"ฉลองภพ" เซ็นแล้วขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่อีกร้อยละ 1.5 หาเงินบำรุงองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะฯ รวมทั้งทีไอทีวี คาดมีเงินเข้ากองทุนหลักพันล้านต่อปี เผยราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น 0.50-1 บาท ต่อซอง ส่วนเหล้า 3 - 5 บาท ต่อขวด คลังมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละพันกว่าล้าน
นายสมชัย อภิวัฒนพร รักษาการอธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีสุราและยาสูบเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.5 ของมูลค่าของภาษีที่เสียอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำเงินไปจัดตั้งกองทุนทีวีสาธารณะเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (16 ม.ค.) เป็นต้นไป การเก็บเงินภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น 0.50 - 1 บาทต่อซอง ขณะที่ราคาเหล้าจะปรับเพิ่มขึ้น 3 - 5 บาทต่อขวด
ทั้งนี้ ครม.กำหนดให้นำเงินภาษีอุดหนุนเพื่อการนี้ไม่เกิน 2 พันล้านบาทต่อปี หากการเก็บภาษีครั้งนี้เกิน 2 พันล้านบาท ส่วนที่เกินจะนำส่งเข้ากระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง มีอำนาจเพิ่มเงินภาษีทุก 3 ปี หากพิจารณาเห็นว่าวงเงินที่กำหนดให้นำส่งสูงสุดไม่เพียงพอ
"การเรียกเก็บภาษี 1.5% จากผู้ประกอบการ สามารถดำเนินการได้ทันทีที่นำเข้าหรือนำสินค้าออกจากโกดัง เงินที่เรียกเก็บทั้งจำนวนจะอยู่ในบัญชีเงินฝาในนามกระทรวงการคลัง ซึ่งหากจะนำไปใช้ก็ยื่นเบิกได้ตามขั้นตอนหรือทุกเดือน คาดว่าภาษีจากการปรับขึ้นอีก 1.5% ตกประมาณเดือนละ 100 กว่าล้าน หรือปีละพันกว่าล้านบาท"
พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานิเบกษา เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือตั้งแต่หลังเที่ยวคืนของวันที่ 14 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ส่งผลให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรต้องเก็บเงินบำรุงองค์การจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ เพื่อนำส่งเป็นรายได้ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยในอัตราร้อยละ 1.5 ของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ เพื่อให้องค์การฯมีรายได้เพียงพอต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ มีหน้าที่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ ตามอัตราที่กำหนด โดยในกรณีที่ได้รับการงดเว้น ยกเว้น ลดหย่อนหรือคืนภาษี ก็ให้ได้รับการงดเว้น ยกเว้น ลดหย่อน หรือคืนเงินบำรุงองค์การ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด
สำหรับผู้มีหน้าที่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ ไม่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ หรือส่งภายหลังจากระยะเวลาที่กำหนด หรือส่งเงินบำรุงองค์การฯ ไม่ครบตามจำนวนที่ต้องส่ง นอกจากจะมีความผิดตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ยังต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของจำนวนเงินที่ไม่ส่งหรือส่งภายหลังจากระยะเวลาที่กำหนด หรือจำนวนที่ส่งขาดไป แล้วแต่กรณี นับจากวันที่ครบกำหนดส่งจนถึงวันที่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้ไม่ให้เกินจำนวนเงินบำรุงองค์การฯ และให้ถือว่าเงินเพิ่มนี้เป็นเงินบำรุงองค์การด้วย
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราและยาสูบเพิ่มอีก 1.5% นั้น ไม่ได้มีผลได้ผลเสียต่อการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตแต่อย่างใด เนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้เป็นการนำเงินส่งเข้าคลัง แต่นำไปใช้เพื่อการอุดหนุนให้กับทีวีสาธารณะแห่งใหม่
นายสมชัย อภิวัฒนพร รักษาการอธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีสุราและยาสูบเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.5 ของมูลค่าของภาษีที่เสียอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำเงินไปจัดตั้งกองทุนทีวีสาธารณะเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (16 ม.ค.) เป็นต้นไป การเก็บเงินภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น 0.50 - 1 บาทต่อซอง ขณะที่ราคาเหล้าจะปรับเพิ่มขึ้น 3 - 5 บาทต่อขวด
ทั้งนี้ ครม.กำหนดให้นำเงินภาษีอุดหนุนเพื่อการนี้ไม่เกิน 2 พันล้านบาทต่อปี หากการเก็บภาษีครั้งนี้เกิน 2 พันล้านบาท ส่วนที่เกินจะนำส่งเข้ากระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง มีอำนาจเพิ่มเงินภาษีทุก 3 ปี หากพิจารณาเห็นว่าวงเงินที่กำหนดให้นำส่งสูงสุดไม่เพียงพอ
"การเรียกเก็บภาษี 1.5% จากผู้ประกอบการ สามารถดำเนินการได้ทันทีที่นำเข้าหรือนำสินค้าออกจากโกดัง เงินที่เรียกเก็บทั้งจำนวนจะอยู่ในบัญชีเงินฝาในนามกระทรวงการคลัง ซึ่งหากจะนำไปใช้ก็ยื่นเบิกได้ตามขั้นตอนหรือทุกเดือน คาดว่าภาษีจากการปรับขึ้นอีก 1.5% ตกประมาณเดือนละ 100 กว่าล้าน หรือปีละพันกว่าล้านบาท"
พระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ได้ประกาศในราชกิจจานิเบกษา เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือตั้งแต่หลังเที่ยวคืนของวันที่ 14 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ส่งผลให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรต้องเก็บเงินบำรุงองค์การจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ เพื่อนำส่งเป็นรายได้ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยในอัตราร้อยละ 1.5 ของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ เพื่อให้องค์การฯมีรายได้เพียงพอต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ มีหน้าที่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ ตามอัตราที่กำหนด โดยในกรณีที่ได้รับการงดเว้น ยกเว้น ลดหย่อนหรือคืนภาษี ก็ให้ได้รับการงดเว้น ยกเว้น ลดหย่อน หรือคืนเงินบำรุงองค์การ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด
สำหรับผู้มีหน้าที่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ ไม่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ หรือส่งภายหลังจากระยะเวลาที่กำหนด หรือส่งเงินบำรุงองค์การฯ ไม่ครบตามจำนวนที่ต้องส่ง นอกจากจะมีความผิดตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว ยังต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของจำนวนเงินที่ไม่ส่งหรือส่งภายหลังจากระยะเวลาที่กำหนด หรือจำนวนที่ส่งขาดไป แล้วแต่กรณี นับจากวันที่ครบกำหนดส่งจนถึงวันที่ส่งเงินบำรุงองค์การฯ แต่เงินเพิ่มที่คำนวณได้ไม่ให้เกินจำนวนเงินบำรุงองค์การฯ และให้ถือว่าเงินเพิ่มนี้เป็นเงินบำรุงองค์การด้วย
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราและยาสูบเพิ่มอีก 1.5% นั้น ไม่ได้มีผลได้ผลเสียต่อการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตแต่อย่างใด เนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้เป็นการนำเงินส่งเข้าคลัง แต่นำไปใช้เพื่อการอุดหนุนให้กับทีวีสาธารณะแห่งใหม่