หมู่นี้มีคนแสดงความผิดหวังนักการเมืองแยะ นับตั้งแต่นายบรรหาร ไปจนถึงนายประชัย ผมเองรู้สึกเฉยๆ เพราะคำพูดของนักการเมือง โดยเฉพาะการร่วมรัฐบาลนั้น ไม่ควรเชื่ออยู่แล้ว ที่เชื่อได้ก็คือการขอให้ทำอะไรโดยมีผลประโยชน์เข้าแลก นักการเมืองบางคนมีชื่อมากว่า ถ้าเงินถึงก็ได้แน่
เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานธนาคารเล่าว่า มีคนที่มีชื่ออย่างหนึ่งมาเปิดบัญชีอีกชื่อหนึ่งไว้ที่ธนาคาร หลังจากนั้นเมื่อมีเงินเข้ามาก็มาเซ็นต์ชื่อที่เปิดบัญชีไว้ (แต่ไม่ใช่ชื่อจริงของตน) เบิกเงินออกไป
เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็น ส.ส.มีหนี้เกือบ 200 ล้าน พอได้เป็นรัฐมนตรีหัวหน้าบอกให้อยู่เฉยๆ ให้ทำตามที่บอก ปรากฏว่าล้างหนี้ได้หมด
ผู้ใหญ่คนหนึ่งเล่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งได้เงินจากการอยู่ในตำแหน่งไปหมื่นกว่าล้านบาท
ผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งเล่าถึงความแตกต่างระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี 3 คน ดังนี้
คนที่ 1 บอกอะไรจะเถียงก่อน แล้วก็ไม่ทำ
คนที่ 2 บอกอะไรจะเถียง แต่ก็ทำ
คนที่ 3 บอกอะไรจะไม่เถียง แล้วก็ทำ
นักการเมืองยุคนี้หลายคนแจ้งเกิดได้หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ในสภานิติบัญญัติฯ ชุด พ.ศ. 2516 มีนายบรรหาร ศิลปอาชา ด้วยคนหนึ่ง จากวันนั้นถึงวันนี้นายบรรหาร มีวิธีเล่นการเมืองที่ไม่ต้องการเสียงข้างมาก แต่จะพยายามยึดกุมพื้นที่บางส่วนไว้ พอให้ได้ ส.ส. 20-30 คนก็พอแล้ว ในสมัยหลังจากที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว อยากฝากชื่อไว้ เพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ลองคิดดูจากคนตัดเสื้อเมียขายขนม ชีวิตเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้
มีคนที่เพิ่งเข้ามาเล่นการเมืองอีกคนหนึ่ง เคยทำโรงงานขนาดใหญ่ที่มีปัญหา ผมเสนอสั่งปิดเพราะไม่มีใบอนุญาต แต่เปิดไปก่อน ระยะนั้นมีการประท้วงรุนแรง โรงงานเลยถูกปิดชั่วคราว นายคนนี้โทรศัพท์มาที่บ้าน แล้วพูดกับผมว่า “ผมไปเอาเมียคุณหรืออย่างไร จึงมาทำแบบนี้” นี่ก็เป็นเวลา 30 กว่าปีมาแล้ว เมียผมโกรธมากแช่งชักหักกระดูกตามแบบคนโบราณ คือ เผาพริกเผาเกลือ พอนายคนนี้ไม่ได้รับเลือกก็คิดว่าคงเป็นเพราะแรงสาปแช่งของเขา ผมบอกว่า คนแบบนี้คงมีศัตรูแยะ
