xs
xsm
sm
md
lg

"หมัก"ลั่นแก้ รธน.ก่อนพ้นเก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมัคร" เผยงานชิ้นแรกผลักดันระบบขนส่งมวลชน ชี้บีทีเอสต้องขยายให้ได้ 100 กิโลเมตร เร่งสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย 9 แฉกภายใน 3 ปี กู้เงินออมประชาชน 5 แสนล้าน ดอกเบี้ย 5% พร้อมขุดอุโมงส่งน้ำไฮโดรชิลจากแม่น้ำโขงให้ชาวอีสานใช้ บอกผ่านสื่อ ถ้า "สุรยทธ์" อยากคุยก็ให้นัดมา ลั่นจะแก้ไข รธน.ก่อนพ้นเก้าอี้นายกฯ 3 เดือน ครป.ตั้งฉายารัฐบาลสมัคร 1 เป็น ครม.หลงทำเนียบฯ เตือน 5 เดือนแก้ปัญหาไม่ได้เจอม็อบแน่ พร้อมแนะให้ดู 10 บทเรียนรัฐบาลทักษิณ เป็นอุทาหรณ์

วานนี้ (3 ม.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักในซอยนวมินทร์ 81 ทำก๋วยเตี๋ยวแขก ตือฮวน ฯลฯ พร้อมแจกหนังสือ สมัคร 60 ให้กับสื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาล และพรรคพลังประชาชน เพื่อเป็นการขอโทษที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นจนสื่อไทยตกข่าวเรื่องการจัดโผครม. พร้อมกับเปิดใจเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที

นายสมัครให้สัมภาษณ์ว่า งานชิ้นแรกที่จะดำเนินการหลังเป็นนายกรัฐมนตรีคือ ระบบการขนส่งมวลชน ในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด โดยจะขยายรถไฟแบบรางคู่ ทั้งนี้ในส่วนของรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินในกทม.นั้นตนก็จะดำเนินการขยายเส้นทางต่อทันที ซึ่งในพื้นที่ กทม.ชั้นในจะเน้นรถไฟใต้ดิน ส่วนรอบนอกนั้นจะใช้รถไฟลอยฟ้าแทน

"ที่ผ่านมาบีทีเอส ขาดทุนตลอด เพราะเขามีแค่ 23 กิโลเมตร ถ้ารัฐทำเอง ไม่อยากให้ขาดทุนต้องขยายให้ได้มากถึง 100 กิโลเมตร ขยาย 3 ทิศๆ ละ30 กิโลเมตรถึงจะได้กำไร ซึ่งขณะนี้บีทีเอสเป็นหนี้อยู่ร้อยละ 89 ของมูลค่าหุ้น ฉะนั้นหากรัฐบาลจะใช้สัมปทานนี้แทนก็ใช่หนี้เสีย และหากจะขยายก็ต่อหางออกไป ไม่ต้องไปขุดใหม่"

นายสมัครยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งผลักดันขยายเส้นทางรถไฟ 9 สาย 9 แฉกได้ภายใน 3 ปี โดยใช้วงเงินประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะกู้จากเงินออมของประชาชนในประเทศ โดยรัฐจะให้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 จากนั้นจะนำเงินดังกล่าว ไปแลกเงินดอลลาร์เพื่อซื้อของในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าในขณะนี้ ทั้งนี้ตนจะหารือเรื่องดังกล่าวกับนายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกระทรวงคมนาคมต่อไป

**ขุดอุโมงส่งน้ำลงพื้นที่อีสาน

นอกจากนี้จะสร้างระบบขนส่งน้ำจากแม่น้ำโขงเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคอีสานทั้ง 19 จังหวัด โดยจะใช้วิธีขุดอุโมงส่งน้ำด้วย ไฮโดรชิล เครื่องมือที่ใช้ขุดอุโมงรถไฟใต้ดิน ลึกประมาณ 25 เมตรขนานไปกับถนนมิตรภาพ ซึ่งวิธีการเช่นนี้ตนได้มาจากการไปดูงานที่ประเทศอิสราเอล เมื่อปี 2520 และเรื่องนี้ถือเป็นความฝันของตนถ้าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็คงจะไม่เกิดขึ้น

