ASTVผู้จัดการรายวัน--- บริษัทโบอิ้ง (Boeing Co) แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า จะเริ่มทยอยส่งมอบโบอิ้ง 787 "ดรีมไลเนอร์" (Dreamliner) ที่สั่งซื้อจำนวน 16 ลำ ให้แก่สายการบินเวียดนามได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่จะออกบินเพื่อแนะนำตัว ขณะที่ผู้นำเวียดนามได้บอกให้สายการบินแห่งชาติเร่งเตรียมการก้าวขึ้นเป็นสายการบินที่ใหญ่โตในอนาคตอันใกล้
นายสแตนลีย์ เอ ดีล (Stanley A Deal) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขายประจำเอเชีย-แปซิฟิก ของโบอิ้งเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ฮานอยไทมส์ (Hanoi Times)
โบอิ้งเริ่มประกอบ B787 เพื่อการพาณิชย์ตั้งแต่เดือน ส.ค.2550 ซึ่งในเดือนเดียวกันนั้นได้นำเครื่องบินต้นแบบออกอวดสายตาแก่สาธารณชนที่โรงงานเมืองเอเวเร็ต (Everett) ในมลรัฐวอชิงตัน มีการเชิญชวนเสื่อและแขกไปร่วมงานนับพันคน
นายดีลกล่าวว่าขณะนี้โบอิ้งได้เริ่มหารือกับหุ้นส่วนต่างๆ เกี่ยวกับกำหนดการส่งมอบให้กับลูกค้า โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการส่งมอบเครื่องบินดังกล่าว
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียนเติ๋ยนยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ได้บอกกับผู้บริหารของสายการบินแห่งชาติให้เร่งดำเนินการพัฒนาฝูงบินและเตรียมความพร้อมต่างๆ เพื่อขึ้นเป็นสายการบินอันดับต้นๆ ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายกฯ เวียดนามกล่าวว่า จะต้องฉวยโอกาสในขณะที่ความต้องการการบินภายในประเทศและในระดับภูมิภาคยังมีอยู่สูงเพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบใหญ่โดยเร็ว
นายยวุ๋งซึ่งไปเยี่ยมและทำงานกับสายการบินเวียดนามสัปดาห์ที่แล้ว ได้บอกกับผู้บริหารว่า แม้เศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลกทำให้ความต้องการเดินทางและการขนส่งสินค้าระดับโลกลดลง แต่สายการบินเวียดนามต้องรักษาเส้นทางบินและการขนส่งสินค้าให้คงไว้รวมทั้งรักษาทรัพยากรบุคคล ปรับปรุงการให้บริการและใช้โอกาสนี้ฝึกฝนบุคคลากร
เวียดนามจะต้องแก้ไขปัญหาการให้บริการให้ได้โดยจัดให้มีการฝึกอบรมที่จำเป็นต่างๆ เพื่อเตรียมบุคคลากรไว้สำหรับการพัฒนาในอนาคตอันใกล้นี้
นายกรัฐมนตรีเวียดนามยังสนับสนุนแผนการของสายการบินแห่งชาติในการจัดซื้อเครื่องบินแบบค่างๆ ตลอดจนโครงการที่จะเข้าร่วมข่ายการบินระดับโลกในอนาคต ทั้งนี้เป็นรายงานของวีเอ็นเอ (VNA) สำนักข่าวทางการเวียดนาม
นายฟัมหง็อกมีง (Pham Ngoc Minh) ประธานและซีอีโอของสายการบินกล่าวว่า ปี 2551 เวียดนามแอร์ไลนส์ได้ขนส่งผู้โดยสาร 8.8 ล้านคน ทำไรได้กว่า 230,000 ล้านด่ง (17,700 ด่ง/ดอลลาร์) ปีนี้มีเป้าหมายจะขนส่งผู้โดยสารให้ได้ 9.4 ล้านคน
นอกจากนั้นยังจะขยายตลาดการบิน ระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างประหยัด รับประดันความปลอดภัย ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและพัฒนาบุคลากร นายมีงกล่าว
