ผู้จัดการารายวัน-ผู้บริหารแกรนด์ โฮมมาร์ทฯ ปรับกลยุทธ์รับภาวะโครงการจัดสรรในปี 2551 เติบโตน้อยลง เพิ่มน้ำหนักเจาะตลาดค้าปลีก หวังเพิ่มยอดขาย-กำไร พร้อมอัดแคมเปญกระตุ้นตลาดค้าปลีกตลอดทั้งปี ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายจากค้าปลีกโตอีก 25% เมื่อเทียบกับปี50 ส่งผลสัดส่วนยอดขายตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 30-35% จากส่วนแบ่งยอดขายรวมที่ 25% ส่วนยอดขายตรงโครงการคาดโตเท่าปีที่ผ่านมา 5% หรือมีส่วนแบ่งยอดขาย70-75% จากยอดขายรวม 3,000 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ธรรมประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แกรนด์ โฮมมาร์ท จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 ว่า มีแนวโน้มเติบโตทรงตัวหรือขยายตัวเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนน้อยลง ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท จะเป็นผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรร ระมัดระวังในการเปิดโครงการมากขึ้น ทำให้โอกาสในการขยายตลาดผ่านโครงการลำบากมากขึ้น โดยในปี 2550 บริษัทมียอดขายสินค้าจากกลุ่มลูกค้าโครงการประมาณ 75-80% และในส่วนของค้าปลีกประมาณ 20-25% จากยอดขายรวม 3,000 ล้านบาท
ดังนั้น ในปี2551 บริษัทได้ปรับนโยบายทางการตลาด หันมาเพิ่มศักยภาพตลาดค้าปลีกมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมทางด้านบุคลากร สินค้า และทีมงานที่จะให้บริการลูกค้าในส่วนของตลาดค้าปลีกอย่างครอบคลุมอยู่แล้ว ทำให้การขยายตลาดค้าปลีกเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น โดยเน้นการทำตลาดในรูปแบบต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เช่น การจัดแคมเปญพิเศษ การมอบส่วนลดต่างๆ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา แกรนด์โฮมมาร์ท มีสาขาให้บริการลูกค้าในกรุงเทพฯอยู่3 สาขา ประกอบด้วย สาขางามวงศ์วาน ,รัตนาธิเบศร์ และสาขารามอินทรา แต่ล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาใหม่ในย่านศรีนครินทร์1 สาขา ทำให้ครอบคลุมตลาดกรุงเทพฯเพิ่มมากขึ้น ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด บริษัทจะอาศัยช่องทางการตลาดโดยขายผ่านตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์) เป็นจุดกระจายสินค้า อย่างไรก็ตาม ในแผนระยะข้างหน้า บริษัทจะเปิดสาขาแกรนด์โฮมมาร์ทโดยเฉพาะ เนื่องจากการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย จะมีสินค้าประเภทเดียวกันรวมอยู่ด้วย แต่หากเป็นการเปิดสาขาของบริษัท จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแสดงสินค้าของบริษัทได้โดยไม่มีคู่แข่ง และช่วยให้บริษัทเสนอสินค้าที่หลากหลายได้มากกว่าอาศัยพื้นที่ร้านค้าของตัวแทนจำหน่าย
นายฉัตรชัย กล่าวว่า การขายสินค้าผ่านโครงการจัดสรร และการขายปลีกจะมีความแตกต่างในเรื่องของกำไร โดยสินค้าที่ขายปลีกจะมีโอกาสสร้างกำไรมากกว่าการขายสินค้าผ่านโครงการ ดังนั้นทางบริษัทได้กำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายในส่วนของค้าปลีก ซึ่งจะช่วยให้มีกำไรจากการขายมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา โดยในปี 2551 จะขยับยอดขายจากค้าปลีกให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2550 อีก 25% ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งยอดขายในส่วนค้าปลีกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30-35% จากยอดขายรวม ส่วนยอดขายผ่านโครงการคาดอัตราเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมาประมาณ 5% หรือมีส่วนแบ่งจากยอดขายรวมประมาณ 75%
“ นับจากนี้ การดำเนินธุรกิจ จะทำให้ความสำคัญกับการสร้างกิจกรรมทางการตลาดผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกกลุ่ม และการจัดแคมเปญแต่ละครั้ง จะมุ่งสร้างรูปแบบของแคมเปญให้โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของแกรนด์โฮมมาร์ทให้มีความแตกต่าง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Grand Home Mart ศูนย์รวมกระเบื้องดีไซน์ ที่ดีที่สุดจากทุกมุมโลก” ”นายฉัตรชัยกล่าว
