xs
xsm
sm
md
lg

อีเอ็มซีแตกพาร์เหลือ 10 สต. แฉปั่นหุ้นง่ายล่อใจแมงเม่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นเก็งกำไรแห่แตกพาร์เพิ่มสภาพคล่องหวังเรียกแมงเม่า ล่าสุด "อีเอ็มซี" ประกาศแตกพาร์จากหุ้นละ 1 บาท เหลือ 0.10 บาท ดีเดย์เม.ย.นี้ แถมใจป้ำแจกวอร์แรนต์ฟรีอัตรา 3.5 หุ้นเดิม ต่อวอร์แรนต์ 1 หน่วย "ชนะชัย" เร่งฟื้นศรัทธาวอนนักลงทุนดูปัจจัยพื้นฐาน ด้านโบรกเกอร์ชี้เหตุแห่แตกพาร์ ทำให้ราคาหุ้นถูกปั่นง่าย พร้อมแฉผู้ถือหุ้นรายใหญ่รับเละ จากราคาหุ้นก่อนแตกพาร์-หลังแตกพาร์เท่าเดิม แต่ได้จำนวนหุ้นเพิ่ม 10 เท่า

นายชนะชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการ บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนเมษายน 2551 นี้ บริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) ของนบริษัทจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 0.10 บาท และจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ชุดที่ 2 อายุ 3 ปีจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมฟรีในอัตรา 3.5 หุ้นเดิม ต่อวอร์แรนต์ 1 หน่วย
โดยขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ จะใช้เวลาไม่นาน หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่เงินที่จะได้รับจากการแปลงสภาพการใช้สิทธิของวอร์แรนต์บริษัทมีแผนเตรียมไว้เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"การแตกพาร์ครั้งนี้ ต้องการเพิ่มจำนวนหุ้นที่ซื้อขายให้มากขึ้นตอบรับความสนใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งโดยส่วนตัวในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เนื่องจากอยากให้นักลงทุนถือลงตัวมากกว่า" นายชนะชัย กล่าว

สำหรับภาพลักษณ์ของหุ้น EMC ช่วงก่อนหน้านี้มักถูกมองว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง แต่ในปัจจุบันสิ่งที่สะท้อนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเกิดขึ้นจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ออกมาในทิศทางที่ดี เนื่องจากมีทีมบริหารที่มีศักยภาพและมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจค่อนข้างดี

ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 146.37 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีกำไรอยู่ที่ 36.71 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังดล่าวเชื่อว่าช่วยลดภาพลักษณ์ในการเป็นหุ้นเก็งกำไรได้ ส่วนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าเป็นการเข้ามาเก็งกำไรจากข่าวการกระตุ้นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทที่อยู่ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากระแสการแตกพาร์ของหุ้นเก็งกำไรหลายบริษัทจาก 1 บาทเป็น 0.10 บาท นอกเหนือจากเหตุผลที่ต้องการให้หุ้นของบริษัทมีจำนวนมากขึ้นแล้ว การปรับลดของราคาหุ้นหลังการแตกพาร์ยังถือว่าช่วยให้โอกาสในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนรายย่อยมีมากขึ้น

ทั้งนี้ หากราคาหุ้นไม่สูงมากการพยายามในการสร้างราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นก็สามารถทำได้ง่ายกว่าหุ้นที่มีราคาซื้อขายค่อนข้างสูงเนื่องจากจะต้องใช้เงินจำนวนมาในการกระทำการดังกล่าว โดยในเรื่องดังกล่าวคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดน่าจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เนื่องจากหากราคาหุ้นที่ลดลงหลังการแตกพาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น สัดส่วนการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นก็จะสูงกว่าสัดส่วนราคาที่ซื้อขายก่อนหน้า

"ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นการแตกพาร์ของหุ้นเก็งกำไร เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการให้จำนวนหุ้นที่ซื้อขายมีมากขึ้นเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นของบริษัท และก็ช่วยทำให้การทำราคาให้ตอบรับข่าวต่างๆทำได้ง่ายขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว

ด้านความเคลื่อนไหวของหุ้นเก็งกำไรวานนี้ (28 ก.พ.) หุ้น EMC ราคาปิดที่ 4.92 บาท ลดลง 0.13 บาท หรือ 2.57% มูลค่าการซื้อขาย 96.76 ล้านบาท , หุ้น LIVE ราคาปิดที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือ 6.47% มูลค่าการซื้อขาย 285.51 ล้านบาท , หุ้น BLISS ราคาปิดที่ 1.07 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 4.46% มูลค่าการซื้อขาย 213.19 ล้านบาท และหุ้น IEC ราคาปิดที่ 1.51 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท หรือ 7.86% มูลค่าการซื้อขาย 527.97 ล้านบาท

อนึ่ง ก่อนหน้านี้หุ้นเก็งกำไรที่เคยมีการประกาศเแตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.10 บาท เช่น บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น และจำนวนหุ้นของบริษัท จากเดิม มูลค่าหุ้นละ 1 บาท จำนวน 460,000,000 หุ้น เป็น มูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท (สิบสตางค์) จำนวน 4,600,000,000 หุ้น
ทั้งนี้ หากติดตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนการแตกพาร์จากราคาในระดับ 2-3 บาทต่อหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับเกือบ 20 บาทต่อหุ้นซึ่งผ่านหลังการแตกพาร์ราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการแตกพาร์สะท้อนให้เห็นว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ไม่ได้มีการขายหุ้นออกไปจะได้รับประโยชน์จากมูลค่าหุ้นที่ไม่ปรับตัวลดลงในขณะที่มีหุ้นที่ถือครองจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า

ขณะที่อีก 1 บริษัทที่มีการอนุมัติแตกพาร์ คือ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ซึ่งราคาหุ้นก่อนการแตกพาร์เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 4-5 บาทก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 17.20 บาทก่อนการแตกพาร์ ขณะที่หลังการแตกพาร์ราคาหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับ 1-2 บาทซึ่งถือราคาที่ซื้อขายต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายก่อนข่าวการแตกพาร์ไม่มากเช่นเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น