“นพดล” เสียงแข็ง “หญิงอ้อ”ไม่ได้กลับมาจัดทัพรัฐบาล และเจรจา “บรรหาร” เกี่ยวกับเก้าอี้นายกฯ ย้ำหลักการ “สมัคร” ต้องเป็นผู้นำประเทศ เตือน “ชท.-เพื่อแผ่นดิน” เลื่อนแถลงร่วมรัฐบาลสะท้อนความจริงใจ “กุเทพ” โวยถูกสกัด หวั่น “ยุทธ ตู้เย็น” ทำพิษเล็งพรรคเล็กเป็นนอมินีหากถูกยุบ ด้าน “อภิสิทธิ์” ปัดแอบฟอร์มรัฐบาลแข่ง แต่รอดูสถานการณ์พรรคการเมืองอื่น
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (10 ม.ค.) ถึงกระแสข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ เจรจาเรื่องร่วมรัฐบาลกับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ว่า การเดินทางกลับมาของคุณหญิงพจมานไม่ได้เดินทางมาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่เพื่อต้องการกลับมาต่อสู้คดีและภารกิจต่างๆ ที่ได้แถลงไปแล้ว รวมทั้งไม่ได้มาจัดโผ ครม. เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน เรื่องนี้อาจจะเป็นข่าวปล่อย เพื่อพยายามจะโยงว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการเจรจาต่อรองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับนายบรรหารนั้น นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่คุณหญิงพจมาน ไม่ได้เจรจาประเด็นนี้กับพรรคชาติไทยอย่างแน่นอน ผู้เจรจาเรื่องร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองต่างๆ ในส่วนของพรรคพลังประชาชนนั้น มีเพียง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และนายสมชาย วงาชนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โดยหลักการแล้ว ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพียงคนเดียว คงจะไม่ให้บุคคลอื่น ในพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่อาจจะส่ง
ผลถึงขั้นยุบพรรคนั้น นายนพดล กล่าวว่ากระแสข่าวดังกล่าวน่าจะมาจากกลุ่มคน ที่ไม่ยอมรับชัยชนะของพรรคพลังประชาชน ทั้งๆ ที่เป็นมติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แต่พรรคไม่หวั่นไหวและตามที่ฝ่ายกฎหมายดูรูปคดีจากที่ถูกกล่าวหาแล้ว เชื่อว่า นายยงยุทธจะชี้แจงได้ และจากการตรวจสอบข้อกฎหมายก็ไม่น่าจะโยงถึงพรรค อีกทั้งพรรคก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจาก กกต.
ส่วนพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินซึ่งเลื่อนการแถลงข่าวร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนไปเป็นวันที่ 17 ม.ค.นั้น นายนพดล กล่าวว่า แต่ละพรรคมีสิทธิ์ ที่จะตัดสินใจทิศทางทางการเมืองของตัวเอง พรรคพลังประชาชนไม่คิดที่จะไปก้าวก่าย แต่พฤติกรรมและการดำเนินการของแต่ละพรรคการเมืองจะเป็นตัวสะท้อนความจริงใจ และความจริงจังของพรรคการเมืองดังกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวว่า คุณหญิงพจมาน เปิดเซฟ์เฮ้าส์จัดโผครม.ว่า เป็นไปไม่ได้ที่คุณหญิงพจมานจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดโผ ครม. เหตุผลการเดินทางกลับประเทศของ คุณหญิงพจมานนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงแล้ว หากมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัดโผครม.จริง ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในประเทศ พิจารณากันที่ต่างประเทศก็ได้ ดังนั้นกระแสข่าวนี้มาจากผู้ที่ไม่หวังดีที่ต้องการปล่อยข่าว
***อ้างพปช.ถูกสกัดกั้นตลอด
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการพิจารณาคดีของ กกต.ว่า เป็นธรรมดาที่ช่วงนี้จะมีการร้องเรียนอยู่หลายกรณี เพราะตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ช่วง 1 เดือนหลังเลือกตั้งเป็นช่วงร้องเรียน ซึ่งหากเป็นภาวะปกติก็คงไม่กังวลอะไร แต่ถ้าในภาวะผิดปกติอาจมีการจัดการหรือการสกัดกั้นเป็นพิเศษ เพราะมีกระแสข่าวต่อเนื่องและการดำเนินคดีต่างๆ กับพรรคอย่างไม่สิ้นสุด ยิ่งเมื่อมีการเดินแผนสกัดกั้นโดยไม่ยุติ เราต้องตื่นตัวอยู่ตลอด จะประมาทไม่ได้ ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคก็พูดคุยกันตลอด
ส่วนกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า สิ่งที่ กกต.ออกมาพูดนั้น เป็นเพียงการอธิบายไปตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น หากมีความผิดก็จะต้องดำเนินการตามข้อกฎหมายกำหนด ไม่ได้เป็นการยืนยันว่ามีความผิด