สำหรับ แคมเปญในช่วงไตรมาสแรกที่บริษัทผลักดันออกมา คือ แคมเปญสมาร์ทบาย ซึ่งจะใช้แคมเปญดังกล่าวนี้ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.นี้ เสริมด้วยแคมเปญย่อยให้เกิดความต่อเนื่อง โดยทุกๆ 2เดือน บริษัทจะมีการออกแคมเปญใหม่มา 1 ครั้ง เพื่อสร้างความแปลกใหม่และดึงความสนใจของลูกค้า
นายฉัตรชัย ธรรมประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แกรนด์ โฮมมาร์ท จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 ว่า มีแนวโน้มเติบโตทรงตัวหรือขยายตัวเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนน้อยลง ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท จะเป็นผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรร ระมัดระวังในการเปิดโครงการมากขึ้น ทำให้โอกาสในการขยายตลาดผ่านโครงการลำบากมากขึ้น โดยในปี 2550 บริษัทมียอดขายสินค้าจากกลุ่มลูกค้าโครงการประมาณ 75-80% และในส่วนของค้าปลีกประมาณ 20-25% จากยอดขายรวม 3,000 ล้านบาท
ดังนั้น ในปี2551 บริษัทได้ปรับนโยบายทางการตลาด หันมาเพิ่มศักยภาพตลาดค้าปลีกมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมทางด้านบุคลากร สินค้า และทีมงานที่จะให้บริการลูกค้าในส่วนของตลาดค้าปลีกอย่างครอบคลุมอยู่แล้ว ทำให้การขยายตลาดค้าปลีกเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น โดยเน้นการทำตลาดในรูปแบบต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เช่น การจัดแคมเปญพิเศษ การมอบส่วนลดต่างๆ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา แกรนด์โฮมมาร์ท มีสาขาให้บริการลูกค้าในกรุงเทพฯอยู่3 สาขา ประกอบด้วย สาขางามวงศ์วาน ,รัตนาธิเบศร์ และสาขารามอินทรา แต่ล่าสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาใหม่ในย่านศรีนครินทร์1 สาขา ทำให้ครอบคลุมตลาดกรุงเทพฯเพิ่มมากขึ้น ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด บริษัทจะอาศัยช่องทางการตลาดโดยขายผ่านตัวแทนจำหน่าย(ดีลเลอร์) เป็นจุดกระจายสินค้า อย่างไรก็ตาม ในแผนระยะข้างหน้า บริษัทจะเปิดสาขาแกรนด์โฮมมาร์ทโดยเฉพาะ เนื่องจากการขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย จะมีสินค้าประเภทเดียวกันรวมอยู่ด้วย แต่หากเป็นการเปิดสาขาของบริษัท จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแสดงสินค้าของบริษัทได้โดยไม่มีคู่แข่ง และช่วยให้บริษัทเสนอสินค้าที่หลากหลายได้มากกว่าอาศัยพื้นที่ร้านค้าของตัวแทนจำหน่าย
นายฉัตรชัย กล่าวว่า การขายสินค้าผ่านโครงการจัดสรร และการขายปลีกจะมีความแตกต่างในเรื่องของกำไร โดยสินค้าที่ขายปลีกจะมีโอกาสสร้างกำไรมากกว่าการขายสินค้าผ่านโครงการ ดังนั้นทางบริษัทได้กำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายในส่วนของค้าปลีก ซึ่งจะช่วยให้มีกำไรจากการขายมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา โดยในปี 2551 จะขยับยอดขายจากค้าปลีกให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2550 อีก 25% ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งยอดขายในส่วนค้าปลีกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30-35% จากยอดขายรวม ส่วนยอดขายผ่านโครงการคาดอัตราเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมาประมาณ 5% หรือมีส่วนแบ่งจากยอดขายรวมประมาณ 75%
“ นับจากนี้ การดำเนินธุรกิจ จะทำให้ความสำคัญกับการสร้างกิจกรรมทางการตลาดผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายและครอบคลุมในทุกกลุ่ม และการจัดแคมเปญแต่ละครั้ง จะมุ่งสร้างรูปแบบของแคมเปญให้โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของแกรนด์โฮมมาร์ทให้มีความแตกต่าง สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Grand Home Mart ศูนย์รวมกระเบื้องดีไซน์ ที่ดีที่สุดจากทุกมุมโลก” ”นายฉัตรชัยกล่าว
สำหรับ แคมเปญในช่วงไตรมาสแรกที่บริษัทผลักดันออกมา คือ แคมเปญสมาร์ทบาย ซึ่งจะใช้แคมเปญดังกล่าวนี้ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.นี้ เสริมด้วยแคมเปญย่อยให้เกิดความต่อเนื่อง โดยทุกๆ 2เดือน บริษัทจะมีการออกแคมเปญใหม่มา 1 ครั้ง เพื่อสร้างความแปลกใหม่และดึงความสนใจของลูกค้า
