เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งวูบกว่า 2 ดอลลาร์ ลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯแถลงปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศเพิ่มขึ้นสูงเกินคาดถึง 4.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ที่เสร็จสิ้นการเยือนซาอุดีอาระเบีย หวังโอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตอีก ด้านราคาทองคำในตลาดโลกก็ลดฮวบกว่า 2.5% หลังจากที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร
ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันพุธ(16) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ มีราคาลดลง 2.34 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 89.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และลดลงอีกมาอยู่ที่ 89.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม ปีที่แล้ว
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ในตลาดลอนดอน เมื่อวันพุธเช่นกัน มีราคาลดลง 2.15 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 88.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด มีราคาลดลง 1.06 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 90.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ มีราคาลดลง 1.23 ดอลลาร์ มาปิดที่ 89.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ทำราคาลดลงไปถึง 88.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ เมื่อวานนี้(17) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด มีราคาเพิ่มขึ้น 45 เซ็นต์จากราคาปิดที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ มาซื้อขายกันที่ 91.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม มีราคาเพิ่มขึ้นมาซื้อขายกันที่ 89.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบลดลงราว 10 ดอลลาร์ จากที่เคยทำสถิติสูงสุดที่ 100.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อต้นเดือนนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อ้างสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดฮวบฮาบนั้นเป็นเพราะสำนักงานสารสนเทศพลังงาน (อีไอเอ) หน่วยงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ แถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ปริมาณน้ำมันดิบในคลังทั่วสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 287.1 ล้านบาร์เรล ขัดกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ปริมาณน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
ทอม ไนท์ เทรดเดอร์ แห่งทรูแมนอาร์โนลด์ กล่าวว่า ข้อมูลของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯครั้งล่าสุดยืนยันแนวโน้มที่ดีมานด์น้ำมันอ่อนยวบลง และเมื่อรวมกับความหวั่นวิตกถึงภาวะถดถอยในตลาดการเงินทุกตลาด ข้อมูลปริมาณน้ำมันจึงยังคงทำให้ตลาดอยู่ในภาวะ“หมี”
“ความรู้สึกของผู้คนในตลาดดิ่งลงอย่างมาก เนื่องจากดูเหมือนจะมีแนวโน้มมากขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังลื่นไถลลงสู่ภาวะถดถอย” นิมิต คามาร์ นักวิเคราะห์น้ำมันแห่งบริษัทซัคเดน กล่าว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีบุชกล่าวหลังจากเสร็จสิ้นการหารือกับกษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดีอาระเบียว่า ชาติสมาชิกองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) น่าจะสนับสนุนการเพิ่มปริมาณการผลิตอีก ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก คำแถลงนี้มีผลต่อราคาน้ำมันในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ดี อับดุลเลาะห์ อัลบาดรี เลขาธิการใหญ่โอเปก กล่าวว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงลิบลิ่วในช่วงต้นปีนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ตลาดขาดแคลนซัปพลาย ซัปพลายน้ำมันยังคงเพียงพอ ขณะที่การเติบโตของดีมานด์ก็อยู่ในระดับพอประมาณ
สำหรับราคาทองคำในตลาดโลก เมื่อวันพุธ ก็ลดลง 2.5% โดยราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กซื้อขายกันที่ออนซ์ละ 885.60 – 886.30 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 2.5% จากราคาทองคำในนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(15) ซึ่งอยู่ที่ออนซ์ละ 899.50 – 900.20 ดอลลาร์
บรรดานักวิเคราะห์อ้างปัจจัยที่ฉุดราคาทองคำให้ต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นเงินยูโรที่อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่าอีซีบีอาจปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจแถบยูโรโซน ในปีนี้ และราคาน้ำมันที่ลดลงกว่า 2 ดอลลาร์
ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันพุธ(16) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ มีราคาลดลง 2.34 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 89.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และลดลงอีกมาอยู่ที่ 89.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม ปีที่แล้ว
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ในตลาดลอนดอน เมื่อวันพุธเช่นกัน มีราคาลดลง 2.15 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 88.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด มีราคาลดลง 1.06 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 90.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ มีราคาลดลง 1.23 ดอลลาร์ มาปิดที่ 89.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ทำราคาลดลงไปถึง 88.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำหรับการซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ เมื่อวานนี้(17) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด มีราคาเพิ่มขึ้น 45 เซ็นต์จากราคาปิดที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ มาซื้อขายกันที่ 91.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม มีราคาเพิ่มขึ้นมาซื้อขายกันที่ 89.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบลดลงราว 10 ดอลลาร์ จากที่เคยทำสถิติสูงสุดที่ 100.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อต้นเดือนนี้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อ้างสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดฮวบฮาบนั้นเป็นเพราะสำนักงานสารสนเทศพลังงาน (อีไอเอ) หน่วยงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ แถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ปริมาณน้ำมันดิบในคลังทั่วสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 287.1 ล้านบาร์เรล ขัดกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ปริมาณน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล
ทอม ไนท์ เทรดเดอร์ แห่งทรูแมนอาร์โนลด์ กล่าวว่า ข้อมูลของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯครั้งล่าสุดยืนยันแนวโน้มที่ดีมานด์น้ำมันอ่อนยวบลง และเมื่อรวมกับความหวั่นวิตกถึงภาวะถดถอยในตลาดการเงินทุกตลาด ข้อมูลปริมาณน้ำมันจึงยังคงทำให้ตลาดอยู่ในภาวะ“หมี”
“ความรู้สึกของผู้คนในตลาดดิ่งลงอย่างมาก เนื่องจากดูเหมือนจะมีแนวโน้มมากขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังลื่นไถลลงสู่ภาวะถดถอย” นิมิต คามาร์ นักวิเคราะห์น้ำมันแห่งบริษัทซัคเดน กล่าว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีบุชกล่าวหลังจากเสร็จสิ้นการหารือกับกษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดีอาระเบียว่า ชาติสมาชิกองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) น่าจะสนับสนุนการเพิ่มปริมาณการผลิตอีก ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก คำแถลงนี้มีผลต่อราคาน้ำมันในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ดี อับดุลเลาะห์ อัลบาดรี เลขาธิการใหญ่โอเปก กล่าวว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงลิบลิ่วในช่วงต้นปีนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ตลาดขาดแคลนซัปพลาย ซัปพลายน้ำมันยังคงเพียงพอ ขณะที่การเติบโตของดีมานด์ก็อยู่ในระดับพอประมาณ
สำหรับราคาทองคำในตลาดโลก เมื่อวันพุธ ก็ลดลง 2.5% โดยราคาทองคำในตลาดนิวยอร์กซื้อขายกันที่ออนซ์ละ 885.60 – 886.30 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 2.5% จากราคาทองคำในนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(15) ซึ่งอยู่ที่ออนซ์ละ 899.50 – 900.20 ดอลลาร์
บรรดานักวิเคราะห์อ้างปัจจัยที่ฉุดราคาทองคำให้ต่ำลง ไม่ว่าจะเป็นเงินยูโรที่อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่าอีซีบีอาจปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจแถบยูโรโซน ในปีนี้ และราคาน้ำมันที่ลดลงกว่า 2 ดอลลาร์