BLISS แจงการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่เพิ่มจาก 1,372 ล้านหุ้น เป็น 3,472 ล้านหุ้น แต่ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติ เพราะมีเงินสดพอเพียง และการเพิ่มทุนใหม่จะเกิดผลกระทบ Dilution Effect ต่อราคาหุ้น เผยบริษัทต้องดำเนินการเพราะไม่เช่นนั้นจะขัดต่อข้อกฎหมาย พร้อมปฎิเสธไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพอร์ตการลงทุนบริษัท
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS ) แจ้งว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริษัทชี้แจงการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนใหม่แบบเฉพาะเจาะจงจาก 1,372 ล้านหุ้น เพิ่มเป็น 3,472 ล้านหุ้น เพื่อขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมราคาหุ้นละ 0.15 บาท พาร์ 0.10 บาท เนื่องจากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว
บริษัทขอชี้แจงในประเด็นดังกล่าว ดังต่อไปนี้
1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ และสาเหตุที่ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการเพิ่มทุน เพราะที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 5,850 ล้านหุ้น ในวาระที่ 9 เนื่องจากมีผู้ออกเสียงเห็นด้วยเพียง 107,759,188 หุ้น หรือ 58.76 %ซึ่งน้อยกว่า 3 ใน 4 ของหุ้นทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุม
สำหรับหุ้นจัดสรรหุ้นที่ออกใหม่แบ่งเป็น 690 ล้านหุ้น ไว้ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) (BLISS - W1) ส่วน 1,575 ล้านหุ้นจัดสรรไว้เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม อัตรา 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้น เพิ่มทุนใหม่ ในราคา 0.15 บาท/หุ้น ส่วน 1,863,333,334 หุ้น ไว้รองรับการใช้สิทธิ BLISS - W2 และ 350 ล้านหุ้น ไว้สำหรับรองรับโครงการเสนอขายวอร์แรนต์ ESOP ขณะที่ 1,371,666,666 หุ้น ไว้รองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่จะเสนอขายให้ PP
โดยวาระที่ 9 เป็นวาระเกี่ยวเนื่องจากวาระที่ 6 เรื่องการเพิ่มทุนจดทะเบียน และวาระที่ 8 เรื่องการออกและขายวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (BLISS - W2) ซึ่งได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ จึงให้ผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงคัดค้านชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่อนุมัติการจัดสรรหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นรายหนึ่งคัดค้าน จึงไม่น่าจะมีความจำเป็นจะต้องระดมทุนเพิ่มเติมอันจะก่อให้เกิดผลกระทบ Dilution Effect ต่อราคาหุ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในที่ประชุม
2. เหตุที่บริษัทเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ให้นักลงทุน แบบเฉพาะเจาะจงเพิ่ม เป็นผลจากผู้ถือหุ้น ขอให้เพิ่มเติมวาระการประชุมขึ้นใหม่ หลังผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติในวาระที่ 9 จึงประชุมต่อเพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นว่าจะรับวาระดังกล่าวเป็นวาระเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณา ในวาระพิจารณาเรื่องอื่นๆ ซึ่งได้รับการอนุมัติ
3. เหตุที่เลือกจัดสรรให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งแจ้งไว้ในข้อ 2 นั้นไปตามข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัดมาตรา 105 วรรค 2 เพราะเหมาะสม หากไม่ดำเนินการบริษัทอาจถูกผู้ถือหุ้นฟ้องร้องดำเนินคดีได้ รวมทั้งเกิดข้อขัดแย้งกันตามกฎหมายโดยทันที
สำหรับผลกระทบด้าน Dilution Control จะยังไม่เกิดขึ้นตราบที่ไม่จัดสรรหุ้น แต่หากจัดสรรเสร็จบริษัทจะมีหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,621,666,666 หุ้น ส่งผลให้ ผู้ถือหุ้นเดิมมี 3,150 ล้านหุ้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 47.57% ลดลงจากเดิม หรือ 77.50 % กรณีที่ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม 1,575 ล้านหุ้น และได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือ 1,371,666,666 หุ้น
สำหรับข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือ พิมพ์ เกี่ยวกับพอร์ตการลงทุนของบริษัทที่ มีขนาด 800-900 ล้านบาท นั้น เพราะนายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ ไม่ได้เป็นผู้ให้ข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หลักทรัพย์ที่บริษัทลงทุนไว้ก่อนหน้า มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของบริษัทสูงกว่า 315 ล้านบาท และไม่สามารถทราบได้ว่าจะมีมูลค่าเท่าใดในอนาคต