"ต้องคิดทำเสีย ถ้าสร้างระบบน้ำก็ไม่ต้องไปสูบมาจากแม่น้ำโขง ที่ต้องใช้ไฟฟ้า เรื่องนี้ผมได้คุยกับ ส.ส.ในพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำโขงบางส่วนแล้ว เช่น ส.ส.เลย ส.ส.อุดรธานี และส.ส.หนองบัวลำภู ซึ่งแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสากล พื้นที่ประเทศไทย ติดกับแม่น้ำโขงประมาณ 700 กิโลเมตร เมื่อคำนวนแล้วเราสามารถใช้น้ำโขงได้ 3,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน"

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ เพราะอาจจะมีเอ็นจีโอออกมาคัดค้าน นายสมัคร ย้อนถามว่า เอ็นจีโอจะแก้ปัญหาได้หรือ ออกก็ออกมาสิ ดัดจริตพวกนี้ เอ็นจีโอเป็นพ่อคนทั้งเมืองหรืออย่างไร

**วิจารณ์ รมต.เพื่อให้รู้ว่าทักท้วงแล้ว

นายสมัครกล่าวถึงความคืบหน้าในการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นทูลเกล้าฯว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้บอก ไม่ใช่ให้ตนมาบอกที่นี่ อย่างไรก็ตามข้อร้องวันนี้อย่าถามเรื่องนี้

นายสมัครกล่าวว่า หลังจากไปวิพากษ์วิจารณ์คณะรัฐมนตรี ก็เลยถูกพรรคพวกกันบ่นว่าไปพูดทำไม ตนก็บอกไปว่าเขาจะได้รู้ว่าเราเป็นอย่างนี้ ขอแล้วให้เปลี่ยนเมื่อไม่ให้เราก็ต้องยอมเขา แต่ต้องการให้รู้ว่เราทักแล้ว อย่างไรก็ตามคนที่เตือนไม่ใช่คนในพรรคพลังประชาชน

"เมื่อวานหลุดไปไปวิพากษ์วิจารณ์เขาเลยโดนบ่น เราคุยโดยสัญชาตญาณของเรา เราแก้ไขไม่ได้เราก็บ่นไป แม้แก้ไขอะไรไม่ได้ก็บ่น แต่สุดท้ายก็ยอมเขาไป ยอมไปก็แปลว่าไม่ควรก็โดนตำหนิกลับมาว่าพูดทำไม วันนี้ก็ไม่พูด"

นายสมัครกล่าวว่า เขามีอาชีพเป็นพยาบาลแล้วมาเป็น รมช.คลัง เมื่อท้วงไปทางพรรคนั้นก็บอกว่าจะเอาอย่างนี้ แล้วตนไม่ยอม โดยบอกว่าคนอื่นไม่รู้จักรก็ข่างเถอะ แต่เราเป็นนายกรัฐมนตรี โผล่ออกมาอย่างนี้ก็เสียเหลื่ยมเราเหมือนกัน จึงได้ทักท้วงไปแต่ที่สุดตนก็ต้องยอมเขา

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าตกลงนำรายชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง นายสมัคร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า บอกแล้วว่าไม่พูดแล้วจะถามทำไม เป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่ใช่หน้าที่ตน ส่วนการทำงานในทำเนียบฯนั้น คงต้องรอให้โปรดเกล้าฯ ครม.ก่อน แล้วไปถวายสัตย์ปฏิญาณถึงจะประชุม ครม. จากนั้นก็จะแถลงนโยบายรัฐบาล จึงจะเริ่มทำงานได้

**บอก "สุรยทธ์" ถ้าอยากคุยก็นัดมา

ส่วนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอพบเพื่อส่งมอบงาน ได้มีการคุยหรือยัง นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่ได้นัดกัน แต่ถ้าคุยก็คุยได้ไม่มีปัญหา เพราะขนาดกับ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รักษาการ รมว.กลาโหม ยังคุยกัน แล้วทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ถึงจะคุยไม่ได้ ถ้าพล.อ.สุรยุทธ์อยากจะคุยก็ขอให้นัดมาไม่มีปัญหา แต่คิดว่าคนที่มีปัญหาน่าจะมาคุยกัน ต่อข้อถามว่ามีอะไรที่จะสอบถามหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ต้องถาม เพราะได้เห็นเอกสารที่ท่านสั่งเสียแล้ว แต่ยังไม่ถึงวาระที่จะต้องอ่าน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ใน 1 สัปดาห์จะมีการแถลงข่าวหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า กำลังดูอยู่ว่าจะให้สัมภาษณ์กี่ครั้ง เพราะอาทิตย์ละครั้งก็จะโดนด่า เมื่อถามว่าจะเป็นเหมือนนายกฯพบสื่อใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า พบสื่อก็พบวันอังคารในการประชุมครม.ก็หมดเรื่อง แม้จะมีการประชุมครม.ก็สามารถคุยเรื่องอื่นได้ เพราะในส่วนของผลการประชุมก็เป็นหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลจะเป็นผู้เแถลง

