ผู้จัดการรายวัน - คลังไม่ยอมหลงกล ปตท.หลังถูกลักไก่นำฐานรายได้และกำลังการผลิตไปให้กรมธนารักษ์คิดค่าเช่าท่อก๊าซ ล่าสุดไม่ได้สรุปตัวเลข เพราะยังขาดความชัดเจน "ฉลองภพ" ยันจะให้ความเป็นธรรมและสรุปภายใน 2 สัปดาห์ ฉะ ปตท.ใช้ตัวเลขรายได้ปี 44 เป็นฐานและบวกเพิ่ม 3% ทุกปี ตลอดสัญญา 30 ปี ไม่สะท้อนอนาคตอย่างแท้จริง
นายฉลองภพ สุสังกรกาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมาได้เชิญตัวแทนของบมจ.ปตท. มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ทั้งหมด เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการคิดอัตราค่าเช่าจากรายได้ค่าผานท่อให้มีความเหมาะสม ถูกต้อง และเป็นธรรมมากที่สุด โดยตนได้มอบหมายแนวคิดในการจัดเก็บค่าเช่าตามรายได้ที่แท้จริงให้คณะทำงานไปแล้ว และคาดว่าจะสามารถสรุปตัวแลขตามแนวคิดดังกล่าวได้ทันตามกำหนดที่ได้รับมอบหมายมาจากคณะรัฐมนตรี ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
“ผมไม่ได้มีปัญหาว่าจะเก็บอัตรา 5% หรือเท่าไหร่ แต่แนวคิดที่ผมมอบให้คณะทำงานไปปรับ คือ การจะจัดเก็บค่าเช่าจากรายได้ค่าผ่านท่อในอัตราเท่าไหร่นั้นไม่สำคัญเท่า ฐานรายได้ที่ถูกต้อง และเป็นจริง ไม่ใช่ไปเอารายได้และกำลังการผลิตจากปี 2544 มาเป็นฐานและปรับเพิ่มขึ้นไปปีละเท่านั้นเท่านี้ จะต้องเริ่มจากการกำหนดว่าจะจัดเก็บในอัตราเท่าไหร่จากรายได้ในแต่ละปีที่เป็นจริง ซึ่งรายได้ในแต่ละปีสามารถผันแปรขึ้นลงได้ตามปริมาณการผ่านท่อ ไม่ใช่ไปกำหนดตายตัว”
นายฉลองภพกล่าวว่า การวางหลักการที่รายได้ที่แท้จริงในแต่ละปี จะเป็นการให้ความเป็นธรรมกับ ปตท.ด้วย เพราะหากบางปีมีรายได้น้อยลง ปตท.ก็จะเสียค่าเช่าถูกลง ซึ่งจะต่างกับแนวคิดที่เสนอมาตอนแรกที่ใช้ราไยด้ปี 2544 เป็นฐาน และบวกเพิ่ม 3% ทุกปี ไปตลอดสัญญา 30 ปี ซี่งมันไม่สะท้อนสถานการณ์ในอนาคตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้รัฐเองก็ต้องคำนึงถึงการลงทุนของ ปตท.ในส่วนที่ได้มีการลงทุนในการขยายท่อไปด้วย โดยนำส่วนนั้นมาหักออกจากรายได้ ซึ่งหากใช้แนวคิดนี้ทุกอย่างก็จะออกมาเป็นธรรมกับทั้งฝ่ายรัฐ และ ปตท.เอง
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาการหาข้อสรุปการคิดอัตราค่าเช่าท่อก๊าซกับ ปตท.ออกไปอีก 2 สัปดาห์ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ก่อนกลับมาเสนอให้ที่ประชุมฯ อีกครั้ง เพื่อพิจารณาให้รอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้มากที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ยอมรับว่ายังขาดข้อมูลบางส่วน ซึ่งขณะนี้ได้ประสานกับ ปตท. ต่อไป เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลที่ใช้ในคำนวณแล้ว ได้แก่ ตัวเลขรายได้ต่อปีที่ ปตท.ประมาณการไว้ และค่าใช้จ่ายที่นำมาหัก ก่อนการคำนวณผลตอบแทนการลงทุน เนื่องจาก ปตท. เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายประเภทและยอดรายได้ที่ผ่านการรับรองจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นยอดรายได้รวม ดังนั้น จึงต้องแยกคำนวณรายได้เฉพาะท่อส่งก๊าซให้ชัดเจน
ไม่ปรับลดภาษีน้ำมัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมัน ตามที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงานเสนอ เนื่องจากเห็นว่าแนวทางดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และจะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจได้
“เรื่องราคาน้ำมันนั้นเป็นเรื่องของนักเก็งกำไรที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นไป โดยเลยระดับจิตวิทยาที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และก็กลับมาเล็กน้อย หากเราไปใช้วิธีพยุงราคาเช่นเดิม ก็จะเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้การนำเข้าพลังงานไม่ลดลงเหมือนในอดีต ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูก สิ่งที่ควรจะทำคือการสนับสนุนให้ใช้พลังงานทางเลือก และการประหยัดมากกว่า “นายฉลองภพกล่าว.