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS ) แจ้งว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริษัทชี้แจงการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนใหม่แบบเฉพาะเจาะจงจาก 1,372 ล้านหุ้น เพิ่มเป็น 3,472 ล้านหุ้น เพื่อขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมราคาหุ้นละ 0.15 บาท พาร์ 0.10 บาท เนื่องจากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว
บริษัทขอชี้แจงในประเด็นดังกล่าว ดังต่อไปนี้
1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ และสาเหตุที่ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการเพิ่มทุน เพราะที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติไม่อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 5,850 ล้านหุ้น ในวาระที่ 9 เนื่องจากมีผู้ออกเสียงเห็นด้วยเพียง 107,759,188 หุ้น หรือ 58.76 %ซึ่งน้อยกว่า 3 ใน 4 ของหุ้นทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุม
สำหรับหุ้นจัดสรรหุ้นที่ออกใหม่แบ่งเป็น 690 ล้านหุ้น ไว้ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) (BLISS - W1) ส่วน 1,575 ล้านหุ้นจัดสรรไว้เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม อัตรา 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้น เพิ่มทุนใหม่ ในราคา 0.15 บาท/หุ้น ส่วน 1,863,333,334 หุ้น ไว้รองรับการใช้สิทธิ BLISS - W2 และ 350 ล้านหุ้น ไว้สำหรับรองรับโครงการเสนอขายวอร์แรนต์ ESOP ขณะที่ 1,371,666,666 หุ้น ไว้รองรับการแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่จะเสนอขายให้ PP
โดยวาระที่ 9 เป็นวาระเกี่ยวเนื่องจากวาระที่ 6 เรื่องการเพิ่มทุนจดทะเบียน และวาระที่ 8 เรื่องการออกและขายวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (BLISS - W2) ซึ่งได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นแล้ว นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ จึงให้ผู้ถือหุ้นที่ออกเสียงคัดค้านชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่อนุมัติการจัดสรรหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นรายหนึ่งคัดค้าน จึงไม่น่าจะมีความจำเป็นจะต้องระดมทุนเพิ่มเติมอันจะก่อให้เกิดผลกระทบ Dilution Effect ต่อราคาหุ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในที่ประชุม
2. เหตุที่บริษัทเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ให้นักลงทุน แบบเฉพาะเจาะจงเพิ่ม เป็นผลจากผู้ถือหุ้น ขอให้เพิ่มเติมวาระการประชุมขึ้นใหม่ หลังผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติในวาระที่ 9 จึงประชุมต่อเพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นว่าจะรับวาระดังกล่าวเป็นวาระเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณา ในวาระพิจารณาเรื่องอื่นๆ ซึ่งได้รับการอนุมัติ
3. เหตุที่เลือกจัดสรรให้นักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งแจ้งไว้ในข้อ 2 นั้นไปตามข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัดมาตรา 105 วรรค 2 เพราะเหมาะสม หากไม่ดำเนินการบริษัทอาจถูกผู้ถือหุ้นฟ้องร้องดำเนินคดีได้ รวมทั้งเกิดข้อขัดแย้งกันตามกฎหมายโดยทันที
สำหรับผลกระทบด้าน Dilution Control จะยังไม่เกิดขึ้นตราบที่ไม่จัดสรรหุ้น แต่หากจัดสรรเสร็จบริษัทจะมีหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,621,666,666 หุ้น ส่งผลให้ ผู้ถือหุ้นเดิมมี 3,150 ล้านหุ้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 47.57% ลดลงจากเดิม หรือ 77.50 % กรณีที่ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม 1,575 ล้านหุ้น และได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือ 1,371,666,666 หุ้น
สำหรับข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือ พิมพ์ เกี่ยวกับพอร์ตการลงทุนของบริษัทที่ มีขนาด 800-900 ล้านบาท นั้น เพราะนายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ ไม่ได้เป็นผู้ให้ข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด แต่หลักทรัพย์ที่บริษัทลงทุนไว้ก่อนหน้า มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของบริษัทสูงกว่า 315 ล้านบาท และไม่สามารถทราบได้ว่าจะมีมูลค่าเท่าใดในอนาคต