ผู้สื่อข่าวถามว่านักข่าวเยอะแบบนี้แตกต่างจากการเป็นรองนายกหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า "มาถามแบบอนุพงษ์ (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.) นักข่าวไปถาม ผบ.ทบ.ว่ารำคาญไหม เวลาที่นักการเมืองเอาทหารไปพูดจาพาดพิงทหาร คุณอนุพงษ์บอกว่าไม่รำคาญ เพราะผมต้องการให้คุณถามแบบนี้มากกว่า"

**จะแก้ รธน.ก่อนพ้นหน้าที่ 3 เดือน

สำหรับเรื่องของแก้รัฐธรรมนูญ นายสมัคร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่เขาทำขึ้นมาก็เพื่อกีดกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อะไรที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไว้ก็จะสกัดกั้นไม่ให้ทำ อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สำคัญต้องแก้รวดเดียว ซึ่งในการแก้จะแก้เมื่ออีก 3 เดือนเขาจะไปกันแล้วเขาถึงจะแก้ไข เพราะถ้าแก้ทันทีเดี๋ยวจะต้องกลับไปสู่สนามรบอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่า ครม.เองก็ตั้งเป้าว่าจะทำงานยาว ไม่ต้องมานั่งปรับ ครม. นายสมัคร กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าอย่าไปคิดอะไรในเรื่องนั้น เพราะเรื่องนั้นไปคิดก็เมื่อเลือกตั้งกันใหม่ ก็ต้องบอกไว้เลยว่าจะครบวาระอีก 3 เดือนก็เอาเสียเลย หรือถ้า 3 ปี เกิดเบื่อกันก็แก้ทันที

ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าฝ่ายค้านเขาก็อยากจะให้แก้รัฐธรรมนูญ นายสมัคร กล่าวว่า "อ๋อ อยากสิ ฝ่ายค้านเขาอยากแน่นอน เขาอยากจะเลือกตั้งใหม่ อยากตัวสั่นเลยน่ะ แต่การจะแก้รัฐธรรมนูญก็ต้องเลือกตั้งใหม่มันถึงจะยุติธรรมกับเราทุกคน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลนี้จะแก้ปัญหาอะไรต่างๆได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า มันก็ไปของมันเรื่อยๆ เพราะขนาด 16 เดือนที่ผ่านมาตนถามว่าแก้อะไรได้ขนาดไหน และเขาอาจจะไม่คิดแก้เลย แต่เราคิด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองไปข้างหน้าแล้วเจอปัญหาอุปสรรคอะไรในการทำงานหรือยัง นายสมัคร กล่าวว่า เราก็รู้ว่าการบริหารบ้านเมืองก็เหมือนกับขับรถ ถ้าเรารู้ว่าถนนไม่ค่อยจะดีอยู่ข้างหน้าเท่านั้นเอง ก็เหมือนกับว่าเรามาขับรถในถนนขรุขระ

**โยนทหาร-ตำรวจรับผิดชอบเรื่องใต้

นายสมัคร กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จะคุยกับทหารเขา เพราะทหาร ตำรวจดูแลอยู่ไม่ใช่หน้าที่ของตน อย่างไรก็ตามก็ต้องไปถามว่าเขาทำอะไรกันไว้อย่างไร เราก็ช่วยเขาคิดไปคิดนำได้ยังไง เขาก็จะบอกว่าไอ้บ้าไม่เคยโผล่ไปดูแล้วมารู้ได้อย่างไร เมื่อถามว่าจะเป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาเองหรือจะให้ทางทหารจัดการ นายสมัคร กล่าวว่า เขามีหน้าที่ดูแลกันอยู่หรือจะให้ตนถือปืนไปไล่ยิงกับเขาหรือ เมื่อถามว่าจะลงไปในพื้นที่บ้างหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่าจะลงไปแต่ตนจะไม่บอกใครก่อนล่วงหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปหรือไม่หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคอยมีสื่อมวลชนคอยติดตามด้วย นายสมัคร กล่าวว่า เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเช้านี้ ที่ไปร่วมงานวันทหารผ่านศึก จากไม่เคยใส่หมวกต้องใส่หมวก เพราะเป็นข้าราชการต้องใส่หมวก

