SIRI ออกหุ้นกู้ 3 พันล้านบาท และออกวอร์แรนต์ 1,473,314,346 หน่วย แจกฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกราย อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1หน่วยวอร์แรนต์ และเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อย 3 แห่ง เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการและรับเงินปันผล
นายวันจักร์ บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI ) แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 51 ว่าบอร์ดอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดสิ้นปี 50 อัตราหุ้นละ 0.23 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 28 พ.ค. 51
นอกจากนี้ ยังให้ ลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยให้ลดทุนลง จากเดิมทุนจดทะเบียน 19,238,471,822.56 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 19,238,147,475.60 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย รวมทั้งสิ้น 75,782 หุ้น เนื่องจากหุ้นในส่วนนี้เป็นหุ้นที่สำรองสำหรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)ที่ออกและเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย (ภายใต้โครงการESOP # 2 Lot 3) ซึ่งปัจจุบันใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวได้สิ้นอายุลงแล้ว บริษัทจึงจำเป็นต้องยกเลิกหุ้นคงเหลือเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามโครงการ ESOP # 2 (Lot 3)
ส่งผลให้ บริษัทยังคงเหลือหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายที่สำรองไว้รองรับการใช้สิทธิตามวอร์แรนต์ที่ออกตามโครงการ ESOP ทุกโครงการ รวมทั้งสิ้น 74,951,232 หุ้น ดังนั้น ภายหลังการลดทุนจดทะเบียนดังกล่าว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 19,238,147,475.60 บาท แบ่งออกเป็น 4,494,894,270 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4.28 บาท
ขณะที่บอร์ดให้ออกและเสนอขายวอร์แรนต์ 1,473,314,346 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ และจะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาท อายุ 10 ปี เสนอขายคราวเดียว หรือหลายคราว ให้ประชาชนทั่วหรือนักลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง เป็นต้น
กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 13/2551 ในวันที่ 29 เม.ย.50 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 9 เม.ย. 51 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ บอร์ดยังให้เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัทย่อย 3 แห่งคือ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สเปซ จำกัด (PPS) บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เวนเจอร์ จำกัด (PPV) และบริษัท แสนสิริ เวนเจอร์ จำกัด (SV) เพิ่มเติมจากผู้ถือหุ้นเดิม ส่งผลให้บริษัทกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบ 100% เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานและรับเงินปันผล
พร้อมแจ้งผลงานงวดสิ้นปี 50 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 707.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 404.25 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายโครงการเพิ่มสูงถึง 56% และกำไรจากการขายเงินลงทุน แม้รายจ่ายเพิ่ม แต่ก็มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 31%
นายวันจักร์ บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI ) แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 51 ว่าบอร์ดอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดสิ้นปี 50 อัตราหุ้นละ 0.23 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 28 พ.ค. 51
นอกจากนี้ ยังให้ ลดทุนจดทะเบียนของบริษัท โดยให้ลดทุนลง จากเดิมทุนจดทะเบียน 19,238,471,822.56 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 19,238,147,475.60 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย รวมทั้งสิ้น 75,782 หุ้น เนื่องจากหุ้นในส่วนนี้เป็นหุ้นที่สำรองสำหรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์)ที่ออกและเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย (ภายใต้โครงการESOP # 2 Lot 3) ซึ่งปัจจุบันใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวได้สิ้นอายุลงแล้ว บริษัทจึงจำเป็นต้องยกเลิกหุ้นคงเหลือเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามโครงการ ESOP # 2 (Lot 3)
ส่งผลให้ บริษัทยังคงเหลือหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายที่สำรองไว้รองรับการใช้สิทธิตามวอร์แรนต์ที่ออกตามโครงการ ESOP ทุกโครงการ รวมทั้งสิ้น 74,951,232 หุ้น ดังนั้น ภายหลังการลดทุนจดทะเบียนดังกล่าว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 19,238,147,475.60 บาท แบ่งออกเป็น 4,494,894,270 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4.28 บาท
ขณะที่บอร์ดให้ออกและเสนอขายวอร์แรนต์ 1,473,314,346 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ และจะออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาท อายุ 10 ปี เสนอขายคราวเดียว หรือหลายคราว ให้ประชาชนทั่วหรือนักลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง เป็นต้น
กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 13/2551 ในวันที่ 29 เม.ย.50 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น และสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันที่ 9 เม.ย. 51 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ บอร์ดยังให้เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัทย่อย 3 แห่งคือ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สเปซ จำกัด (PPS) บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เวนเจอร์ จำกัด (PPV) และบริษัท แสนสิริ เวนเจอร์ จำกัด (SV) เพิ่มเติมจากผู้ถือหุ้นเดิม ส่งผลให้บริษัทกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกือบ 100% เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานและรับเงินปันผล
พร้อมแจ้งผลงานงวดสิ้นปี 50 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 707.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 404.25 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายโครงการเพิ่มสูงถึง 56% และกำไรจากการขายเงินลงทุน แม้รายจ่ายเพิ่ม แต่ก็มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 31%
