สื่อของทางการลาวสุดทน ออกสับแหลกนักเรียนนักศึกษาที่ “หลงผิด” พากันแต่งเนื้อแต่งตัวประหลาดๆ ไปเรียนหนังสือโดยคิดว่าตัวเองทันสมัย ทั้งๆ ที่สิ่งที่แสดงออกมาสะท้อนจิตใจการเป็นทาสตะวันตก
ส่วนเมืองหลวงพระบางนั้น องค์การยุวชนที่นั่นได้ออกเป็นระเบียบปฏิบัติทางวัฒนธรรม พร้อมข้อห้ามไม่ให้นักเรียนนักศึกษาที่โกรกผมสี สวมกางเกงยีนส์ หรือสวมเสื้อชายสั้นเอวลอย นุ่งเข้าวัด กับสถานที่เคารพบูชาแห่งต่างๆ ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติ
สำหรับนครหลวงเวียงจันทน์ อิทธิพลตะวันตกแพร่ลามอย่างกว้างขวาง เยาวชนจำนวนหนึ่งได้เริ่มลอกเลียนแบบ โดยหลงเชื่อว่าเป็นความเท่
นักศึกษาชายที่เคยแต่งกายสุภาพเรียบร้อยถูกต้องตามแบบแผนวัฒนธรรม มีจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสวมเสื้อเปิดหน้าอก ทำผมทรงโมฮอก ชอบเอาหนังสือยัดเข้าประเป๋ากางเกง สำหรับนักศึกษาหญิงยิ่งหนักกว่านั้น...
“อิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตกภายนอกได้แผ่ลามเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นจึงทำให้นักเรียนนักศึกษา เช่นเดียวกันกับเยาวชนวัยหนุ่มสาวของพวกเราจำนวนหนึ่งหลงผิด ด้วยการลอกเลียนแบบ ดังพวกเราจะเห็นมีนักเรียนนักศึกษาจำนวนหนึ่งแต่งตัวนำสมัยไป
โรงเรียน...” หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่กล่าว
เยาวชน นักเรียนนักศึกษาจำนวนมากทุกวันนี้ได้พากัน เช่น โกรกผมให้เป็นสีแดงหรือเป็นผมสีทอง ไว้เล็บยาว ทาเล็บเป็นสีต่างๆ หลายคนเพ้นท์ให้เป็นลายดอกต่างๆมากมายด้วยลวดลาย และหลายคน “ตัดเสื้อรัดรูปทำให้เห็นรูปทรงของร่างกายอย่างจะแจ้ง”
นักศึกษาหญิงจำนวนมากเริ่มสวมผ้าซิ่นสั้นเต่อขึ้น ตีนจกถูกดัดแปลงให้เหลือเพียงนิดเดียว ส่วนกระเป๋าที่สะพายทุกวันนั้นก็ “แยกไม่ออกว่าเป็นกระเป๋าใส่หนังสือหรือกระเป๋าสำหรับไปจ่ายตลาด” คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ของทางการนครหลวงเวียงจันทน์กล่าว
“ซ้ำร้ายไปกว่านั้น สาวๆ บางคนยังสวมปลอกขา (แบบนักเรียนในญี่ปุ่น) โดยคิดว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม.. ทราบหรือไม่ว่าโดยธาตุแท้แล้วมันคืออะไร?” คอลัมนิสต์รายเดียวกันตั้งคำถาม
ส่วนนักศึกษาชายก็ “ล้ำสมัย” ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน ผมเผ้าจากที่เคยตัดเรียบร้อย หวีให้เป็นระเบียบ แต่ “เดี๋ยวนี้บางคนกำลังเริ่มทำผมให้ยุ่งๆ พองๆ บางคนทำผมเป็นสันขึ้นเหมือนนกหัวขวาน สวมเสื้อแผ่หน้าอก ยัดสมุดเล่มเดียวใส่กระเป๋ากางเกงทั้งปีทั้งชาติ”
สื่อของทางการยังกล่าวอีกว่า ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า ความทันสมัยหรือนำสมัยนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งกาย ตรงกันข้ามจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถฉลาดหลักแหลม มีความตื่นตัวต่อทุกสภาพการณ์ในสภาพแวดล้อมสังคม พร้อมทั้งได้แนะนำให้นักเรียนนักศึกษาและเยาวชนของชาติได้นำแง่คิดนี้ไปพิจารณา
เวียงจันทน์ใหม่ กล่าวอีกว่า แต่ดั้งแต่เดิมนั้นนักเรียนนักศึกษาของลาวเป็นกลุ่มที่เข้มงวดกวดขันตัวเองมากที่สุดให้ถูกต้องตามระเบียบวินัยของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่สังกัด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือการไว้ผม เล็บเท้าและเล็บมือ ซึ่งต้องตัดสั้นให้มีความสวยงาม รักษาความสะอาดง่าย
“ส่วนเครื่องแต่งกายนั้นบางคนแม้ว่าจะเก่าแต่ก็สะอาด สำหรับการเดินทางไปเรียนนั้น หากอยู่ใกล้ก็จะเดินไป ถ้าอยู่ไกลก็ปั่นจักรยาน หรือขอไปกับคนอื่นด้วยก็ได้”
“พวกที่แต่งตัวทันสมัยทุกวันนี้ ผลการเรียนจะเป็นอย่างไรต้องขอให้มหาชนติดตามตีราคากันเอาเอง” สื่อของทางการกล่าว
เรื่องนี้ขึ้นมาวิพากษ์หลายครั้งในแวดวงสื่อ หลายฝ่ายชี้ให้เห็นแง่มุมของปัญหาในเชิงสังคมและวัฒนธรรม หลายภาคส่วนแสดงความห่วงใยต่อเยาวชนที่รับเอาวัฒนธรรมต่างแดนเข้าไปโดยไม่รู้จักจำแนก
การใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อของนักเรียนนักศึกษา การใฝ่หาวัตถุที่ฟุ่มเฟือยต่างๆ ได้นำไปสู่ปัญหาสังคม และเกิด “ปรากฏการณ์ย่อท้อ” ต่างๆ รวมทั้งการค้าประเวณีด้วย
แต่ในขณะเดียวกัน หลายท้องถิ่นได้เข้มงวดกับเรื่องระเบียบวินัยของนักเรียนนักศึกษามากขึ้น
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ "ประชาชน" รายวันของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว สหพันธ์เยาวชนเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นองค์กรมหาชนของพรรคและรัฐบาลได้ออกข้อปฏิบัติหลายอย่างเพื่ออนุรักษ์พื้นฐานทางวัฒนธรรมอันดีงามของชาติและของชาวเมือง รวมทั้งฮีตคองประเพณีต่างๆ ด้วย
ข้อปฏิบัติที่ออกมาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ยังได้กำหนดข้อห้ามสำหรับนักเรียนนักศึกษาหลายประการ
ทางการได้ห้ามเยาวชนหนุ่มสาวที่ย้อมผมสีทอง สวมกางเกง กระโปรง หรือสวมเสื้อลอยชายโชว์เอวหรือส่วนหน้าท้อง เข้าไปในสถานที่อันเป็นที่สักการบูชาหรือไปร่วมงานบุญพิธีต่างๆ อีกด้วย