นายฉลองภพ สุสังกรกาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมาได้เชิญตัวแทนของบมจ.ปตท. มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ทั้งหมด เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการคิดอัตราค่าเช่าจากรายได้ค่าผานท่อให้มีความเหมาะสม ถูกต้อง และเป็นธรรมมากที่สุด โดยตนได้มอบหมายแนวคิดในการจัดเก็บค่าเช่าตามรายได้ที่แท้จริงให้คณะทำงานไปแล้ว และคาดว่าจะสามารถสรุปตัวแลขตามแนวคิดดังกล่าวได้ทันตามกำหนดที่ได้รับมอบหมายมาจากคณะรัฐมนตรี ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
“ผมไม่ได้มีปัญหาว่าจะเก็บอัตรา 5% หรือเท่าไหร่ แต่แนวคิดที่ผมมอบให้คณะทำงานไปปรับ คือ การจะจัดเก็บค่าเช่าจากรายได้ค่าผ่านท่อในอัตราเท่าไหร่นั้นไม่สำคัญเท่า ฐานรายได้ที่ถูกต้อง และเป็นจริง ไม่ใช่ไปเอารายได้และกำลังการผลิตจากปี 2544 มาเป็นฐานและปรับเพิ่มขึ้นไปปีละเท่านั้นเท่านี้ จะต้องเริ่มจากการกำหนดว่าจะจัดเก็บในอัตราเท่าไหร่จากรายได้ในแต่ละปีที่เป็นจริง ซึ่งรายได้ในแต่ละปีสามารถผันแปรขึ้นลงได้ตามปริมาณการผ่านท่อ ไม่ใช่ไปกำหนดตายตัว”
นายฉลองภพกล่าวว่า การวางหลักการที่รายได้ที่แท้จริงในแต่ละปี จะเป็นการให้ความเป็นธรรมกับ ปตท.ด้วย เพราะหากบางปีมีรายได้น้อยลง ปตท.ก็จะเสียค่าเช่าถูกลง ซึ่งจะต่างกับแนวคิดที่เสนอมาตอนแรกที่ใช้ราไยด้ปี 2544 เป็นฐาน และบวกเพิ่ม 3% ทุกปี ไปตลอดสัญญา 30 ปี ซี่งมันไม่สะท้อนสถานการณ์ในอนาคตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้รัฐเองก็ต้องคำนึงถึงการลงทุนของ ปตท.ในส่วนที่ได้มีการลงทุนในการขยายท่อไปด้วย โดยนำส่วนนั้นมาหักออกจากรายได้ ซึ่งหากใช้แนวคิดนี้ทุกอย่างก็จะออกมาเป็นธรรมกับทั้งฝ่ายรัฐ และ ปตท.เอง
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาการหาข้อสรุปการคิดอัตราค่าเช่าท่อก๊าซกับ ปตท.ออกไปอีก 2 สัปดาห์ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ก่อนกลับมาเสนอให้ที่ประชุมฯ อีกครั้ง เพื่อพิจารณาให้รอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้มากที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ยอมรับว่ายังขาดข้อมูลบางส่วน ซึ่งขณะนี้ได้ประสานกับ ปตท. ต่อไป เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลที่ใช้ในคำนวณแล้ว ได้แก่ ตัวเลขรายได้ต่อปีที่ ปตท.ประมาณการไว้ และค่าใช้จ่ายที่นำมาหัก ก่อนการคำนวณผลตอบแทนการลงทุน เนื่องจาก ปตท. เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายประเภทและยอดรายได้ที่ผ่านการรับรองจาก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นยอดรายได้รวม ดังนั้น จึงต้องแยกคำนวณรายได้เฉพาะท่อส่งก๊าซให้ชัดเจน
ไม่ปรับลดภาษีน้ำมัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมัน ตามที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงานเสนอ เนื่องจากเห็นว่าแนวทางดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และจะก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจได้
“เรื่องราคาน้ำมันนั้นเป็นเรื่องของนักเก็งกำไรที่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นไป โดยเลยระดับจิตวิทยาที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และก็กลับมาเล็กน้อย หากเราไปใช้วิธีพยุงราคาเช่นเดิม ก็จะเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้การนำเข้าพลังงานไม่ลดลงเหมือนในอดีต ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูก สิ่งที่ควรจะทำคือการสนับสนุนให้ใช้พลังงานทางเลือก และการประหยัดมากกว่า “นายฉลองภพกล่าว.