ในประเทศแอฟริกาแห่งหนึ่ง มีการซื้อขายเสียงกันมาก ล่าสุดไม่มีการซื้อก่อนการเลือกตั้ง พอเลือกตั้งเสร็จพรรคเล็กพรรคน้อยเสียเงินไปคนละเท่าใด ก็มีการไปติดต่อซื้อทั้งหมด บวกกับค่าเหนื่อยอีกเล็กน้อย พรรคที่เคยแถลงไว้อย่างไรก็หงอยกันหมด ผู้คนก็สงสัยว่าทำไมจึงเปลี่ยนง่าย หารู้ไม่ว่ามีการซื้อหลังเลือกตั้งทั้งพรรคไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนคนหนึ่งมีหน้าที่ซื้ออุปกรณ์ให้กรมๆ หนึ่ง รู้ว่ารัฐมนตรีคนนี้ชอบล็อกสเปก จึงเอาเทปเล็กๆ ใส่กระเป๋าซ่อนไว้ แล้วเข้าพบรัฐมนตรีกะอัดเทป ปรากฏว่าไม่ว่า เขาจะถามอะไรเสนออะไร ท่านรัฐมนตรีก็ไม่ตอบ เอาแต่สั่นหน้ากับพยักหน้า นับว่าเซียนจริงๆ ต่อมารัฐมนตรีผู้นี้ได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ยิ่งกินแนบเนียนเข้าไปอีก
นายบรรหาร เป็นคนมีอัธยาศัยดี ผมเองยังชอบแถมเอ็นดูนายบรรหาร อย่างตอนที่ไปเดินหาเสียงแล้วตกลงไปในน้ำครำ นายบรรหารยังเฉยๆ เพราะอยู่ในวงการเมืองมานานยิ่งกว่าน้ำครำยังทนได้ นับประสาอะไรกับน้ำครำ
นายบรรหาร โชคดีที่ได้ผู้ช่วยเก่งๆ คือ นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ และนายนิกร จำนง นอกจากนั้นยังมีลูกสาวที่น่าเอ็นดู หากใครอยากรู้ความหมายของคำว่า “แอ๊บแบ๊ว” ก็ต้องไปดูลูกสาวนายบรรหาร ซึ่งเข้าลักษณะแอ๊บแบ๊วจริงๆ ทั้งการแต่งกาย หน้าตา อากัปกิริยา และน้ำเสียง
มีคนหลายคนผิดหวังที่ฝ่ายซ้ายในพรรคพลังประชาชนรับนายสมัครได้ แต่คนในพรรคมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า พวกเขายังฝังใจพฤติกรรมของนายสมัครมาก แต่ก็เลือกไม่ได้ ทักษิณเองถูกหาว่าไม่จงรักภักดี เลยไปเลือกนายสมัครมา แต่สมัครก็คือสมัคร ปากแกห้ามไม่ได้คือ ปากคุมสมอง เลยออกมาว่า พล.อ.เปรม เวลานี้ทักษิณก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ดังนั้น การเมืองไทยเวลานี้ก็ยังน้ำเน่าเหมือนเดิม บางคนถึงกับพูดว่า หากคนเพียง 3-4 คน หายไปจากวงการเมือง แผ่นดินก็จะสูงขึ้น ส่วนจะหายไปเองหรือมีคนช่วยให้หายไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
นักการเมืองบางคนก็น่าสงสารเพราะเล่นการเมือง เพราะความอยาก เช่น อยากได้สายสะพายมาใส่ถ่ายรูป เป็นต้น บางคนพอไปคุมรัฐวิสาหกิจก็เรียกคนมาถามว่ามีโครงการอะไรบ้าง
ผมเคยได้ยินนักการเมืองคนหนึ่งแนะนำนักการเมืองอีกคนให้ไปคุมรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ ด้วยคำพูดที่ว่า “มึงอยากแดกหูฉลามหรืออยากแดกกะเพาะปลา” แปลว่าให้เลือกรัฐวิสาหกิจที่หาเงินได้มากๆ
แล้วอย่างนี้เราจะมีประชาธิปไตยกันไปทำไม การเป็นประชาธิปไตยโดยให้ประชาชน ชุมชนมีส่วนร่วมโดยตรงจะดีกว่าการให้คนมาสูบเลือดแผ่นดินไปหรือไม่ กล่าวอีกทางหนึ่งก็คือ ให้มีการเลือกตั้งเฉพาะระดับท้องถิ่น เพราะหากโกงประชาชนก็จะเห็นได้ง่าย แต่ระดับชาติใช้วิธีการอื่นจะได้หรือไม่ ผมว่าเป็นไปได้ยาก เพราะเวลานี้เรากลัวฝรั่งจะไม่คบหา ก็ต้องทนกันต่อไป จนกว่านักการเมืองที่ว่านี้จะล้มหายตายจากไปก่อน การเมืองไทยจึงจะดีขึ้น ส่วนการหวังให้มีรัฐธรรมนูญที่ดีแล้วการเมืองจะดีเห็นทีจะยาก เพราะสันดานคนมันเปลี่ยนยาก
เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานธนาคารเล่าว่า มีคนที่มีชื่ออย่างหนึ่งมาเปิดบัญชีอีกชื่อหนึ่งไว้ที่ธนาคาร หลังจากนั้นเมื่อมีเงินเข้ามาก็มาเซ็นต์ชื่อที่เปิดบัญชีไว้ (แต่ไม่ใช่ชื่อจริงของตน) เบิกเงินออกไป
เพื่อนอีกคนหนึ่งเป็น ส.ส.มีหนี้เกือบ 200 ล้าน พอได้เป็นรัฐมนตรีหัวหน้าบอกให้อยู่เฉยๆ ให้ทำตามที่บอก ปรากฏว่าล้างหนี้ได้หมด
ผู้ใหญ่คนหนึ่งเล่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งได้เงินจากการอยู่ในตำแหน่งไปหมื่นกว่าล้านบาท
ผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งเล่าถึงความแตกต่างระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี 3 คน ดังนี้
คนที่ 1 บอกอะไรจะเถียงก่อน แล้วก็ไม่ทำ
คนที่ 2 บอกอะไรจะเถียง แต่ก็ทำ
คนที่ 3 บอกอะไรจะไม่เถียง แล้วก็ทำ
นักการเมืองยุคนี้หลายคนแจ้งเกิดได้หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ในสภานิติบัญญัติฯ ชุด พ.ศ. 2516 มีนายบรรหาร ศิลปอาชา ด้วยคนหนึ่ง จากวันนั้นถึงวันนี้นายบรรหาร มีวิธีเล่นการเมืองที่ไม่ต้องการเสียงข้างมาก แต่จะพยายามยึดกุมพื้นที่บางส่วนไว้ พอให้ได้ ส.ส. 20-30 คนก็พอแล้ว ในสมัยหลังจากที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว อยากฝากชื่อไว้ เพราะไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ลองคิดดูจากคนตัดเสื้อเมียขายขนม ชีวิตเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้
มีคนที่เพิ่งเข้ามาเล่นการเมืองอีกคนหนึ่ง เคยทำโรงงานขนาดใหญ่ที่มีปัญหา ผมเสนอสั่งปิดเพราะไม่มีใบอนุญาต แต่เปิดไปก่อน ระยะนั้นมีการประท้วงรุนแรง โรงงานเลยถูกปิดชั่วคราว นายคนนี้โทรศัพท์มาที่บ้าน แล้วพูดกับผมว่า “ผมไปเอาเมียคุณหรืออย่างไร จึงมาทำแบบนี้” นี่ก็เป็นเวลา 30 กว่าปีมาแล้ว เมียผมโกรธมากแช่งชักหักกระดูกตามแบบคนโบราณ คือ เผาพริกเผาเกลือ พอนายคนนี้ไม่ได้รับเลือกก็คิดว่าคงเป็นเพราะแรงสาปแช่งของเขา ผมบอกว่า คนแบบนี้คงมีศัตรูแยะ
ในประเทศแอฟริกาแห่งหนึ่ง มีการซื้อขายเสียงกันมาก ล่าสุดไม่มีการซื้อก่อนการเลือกตั้ง พอเลือกตั้งเสร็จพรรคเล็กพรรคน้อยเสียเงินไปคนละเท่าใด ก็มีการไปติดต่อซื้อทั้งหมด บวกกับค่าเหนื่อยอีกเล็กน้อย พรรคที่เคยแถลงไว้อย่างไรก็หงอยกันหมด ผู้คนก็สงสัยว่าทำไมจึงเปลี่ยนง่าย หารู้ไม่ว่ามีการซื้อหลังเลือกตั้งทั้งพรรคไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนคนหนึ่งมีหน้าที่ซื้ออุปกรณ์ให้กรมๆ หนึ่ง รู้ว่ารัฐมนตรีคนนี้ชอบล็อกสเปก จึงเอาเทปเล็กๆ ใส่กระเป๋าซ่อนไว้ แล้วเข้าพบรัฐมนตรีกะอัดเทป ปรากฏว่าไม่ว่า เขาจะถามอะไรเสนออะไร ท่านรัฐมนตรีก็ไม่ตอบ เอาแต่สั่นหน้ากับพยักหน้า นับว่าเซียนจริงๆ ต่อมารัฐมนตรีผู้นี้ได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี ยิ่งกินแนบเนียนเข้าไปอีก