สายการบินนี้กล่าวในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ปีที่แล้วได้ขนส่งสินค้ารวมน้ำหนัก 1250,000 ตัน แต่ผลกำไรก่อนหักภาษีลดลงเหลือเพียง 14 ล้านดอลลาร์จาก 23 ล้านดอลลาร์ในปี 2550
สัปดาห์ที่แล้วการบินเวียดนามประกาศยกเลิกระบบคอมมิสชั่นในการจำหน่ายตั๋วโดยสารระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป
มาตรการดังกล่าวจะทำให้บริษัทหรือสำนักงานจองและจำหน่ายตั๋วของเวียดนามแอร์ไลนส์ ไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน 3% อีกต่อไป แต่จะอนุญาตให้เก็บเป็นค่าบริการตั้งแต่ 7-35 ดอลลาร์แทน ขึ้นอยู่กับเส้นทางและชั้นที่โดยสาร โดยจะประกาศรายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้ง
นายจิ่งห่มง์กวาง (Trinh Hong Quang) รองผู้อำนวยการใหญ่สายการบินนี้กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวเป็นแนวโน้มที่กำลังใช้กันในทุกสายการบินทั่วโลก ผู้โดยสารจะได้ตั๋วในราคาที่ต่ำลง และสามารถเลือกตัวแทนจำหน่ายที่สามารถเสนอราคาต่ำสุดได้
การขยายเติบใหญ่ของเวียดนามแอร์ไลนส์มีขึ้นในท่ามกลางวิกฤติการณ์เศรษฐกิจโลก ขณะที่ IATAหรือสมาคมสายการบินระหว่างประเทศพยากรณ์ว่าปีนี้รายได้รวมของสายการบินแห่งต่างๆ จะลดลงถึง 4,700 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าสายการบินในแถบแฟซิฟิกจะได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด
ปัจจุบันสายการบินเวียดนามยังคงมีขนาดเล็ก มีเครื่องบินใช้งานเพียงประมาณ 50 ลำ แต่ที่ผ่านมาได้จัดซื้อไปแล้วเกือบ 40 ลำ และจะเริ่มได้รับมอบตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
นายมีงกล่าวเมื่อต้นเดือน มี.ค.ว่า ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2552 นี้จะเริ่มนำเครื่องบินโดยสารพิสัยปานกลางแบบ ATR72-500 เข้าประจำการแทนที่รุ่นเก่าที่ใช้งานมานานและเริ่มเสื่อมสภาพ
เดือน ธ.ค.ปีที่แล้วสายการบินเวียดนาม ได้เซ็นสัญญามูลค่า 112 ล้านดอลลาร์ ซื้อเครื่องบินโดยสารแบบเทอร์โบพร็อบ ATR72-500 จำนวน 6 จากบริษัท Avion de Transport Regional แห่งฝรั่งเศส ลำ
ในเดือน ธ.ค.2550 ได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินแบบเดียวกันนี้จำนวน 5 ลำ และเมื่อรวมกับที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันอีก 3 ลำก็จะมีเครื่องบินรุ่นนี้ในฝูงทั้งหมด 14 ลำ จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือน มิ.ย.นี้เป็นต้นไป จนถึงเดือน ก.พ.2553
ในเดือน พ.ย.2550 สายการบินเวียดนามกับบริษัทลูก คือ Vietnam Aircraft Leasing Co ได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินโบอิง 787-9 จำนวน 12 ลำ รวมกับ 4 ลำ ที่สั่งซื้อเมื่อปี 2548 เป็นทั้งหมด 16 ลำ
ต่อมาในเดือน ธ.ค.2550 สายการบินเวียดนามกับ VALC ก็ได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินจากบริษัทแอร์บัสดินดัสตรี (Airbus Industrie) ผู้ผลิตค่ายยุโรปคราวเดียว 30 ลำ เป็น A350XWB-900 จำนวน 10 ลำ และ A321 จำนวน 20 ลำ.
นายมีงกล่าวในคราวเดียวกันว่าภายในปี 2558 จะมีเครื่องบินในฝูงรวม 104 ลำ และกลายเป็นสายการบินใหญ่อันสองรองจากสิงคโปร์แอร์ไลนส์ และ จะเพิ่มขึ้นเป็น 125 ลำ ในปี 2563.