***ไม่ห่วงชาติไทย-เพื่อแผ่นดินเปลี่ยนใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเลื่อนการประกาศจับขั้วการเมืองออกไป ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่กังวล เป็นเหตุผลของพรรคการเมือง ที่จะรอให้ผ่านพ้นช่วงไว้ทุกข์ไปก่อน แต่เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 พรรคจะไม่เปลี่ยนใจในการร่วมรัฐบาล และไม่เกี่ยวข้องกับคดีของนายยงยุทธ เพราะวันนี้ (11 ม.ค.) ก็จะทราบผลแล้ว
สำหรับการประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะความสับสนขณะนี้ส่วนหนึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามจะตั้งรัฐบาลขึ้นมาแข่ง การเมืองต้องให้ฝ่ายที่คะแนนมากกว่าจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเราเป็นพรรคประชาธิปัตย์เราจะประกาศเลยว่าจะเป็นฝ่ายค้านที่ดี และให้พรรคคู่แข่งเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
***ผวาถูกยุบเล็งพรรคเล็กเป็นนอมินี
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า กรณีที่กกต.พิจารณา การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีกระแสข่าวว่า นายยงยุทธอาจโดนใบแดงและส่งผลกระทบถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชน เพราะนายยงยุทธเป็นรองหัวหน้าพรรคด้วย ยอมรับว่า แกนนำและฝ่ายกฎหมายของพรรคกังวลใจเรื่องนี้ เพราะดูจากท่าทีของกกต.แล้ว คล้ายกับว่า นายยงยุทธจะโดนใบแดงอย่างแน่นอน อันจะส่งผลให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบ
ดังนั้น ขณะนี้แกนนำพรรคบางคนจึงเริ่มมองหาพรรคสำรองไว้แล้ว เพราะกฎหมายระบุว่า หากพรรคถูกยุบ ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งของพรรคนั้นๆ จะต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน ซึ่งพรรคที่บรรดาแกนนำมองไว้นั้นคือ พรรคทางเลือกใหม่ ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยเป็นหัวหน้าพรรค โดยจะมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้กับร.ต.อ.เฉลิม เพราะสถานภาพของร.ต.อ.เฉลิม ในพรรคพลังประชาชนนั้น ขณะนี้ร.ต.อ.เฉลิมเป็นเพียงสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็น กรรมการบริหารพรรค ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือพรรคประชากรไทยของนายสุมิตร สุนทรเวช น้องชายของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย
***“อภิสิทธิ์”รอดูท่าทีพรรคการเมืองอื่น
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงจุดยืนของ พรรคประชาธิปัตย์ต่อสถานการณ์ทางการเมืองว่า พรรคจะยึดตามกฎ กติกา มารยาททางการเมืองต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในระบบรัฐสภา และไม่อยากให้มีความสับสนเกิดขึ้น ซึ่งตามปกติเมื่อมีการเลือกตั้งหากไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากก็จะเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองไปรวบรวมเสียง ใครได้มากที่สุดก็มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล แต่ของประเทศไทยไทย ยังมีปัญหาว่า การเลือกตั้งจะต้องได้รวบถึงการรับรองว่าเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม โดยยึดเอาผลการเลือกตั้งหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว
ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงมารยาททางการเมือง แม้จะมีสิทธิ์รวบรวมเสียง แต่ก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดรวบรวมเสียงด้วยและที่ผ่านมาเราก็เปิดโอกาสให้ โดยไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม เราจะรอดูท่าทีของพรรคการเมืองต่างๆต่อไป
***ปัดแอบคุยพรรคการเมืองฟอร์มรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงจุดยื่นต่อการจัดตั้งรัฐบาลทีมีกระแสข่าวการรวมกันของสองพรรคใหญ่ โดยกล่าวว่า ไม่มีเรื่องนี้ แต่สิ่งที่อยากเห็น คือทุกอย่างเดินไปข้างหน้า ส่วนใครจะเป็นรัฐบาลยังมีเวลารอ ทุกฝ่ายควรมุ่งมั่นเพื่อทำให้ระบบรัฐสภาเดินหน้าต่อไป และพรรคประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนให้เป็นไปตามกติกา ส่วนเรื่องอื่นหากพูดไปอาจจะกลายเป็นเงื่อนไขตอบโต้กันไปมา การรออกมาพูดตอนนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นการสร้างเงื่อนไข
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการรวมกันตามกระแสข่าวจะเป็นการทรยศต่อประชาชน หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดอะไร เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมขึ้น แต่จุดยืนของพรรคชัดเจน