นายบรรหาร เป็นคนมีอัธยาศัยดี ผมเองยังชอบแถมเอ็นดูนายบรรหาร อย่างตอนที่ไปเดินหาเสียงแล้วตกลงไปในน้ำครำ นายบรรหารยังเฉยๆ เพราะอยู่ในวงการเมืองมานานยิ่งกว่าน้ำครำยังทนได้ นับประสาอะไรกับน้ำครำ
นายบรรหาร โชคดีที่ได้ผู้ช่วยเก่งๆ คือ นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ และนายนิกร จำนง นอกจากนั้นยังมีลูกสาวที่น่าเอ็นดู หากใครอยากรู้ความหมายของคำว่า “แอ๊บแบ๊ว” ก็ต้องไปดูลูกสาวนายบรรหาร ซึ่งเข้าลักษณะแอ๊บแบ๊วจริงๆ ทั้งการแต่งกาย หน้าตา อากัปกิริยา และน้ำเสียง
มีคนหลายคนผิดหวังที่ฝ่ายซ้ายในพรรคพลังประชาชนรับนายสมัครได้ แต่คนในพรรคมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังว่า พวกเขายังฝังใจพฤติกรรมของนายสมัครมาก แต่ก็เลือกไม่ได้ ทักษิณเองถูกหาว่าไม่จงรักภักดี เลยไปเลือกนายสมัครมา แต่สมัครก็คือสมัคร ปากแกห้ามไม่ได้คือ ปากคุมสมอง เลยออกมาว่า พล.อ.เปรม เวลานี้ทักษิณก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ดังนั้น การเมืองไทยเวลานี้ก็ยังน้ำเน่าเหมือนเดิม บางคนถึงกับพูดว่า หากคนเพียง 3-4 คน หายไปจากวงการเมือง แผ่นดินก็จะสูงขึ้น ส่วนจะหายไปเองหรือมีคนช่วยให้หายไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
นักการเมืองบางคนก็น่าสงสารเพราะเล่นการเมือง เพราะความอยาก เช่น อยากได้สายสะพายมาใส่ถ่ายรูป เป็นต้น บางคนพอไปคุมรัฐวิสาหกิจก็เรียกคนมาถามว่ามีโครงการอะไรบ้าง
ผมเคยได้ยินนักการเมืองคนหนึ่งแนะนำนักการเมืองอีกคนให้ไปคุมรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ ด้วยคำพูดที่ว่า “มึงอยากแดกหูฉลามหรืออยากแดกกะเพาะปลา” แปลว่าให้เลือกรัฐวิสาหกิจที่หาเงินได้มากๆ
แล้วอย่างนี้เราจะมีประชาธิปไตยกันไปทำไม การเป็นประชาธิปไตยโดยให้ประชาชน ชุมชนมีส่วนร่วมโดยตรงจะดีกว่าการให้คนมาสูบเลือดแผ่นดินไปหรือไม่ กล่าวอีกทางหนึ่งก็คือ ให้มีการเลือกตั้งเฉพาะระดับท้องถิ่น เพราะหากโกงประชาชนก็จะเห็นได้ง่าย แต่ระดับชาติใช้วิธีการอื่นจะได้หรือไม่ ผมว่าเป็นไปได้ยาก เพราะเวลานี้เรากลัวฝรั่งจะไม่คบหา ก็ต้องทนกันต่อไป จนกว่านักการเมืองที่ว่านี้จะล้มหายตายจากไปก่อน การเมืองไทยจึงจะดีขึ้น ส่วนการหวังให้มีรัฐธรรมนูญที่ดีแล้วการเมืองจะดีเห็นทีจะยาก เพราะสันดานคนมันเปลี่ยนยาก