ผู้จัดการรายวัน - ตลท.แนะนักลงทุนศึกษาข้อมูลผลการดำเนินงานและการเพิ่มทุน"BLISS" ให้ละเอียดก่อนเข้าประชุม 22 ม.ค.นี้ หลัง BLISS แจงผลกระทบจากการเพิ่มทุนต่อราคาหุ้น 25.71% ขณะที่กระทบส่วนแบ่งกำไรเหลือ 52.50% เปิดยอดขาย 3ไตรมาสแรกปี 50 พบลดลงต่อเนื่องสูงเกิน 50% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ฉุดผลงานให้ขาดทุนอ่วม ด้าน PICNI ขอให้ตลท.แขวน "SP" หลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาหนี้
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลผลการดำเนินงานและการเพิ่มทุนของบริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ซึ่งบริษัทแจ้งว่าการเพิ่มทุนจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อราคาตลาดของหลักทรัพย์ลดลง 25.71% (Price Dilution) และผลกระทบสูงสุดต่อส่วนแบ่งกำไรหรือสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงเหลือ 52.50% (Control Dilution) เพื่อประกอบการพิจารณาลงทุนและเข้าร่วมประชุมและใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ ตลท.ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อผู้ลงทุนใช้ประกอบการประชุมผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย ข้อมูลที่บริษัทจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) รวม 85 ล้านหุ้น ได้รับเงินทั้งสิ้น 223 ล้านบาท เมื่อเดือน ม.ค. 2550 และปรากฏการลงทุนในหลักทรัพย์ตั้งแต่ไตรมาส1/50 เป็นต้นมา ซึ่งบริษัทแจ้งว่าบริษัทบริหารเงินทุนหมุนเวียนด้วยการลงทุนในหลักทรัพย์ โดยงบกระแสเงินสดงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 ก.ย. 2550 บริษัทมียอดซื้อและขายเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,794 ล้านบาท และ 1,799 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ในระยะที่ผ่านมาตั้งแต่ไตรมาส1/50 - ไตรมาส3/50 บริษัทมียอดขายสินค้าลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในระดับ 6% ,52% และ 67% ตามลำดับ ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานขาดทุน 67 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 78 ล้านบาทและขาดทุนสุทธิ 117 ล้านบาท เนื่องจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานและขาดทุนจากลูกหนี้และเจ้าหนี้บริษัทหลักทรัพย์
ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2550 ได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุน 585 ล้านบาท (จาก 315 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท) โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 5,850 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท จัดสรร 1,575 ล้านหุ้น ในราคาขายหุ้นละ 0.15 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามรายชื่อ ณ วันที่ 2 ม.ค.2551 ซึ่ง BLISS จะได้รับเงินประมาณ 236 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ใช้เงินเพิ่มทุนประมาณ 40-50% ของเงิน 236 ล้านบาท (ประมาณ 94-118 ล้านบาท) ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันภายใน Q1/2551 ส่วนที่เหลือจะสำรองไว้สำหรับลงทุนเพิ่มเติมในโครงการดังกล่าวและโครงการอื่นตามแผนการขยายธุรกิจของบริษัทต่อไป
ทั้งนี้บริษัทได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงเหตุผลความจำเป็นในการระดมทุน 236 ล้านบาท ขณะที่ ณ 30 ก.ย. 2550 BLISS มีเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว 381 ล้านบาท ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสอบถาม ว่าบริษัทจำเป็นต้องสำรองเงินทุนจำนวนดังกล่าวไว้สำหรับการซื้อสินค้าเป็นหลัก ในขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์เป็นเพียงการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเท่านั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันตามแผนการดำเนินงานปี 2551
นอกจากนี้บริษัทไม่ได้กำหนดสัดส่วนระหว่างเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนในหลักทรัพย์ที่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับภาวะตลาดของโทรศัพท์เคลื่อนที่และความจำเป็นในการสั่งซื้อสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะของตลาด
อนึ่ง การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 5,850 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิ BLISS-W1 จำนวน 690 หุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามรายชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 2 ม.ค.51 จำนวน 1,575 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิ BLISS-W2 จำนวน 1,863 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทจะแจ้งกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับ BLISS-W2 ภายหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขาย BLISS-W2 จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการใช้สิทธิของ ESOP-W ที่จัดสรรให้แก่นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจำนวน 350 หุ้น และเสนอขายแบบ PP และรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 1,372 ล้านหุ้น
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BLISS วานนี้ (14 ม.ค.) ราคาปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.20% มูลค่าการซื้อขาย 4.59 ล้านบาท โดยปัจจุบันหุ้นบมจ. บลิส-เทล ถูกตลท.สั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์ BLISS ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 50 ถึง 7 ก.พ. 51 เนื่องจากในช่วงวันที่ 18 ถึง 25 ธันวาคม 2550 มีการเปลี่ยนแปลงของราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากช่วงเวลาก่อนหน้า และมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวในหลักทรัพย์ดังกล่าว
**ตลท.แขวน"SP" หุ้น PICNI
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งว่า ตามที่บริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNIได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์ สั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว เนื่องจาก PICNI ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการดำเนินการต่างๆ ของเจ้าหนี้บริษัท และในวันนี้ PICNI อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและกิจการของ PICNI อย่างมีนัยสำคัญ PICNI จึงขอให้ตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว จนกว่า PICNI จะเผยแพร่สารสนเทศเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ครบถ้วน
