ตอนแรกที่โบอิ้งได้แนะนำเครื่องบินรุ่น 787 หรือเรียกกันว่า Dreamliner ต่างก็คาดกันว่า มันจะเป็น Dream Planes สำหรับสายการบินทั้งหลายในโลก เพราะว่าชื่อเสียงโบอิ้งเป็นหลักประกันอยู่แล้ว
แต่จนแล้วจนเล่า โบอิ้งก็เข็น Dreamliner 787 ออกมาไม่ได้ และล่าช้าไป 6 เดือน เพราะเกิดปัญหาเรื่องการให้ทำ outsourcing ครับผม
อย่างบริษัทในชิกาโก้ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นแค่ 4 ปีนี้เอง ได้ทำถังเชื้อเพลิง และมีกระบวนการที่จะใช้การสร้างเครื่องบินที่ชิ้นส่วนใหญ่ๆ ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์มากกว่าเป็นอะลูมิเนียม ทางโบอิ้งก็เลยโฟกัสไปว่าจะสร้างเครื่องบินรุ่นใหม่ซึ่งจะออกแบบโดยใช้บริษัทอื่นดูบ้าง
เพื่อให้ลดการลงทุนไปได้สักหนึ่งหมื่นล้านเหรียญ ทางโบอิ้งก็เลยสั่งให้มีทีมงานของพวกจัดอะไหล่ไปออกแบบ และสร้างส่วนต่างๆ ของเครื่องบินโดยจะนำมาประกอบกันที่โรงงานของโบอิ้ง ณ เมืองซีแอตเติล
แต่ก็นั่นแหละครับ การให้ outsourcing ออกไปก็หมายถึงต้องมอบภาระในการให้เกิดความรับผิดชอบที่สูงทุกรูปแบบ ทั้งในรายละเอียดและการควบคุมคุณภาพ การตรงต่อเวลาส่งมอบชิ้นส่วน ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ไม่ง่าย แต่มันยากชะมัดสำหรับโบอิ้ง
พูดง่ายๆ กว่าจะรู้ก็เกือบจะสายไปแล้ว
ปัญหาของพวก Supplier ก็คือเรื่องการสื่อสารทางภาษาอย่างบริษัทในอิตาลีใช้เวลานานมากกว่าจะได้รับการอนุมัติให้สร้างโรงงานทำระบบท่อเชื้อเพลิงการบินบนพื้นที่ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของแหล่งปลูกน้ำมัน Olive Oil เป็นต้น
โฆษกโบอิ้งบอกว่าเครื่องบิน 787 Dreamline ที่ถึงโรงงานเพื่อมาประกอบเสร็จนั้น ชิ้นส่วนที่ยังไม่ได้รับถึงหมื่นกว่าชิ้นครับ
พูดง่ายๆ มันกลายเป็นเครื่องบินไม่สมประกอบไปเลย
ดังนั้นมันก็ช้าลงหรือดีเลย์ไป 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ
และเป้าหมายที่โบอิ้งจะส่งมอบ Dreamliners ให้ลูกค้าได้ถึง 109 เครื่องในปี 2009 ก็อาจจะไม่ครบด้วยซ้ำ
นี่ยังต้องมีการทำการทดลองบินหรือ Test flight เพื่อดูมาตรฐานว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของกรมการบินพาณิชย์ ฯลฯ อีกต่างหากด้วยนะ
ดังนั้น โบอิ้งก็ต้องรีบละครับ และเพื่อเร่งการผลิตก็ต้องช่วยพวก Suppliers ให้ทำงานเร็วขึ้น เพราะพวกนี้คลุมพื้นที่การผลิตชิ้นงานอยู่ทั่วโลก
การที่เครื่องบินเกิดปัญหาล่าช้านี้ โบอิ้งแถลงว่า ส่งผลกระทบไปยังสายการบินที่เป็นลูกค้าของโบอิ้งถึง 19 สายการบิน จากทั้งหมด 52 สายการบินที่สั่งจองเข้ามา โดยเฉพาะทั้งหมดจอง 787 Dreamliners