"แต่สิ่งที่เราดีใจเมื่อเช้านี้แต่ว่าห้ามไม่ให้เป็นข่าวที่ว่า ทหารผ่านศึก เขาอยู่ในเต็นท์ เราเดินเข้าไป คนที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้เขาบอกว่า ส่วนมากนายกรัฐมนตรี เข้าไปก็ต้องไปตามคิวที่เขาวางไว้ให้ เสร็จเรียบร้อยถึงกลับมาทักทหารผ่านศึก เราก็บอกว่าเราขอเข้าไปก่อนเวลา 10 นาที ก็เข้าไปทักก็ได้รู้ว่า ทหารผ่านศึกเป็นแฟนเราเยอะ เป่าปากวี๊ดวิ๊ว ไชโยโห่หิ้วกันใหญ่"

ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วทหารส่วนอื่นเป็นแฟนด้วยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เขามีระเบียบวินัย เขายังรับราชการอยู่ แต่พวกนั้นเขาไม่ได้รับราชการแล้วเขาก็ตามสบาย

**ครป.ตั้งฉายา ครม.หลงทำเนียบฯ

ที่สำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) วานนี้ (3 ม.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป. แถลงการตั้งฉายาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ตนขอเรียกรัฐบาลนี้ว่า ครม.หลงทำเนียบ เพราะเห็นว่าตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล นายสมัคร ส่วนใหญ่เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ยังเป็นนอมินีของหัวหน้ามุ้งต่างๆ ในพรรคไทยรักไทยเดิม ทำให้อำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในรัฐบาลชุดนี้จะอยู่นอกทำเนียบรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ ทั้งจากภายในประเทศและนอกประเทศ ไม่ใช่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลเหมือนกับ ครม.ชุดอื่นอย่างในอดีต

"ครป.เห็นว่า รัฐมนตรีหลายๆ คนอาจจะต้องคอยรับคำสั่งหรือนโยบาย กระทั่งการตัดสินใจในแต่ละเรื่องจากผู้มีอำนาจตัวจริง จนอาจทำให้รัฐมนตรีไม่รู้ว่า ตกลงทำเนียบรัฐบาลนั้นอยู่ที่แห่งใดกันแน่"

นายสุริยะใส กล่าวว่า ถ้าวิเคราะห์ภาพรวมของคณะรัฐมนตรี รัฐบาลชุดสมัคร 1 จะสั้นกว่ารัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีสาเหตุจากปัญหาของประเทศถูกหมักหมมไว้นาน อีกส่วนหนึ่งเริ่มปะทุขึ้นจากนโยบายหลายอย่างของรัฐบาลในอดีต หากภายใน 3 - 5 เดือนไม่มีสัญญาณการแก้ไขปัญหาประเทศที่ดีพอจะเกิดการเคลื่อนไหวจากลุ่มมวลชน โดยเฉพาะต้องจับตากลุ่มพลังมวลชน 4 กลุ่ม ที่อาจออกมาเรียกร้องเคลื่อนไหว

นายสุริยะใส กล่าวว่า กลุ่มมวลชน 4 กลุ่ม ที่จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาคือ 1.ม็อบเกษตรกรคนยากคนจน ที่เป็นปัญหาของคนจน ที่เป็นคนระดับรากหญ้า เป็นปัญหาสำคัญและส่งผลต่อเสถียรภาพของทุกรัฐบาลมาแล้วในอดีต 2.ม็อบกรรมกรผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากปัญหาค่าจ้างและสวัสดิการที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าอัตราค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และภาวะเข้ายากหมากแพงในปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยให้เกิดการเคลื่อนไหวของกรรมกร ผู้ใช้แรงงานได้ตลอดเวลา

3.ม็อบชนชั้นกลาง หรือ ม็อบสีลม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์หรือหนี้ด้อยคุณภาพจากสหรัฐ และการหดตัวของเศรษฐกิจโลก จนอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ภายในประเทศ 4.ม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในอดีต แม้สลายตัวไปแล้วแต่ก็ยังเฝ้าติตดามการทำงานของรัฐบาลนอมินี หากพบว่ารัฐบาลชุดนี้มีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ออกกฎหมายนิรโทษกรรรม หรือ ฟอกผิด พ.ต.ท.ทักษิณ มวลชนกลุ่มนี้ก็มีโอกาส ออกมาเคลื่อนไหว