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) หลักทรัพย์ของ PICNI ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 14 มกราคม 2551 จนกว่า PICNI จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวและผลกระทบต่อฐานะทางเงินและกิจการของ PICNI อย่างครบถ้วนต่อตลาดหลักทรัพย์
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลผลการดำเนินงานและการเพิ่มทุนของบริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ซึ่งบริษัทแจ้งว่าการเพิ่มทุนจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อราคาตลาดของหลักทรัพย์ลดลง 25.71% (Price Dilution) และผลกระทบสูงสุดต่อส่วนแบ่งกำไรหรือสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงเหลือ 52.50% (Control Dilution) เพื่อประกอบการพิจารณาลงทุนและเข้าร่วมประชุมและใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ ตลท.ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อผู้ลงทุนใช้ประกอบการประชุมผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย ข้อมูลที่บริษัทจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) รวม 85 ล้านหุ้น ได้รับเงินทั้งสิ้น 223 ล้านบาท เมื่อเดือน ม.ค. 2550 และปรากฏการลงทุนในหลักทรัพย์ตั้งแต่ไตรมาส1/50 เป็นต้นมา ซึ่งบริษัทแจ้งว่าบริษัทบริหารเงินทุนหมุนเวียนด้วยการลงทุนในหลักทรัพย์ โดยงบกระแสเงินสดงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 ก.ย. 2550 บริษัทมียอดซื้อและขายเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,794 ล้านบาท และ 1,799 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ในระยะที่ผ่านมาตั้งแต่ไตรมาส1/50 - ไตรมาส3/50 บริษัทมียอดขายสินค้าลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในระดับ 6% ,52% และ 67% ตามลำดับ ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานขาดทุน 67 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 78 ล้านบาทและขาดทุนสุทธิ 117 ล้านบาท เนื่องจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานและขาดทุนจากลูกหนี้และเจ้าหนี้บริษัทหลักทรัพย์
ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2550 ได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุน 585 ล้านบาท (จาก 315 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท) โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 5,850 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท จัดสรร 1,575 ล้านหุ้น ในราคาขายหุ้นละ 0.15 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามรายชื่อ ณ วันที่ 2 ม.ค.2551 ซึ่ง BLISS จะได้รับเงินประมาณ 236 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์ใช้เงินเพิ่มทุนประมาณ 40-50% ของเงิน 236 ล้านบาท (ประมาณ 94-118 ล้านบาท) ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันภายใน Q1/2551 ส่วนที่เหลือจะสำรองไว้สำหรับลงทุนเพิ่มเติมในโครงการดังกล่าวและโครงการอื่นตามแผนการขยายธุรกิจของบริษัทต่อไป
ทั้งนี้บริษัทได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงเหตุผลความจำเป็นในการระดมทุน 236 ล้านบาท ขณะที่ ณ 30 ก.ย. 2550 BLISS มีเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว 381 ล้านบาท ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสอบถาม ว่าบริษัทจำเป็นต้องสำรองเงินทุนจำนวนดังกล่าวไว้สำหรับการซื้อสินค้าเป็นหลัก ในขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์เป็นเพียงการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเท่านั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันตามแผนการดำเนินงานปี 2551
นอกจากนี้บริษัทไม่ได้กำหนดสัดส่วนระหว่างเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนในหลักทรัพย์ที่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับภาวะตลาดของโทรศัพท์เคลื่อนที่และความจำเป็นในการสั่งซื้อสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะของตลาด
อนึ่ง การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 5,850 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิ BLISS-W1 จำนวน 690 หุ้นเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามรายชื่อ ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 2 ม.ค.51 จำนวน 1,575 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิ BLISS-W2 จำนวน 1,863 ล้านหุ้น ซึ่งบริษัทจะแจ้งกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับ BLISS-W2 ภายหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขาย BLISS-W2 จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว นอกจากนี้ยังรองรับการใช้สิทธิของ ESOP-W ที่จัดสรรให้แก่นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทจำนวน 350 หุ้น และเสนอขายแบบ PP และรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวน 1,372 ล้านหุ้น
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BLISS วานนี้ (14 ม.ค.) ราคาปิดที่ 8.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.20% มูลค่าการซื้อขาย 4.59 ล้านบาท โดยปัจจุบันหุ้นบมจ. บลิส-เทล ถูกตลท.สั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์ BLISS ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 50 ถึง 7 ก.พ. 51 เนื่องจากในช่วงวันที่ 18 ถึง 25 ธันวาคม 2550 มีการเปลี่ยนแปลงของราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากช่วงเวลาก่อนหน้า และมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัวในหลักทรัพย์ดังกล่าว
**ตลท.แขวน"SP" หุ้น PICNI
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งว่า ตามที่บริษัทปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNIได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์ สั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว เนื่องจาก PICNI ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการดำเนินการต่างๆ ของเจ้าหนี้บริษัท และในวันนี้ PICNI อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและกิจการของ PICNI อย่างมีนัยสำคัญ PICNI จึงขอให้ตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว จนกว่า PICNI จะเผยแพร่สารสนเทศเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ครบถ้วน
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) หลักทรัพย์ของ PICNI ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 14 มกราคม 2551 จนกว่า PICNI จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวและผลกระทบต่อฐานะทางเงินและกิจการของ PICNI อย่างครบถ้วนต่อตลาดหลักทรัพย์