เพราะอะไรจึงหวังจะใช้เครื่องรุ่นนี้กันล่ะ
ก็เพราะสายการบินทั้งหมด หวังจะขนส่งคนจำนวนมากไปกีฬาโอลิมปิกในจีนในปีหน้านี้แล้วครับ
ถ้าโบอิ้งส่งมอบล่าช้าละก็ ต้องถูกลงโทษเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินมหาศาล
ประเด็นปัญหาเรื่องการ Outsourcing ส่งผลเชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ เพราะกระบวนการผลิต 787 ทำแบบ Mars Production
บทเรียนที่โบอิ้งตระหนักเวลานี้ก็คือ ลงท้ายแล้วการดีเลย์เท่ากับเป็นการไปช่วยคู่แข่งคือ แอร์บัส ซึ่งใช้พวก Suppliers อยู่ทั่วโลกเช่นกันในการสร้างเครื่องบินขึ้นมาแข่งกับโบอิ้ง และแอร์บัสจะมีเครื่องบินมาแข่งได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า
โบอิ้งนั้นคาดการณ์เลยเถิดว่า ศักยภาพของ Supplier นั้นมี Know-how ทุกด้าน
โปรแกรม managers ก็คิดว่าพวกเขาดูแล Suppliers ดีแล้ว แต่มารู้ทีหลังว่ารู้ในรายละเอียดน้อยมาก
787 Dreamliner นั้นฮิตมาก
ก่อนหน้านั้น 762 มีคำสั่งซื้อจากสายการบิน 52 สายการบิน ซึ่งขนผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 225-300 คน ขณะที่มันเบา และประหยัด รวมทั้ง 20 เปอร์เซ็นต์ ถูกลงในการปฏิบัติการบิน รวมทั้งเวลาซ่อมบำรุงก็ถูกมากเมื่อเครื่องอายุเก่าลง
ดังนั้น ผลพลอยได้จาก 762 ทำให้ 787 กลายเป็นว่าได้รับเครดิตต้องขึ้นชั้นเหนือกว่า 762 อยู่แล้ว
การ Outsource บางครั้งก็ดีครับ
Vought Aircraft Industries ซึ่งตั้งอยู่ที่ Dallas ทำถังน้ำมันท้ายเครื่องบินที่โรงงานผลิตใน Charleston, South Corolina
ขณะที่ Alenia Aeronautica ทำถังน้ำมันกลางลำตัว และ harizontal tailpiecer อยู่ใน epottaglie อิตาลี
ยังมีบริษัทญี่ปุ่นทั้งฟูจิ, คาวาซากิ และมิตซูบิชิ ร่วมขบวนกับโบอิ้งด้วย โดยไม่มีปัญหาหนักอกเท่าไร เพราะสร้างปีกรุ่นใหม่
ส่วนจมูกเครื่องบินนั้นบริษัทแคนาดา ที่โตรอนโต Onex Corp. ซึ่งเดิมเป็นสถานที่ของโบอิ้งสร้างให้ครับ จมูก 787 นี้ยาวถึง 13 เมตร
ความจริงจะไปโทษ Suppliers ว่าทำงานช้าก็ไม่ได้ เพราะพวกนี้รายงานว่าคนช้าเอง คือโบอิ้งเพราะกว่าจะออกสเปกมาได้ หรือจะให้ระบบออกมาก็ช้าไป 3-8 เดือนแล้ว ในการให้สเปกขั้นสุดท้าย ทั้งนี้ทางโบอิ้งพยายามใส่เทคโนโลยีทันสมัยให้กับเครื่องบินรุ่นล่าสุดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยต้องไม่ให้เครื่องบินนี้หนัก
ครับ...ก็จะโทษใครไม่ได้ ก็ต้องโทษโบอิ้ง
แต่ก็มีเงินเสียค่าปรับเสียอย่าง ต้องทำใจ และลูกค้าเองก็ไม่วิตก เพราะจะได้เครื่องบินที่ดีที่สุดมันก็ต้องใจเย็นกันบ้างละนะ