นายสุริยะใส กล่าวว่า ถึงแม้ว่านายสมัคร พยายามหาคนนอกมาเป็น ครม. แต่ไม่มีใครมานั้น ตนมองว่าเป็นการพูดโกหก เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะนายสมัครไม่มีอำนาจใดๆ ในการจัด ครม. เนื่องจากมีมุ้ง มีกลุ่มในพรรค แล้วที่ระบุว่า สลับได้ 12 ตำแหน่ง แค่เป็นการสลับไม่ได้ตัดทิ้ง แต่เป็นแค่สลับตำแหน่ง ตนเป็นห่วง เรื่องการพูดจาของผู้นำ และรัฐมนตรีบางคน การบริหารประเทศและการพูดจาของผู้นำ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่าพูดจาก้าวร้าว เพราะอาจจะตายน้ำตื้นได้ เชื่อว่านายสมัครจะปรับตัว มิฉะนั้นจะไม่มีการแก้ตัวอีก

**แนะนำ 10 บทเรียนเก่าเป็นอุทาหรณ์

นายสุริยะใส เตือนด้วยว่ารัฐบาลชุดใหม่ ต้องถือเอา บทเรียนในอดีต มาเป็นอุทาหรณ์เตือนสติเพื่อให้การบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ครป.ขอยกบทเรียนที่เกิดจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 10 ประการ ที่นำมาสู่วิกฤติการณ์ทางการเมืองและความแตกแยกในสังคม ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ควรระมัดระวังและยกมาเป็นบทเรียน ในการใช้อำจนาจ คือ 1.การคอรัปชั่นทางนโยบาย ผู้นำประเทศที่กุมอำนาจรัฐ ใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ผลักดันและกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ การเมือง เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน คอร์รัปชั่น

2.ทำลายกลไกกระบวนการตรวจสอบ ตั้งแต่การแทรกแซงระบบรัฐสภา ให้กลายเป็น สภาทาส มีหน้าที่เพียงคอยผ่านกฎหมายสร้างความชอบธรรม ให้ฝ่ายบริหาร เท่านั้น แต่เป็นการแทรกแซง องค์กรอิสระ 3.แทรกแซงสื่อมวลชน อาศัยอำนาจรัฐ และอำนาจทุน ต่อรอง กดดัน คุกคาม สื่อมวลชน 4.อุ้มฆ่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดครั้งสำคัญ ด้วยนโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน สั่งอุ้มฆ่า อดีตแกนนำแบ่งแยกดินดินแดน และทนายสมชาย นีละไพจิตร ทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้เกิดความ คับแค้นและต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ จุดชนวนความรุนแรงให้ปัญหาจังหวัดชายแดน

5.ฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ การประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติดโดย ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดย์ (ศตส.) 6.ขายรัฐวิสาหกิจ โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการปฏิรูปองค์กรรัฐวิสาหกิจ และพัฒนาศักยภาพและคุณภาพในการให้บริการ แก่ประชาชน ทั้งที่ข้อเท็จจริงนั้นต้องการนำรัฐวิสาหกิจ เข้าไปกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าโดยรวมของตลาดหุ้น และทำให้มูลค่าหุ้น ของกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองได้ประโยชน์

7.ดำเนินนโยบายเดินตามทุนนิยมโลกาภิวัตน์อย่างสุดโต่ง โดยเฉพาะ นโยบายการค้าเสรีที่ไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมกับคนยากคนจน การค้าเสรี จึงปราศจากความเป็นธรรมมีเพียงกลุ่มทุนบริวารบรรษัทข้ามชาติและ กลุ่มทุนการเมืองเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าหรือเอฟทีเอ

8.สร้างความแตกแยกทางสังคม ผู้นำที่ประกาศช่วยเหลือสนับสนุน เฉพาะกลุ่มพวกพ้อง หรือฐานเสียงของตัวเอง แล้วผลักประชาชนที่มีความเห็นต่างกลายเป็น ฝ่ายตรงข้าม 9.สร้างนโยบายประชานิยมแบบฉาบฉวย หรือการติดสิน บนทางนโยบาย โดยการอาศัยการตลาดนำการเมือง ผลักดันนโยบายต่างๆ เพียงหวังซื้อใจประชาชนรากหญ้า โดยขาดกระบวนการปฏิบัติที่รัดกุมรอบคอบ และ 10.วิกฤติจริยธรรม ผู้นำประเทศที่เริ่มจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อรักษาประโยชน์ตัวเองเอารัดเอาเปรียบรัฐ.
กำลังโหลดความคิดเห็น