได้ และโกหกหน้าด้านๆ ประชาชนที่หลงนิยมคนพวกนี้ก็มีไม่น้อย เพราะคนเหล่านี้ดูคนเพียงภายนอกอย่างผิวเผิน การเมืองไทยที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะประชาชนของเราเป็นแบบนี้ จะโทษใครไม่ได้

นักรัฐศาสตร์หลายคนผิดหวังกับระบอบประชาธิปไตยที่การเลือกตั้งมีความสำคัญ และเป็นเครื่องตัดสินว่าใครจะมีอำนาจทางการเมือง ในอดีตแม้การเมืองจะไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่เราก็ได้รัฐมนตรีที่มือถึง และมีความซื่อสัตย์มากกว่าที่เป็นอยู่ในวันนี้ ปัจจุบันประชาธิปไตยทำให้คนชั่วสามารถขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ และมีรัฐมนตรีที่มือไม่ถือแยะที่สำคัญก็คือ เข้ามาโกงกินมากขึ้น นับว่าเป็นค่าโสหุ้ยของการมีระบอบประชาธิปไตย

ตราบใดที่มีการเลือกตั้งมีพรรคการเมือง ความสามัคคีระหว่างคนในชาติก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย การเลือกตั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การเมืองไทยแบ่งประชาชนออกเป็นสองพวก คือ พวกนิยมทักษิณ และไม่นิยมทักษิณ ฝ่ายทักษิณมีจำนวนมากกว่าเล็กน้อยเมื่อดูตามคะแนนที่พรรคพลังประชาชนได้ เทียบกับพรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ดี อำนาจของพรรคการเมืองไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดของความเป็นไปทางสังคม ในประเทศอื่นปัญหาทางเศรษฐกิจสังคมมีมาก การเมืองเป็นตัวช่วยบรรเทาลดปัญหา เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ดังนี้

ปัญหาเศรษฐกิจ-สังคม
การเมือง

แต่สำหรับประเทศไทย เป็นดังนี้
ปัญหาการเมืองxปัญหาเศรษฐกิจ
สังคม

หมายความว่า สังคมไทยยังเข้มแข็งอยู่ แม้การเมืองจะแบ่งความภักดีของคนออกเป็นสองเสี่ยง แต่ในทางสังคมนั้น ความภักดีของคนไม่ได้แบ่งไปตามนั้น เพราะความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของคนไทยเรามีแน่นหนามั่นคง แม้การเมืองจะผันแปรอย่างไร สังคมไทยก็ยังคงอยู่ได้

ในระยะยาวอีก 20-30 ปี สังคมไทยจะเป็นอย่างไร หากยังมีระบบพรรคการเมือง และการเลือกตั้งเช่นนี้ ก็น่าเป็นห่วงว่าการเมืองจะยิ่งแบ่งแยกคนมากขึ้น ข้าราชการ และนักธุรกิจ หากไม่มีพวกพ้องเป็นนักการเมืองก็ยากที่จะมีความก้าวหน้าความสำเร็จได้ สภาพเช่นนี้มีอยู่ในระบอบทักษิณ และกำลังจะกลับมาอีก

อนาคตของประเทศไทย จึงน่าเป็นห่วงไปอย่างน้อยก็ในระยะยาวกว่าจะถึงวันนั้น ผมก็คงอายุ 80 ปีแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น