“ยังไม่มีข้อเสนออะไรทั้งสิ้น เพราะช่วงนี้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้รวบรวม เสียงข้างมาก เดิมทีบอกว่าจะแถลงข่าววันที่ 4 มค แต่เราเข้าใจว่ามีกรณีสมเด็จพระพี่นางเธอฯสิ้นพระชน เวลาก็เลื่อนออกไป ซึ่งเราก็เข้าใจ ว่าจะเป็นช่วงที่เขากำลังดำเนินการอยู่ และในส่วนของพรรคการเมืองอื่นๆ ก็ขอเวลาไปแสดงท่าที่7-8 วันก่อน เราก็ต้องฟังตรงนั้น หลังจากนี้ไป หากจะมีความเห็นทางเมืองก็จะพยายามพูดในประเด็นที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกัน เพื่อให้เกิดความสบสายใจว่าทุกพรรคการเมือง เดินหน้าสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย และความจำเป็นที่ต้องเร่งมีรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชน”
***“เชษฐา”ห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจ
พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าแสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีที่นายพิจิตต รัตกุล ลาออกจากสมาชิกพรรครวมใจไทยฯ เนื่องจากไม่พอใจที่พรรคไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า ไม่ใช่ เพราะการเข้า-ออก การเปลี่ยน เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการให้ใบเหลือง-ใบแดงจะทำให้สถานการณ์ทางการเมือง เปลี่ยนไปหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่เป็นไร หากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดก็ต้องรับผิด จะให้ใบเหลืองหรือใบแดงคิดว่าไม่มีปัญหา แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในกระบวนการประชาธิปไตยหรือระเบียบข้อบังคับ อย่าออกนอกแนวทางนี้ ซึ่งต้องขอให้กกต.เดินไปตาม ขั้นตอนจะได้ไม่มีปัญหา ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก เมื่อถามว่าหากมีใบเหลือง-ใบแดงกันมากทางพรรคจะพิจารณาเข้าร่วมรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะยังไม่แน่นอน ขอให้ใจเย็น ๆ
ส่วนกระแสข่าวยุบพรรคพลังประชาชนจะมีผลหรือไม่นั้น พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า เป็นเพียงกระแสเท่านั้น ทุกอย่างยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ ก็ไม่ทราบว่าจะมีอะไรหรือไม่ แต่ขอย้ำว่าถ้าทุกอย่างดำเนินไปในกระบวนการประชาธิปไตยคงไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องการตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา ใครได้มากก็จัดก่อน จัดได้ก็จัดไป ถ้าจัดไม่ได้ก็ให้พรรคอันดับรองลงมาจัด
“ผมเป็นห่วงบ้านเมืองถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าเศรษฐกิจเราแย่ และหนักลงทุกขณะนี้บรรดาพ่อค้า นักอุตสาหกรรมก็บ่นกันแล้ว ซึ่งทุกอย่าง ต้องเดินไปตามขั้นตอนอย่าช้า”
***“บรรหาร”ให้ครบ15วันจึงพูด
สำหรับบรรยากาศของพรรคชาติไทย วันเดียวกันบรรยากาศเป็นไปด้วยความ เงียบเหงา หลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยประกาศหยุดเคลื่อนไหวและงดกิจกรรมทางการเมืองเป็นเวลา 15 วันเพื่อถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ยังคงมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย นายเกษม สรศักดิ์เกษม ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรคชาติไทย และทีมกฎหมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของพรรค เข้ามาทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายบรรหาร ได้เดินทางเข้าพรรค เพื่อเซ็นต์หนังสือตามปกติ โดยนายบรรหารยังคงมีอารมณ์ดี สีหน้ายิ้มแย้ม และกล่าวทักทายกับบรรดาผู้สื่อข่าว ว่า “ไม่มีงานทำกันหรือ” ซึ่งผู้สื่อข่าวได้กล่าวตอบว่า ไม่มีข่าวส่งเพราะหัวหน้าพรรคชาติไทยไม่ให้ข่าว นายบรรหารได้กล่าวปนยิ้ม ว่า “รอให้ครบ 15 วันก่อนสิ” ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับออกจากที่ทำการพรรคนายบรรหารยังได้เดินมาเปิดประตูห้องพักสื่อมวลชนภายในพรรคชาติไทยเพื่อทักทายอย่างเป็นกันเองกับบรรดาผู้สื่อข่าวอีกด้วย
***“สุวิทย์”ปฎิเสธได้นั่งเก้าอี้รองนายกฯ
ด้านพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รวบรวมข้อเสนอความคิดเห็นจาก ส.ส.ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เพื่อนำมาประเมินแล้วนำมากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยทางพรรคจะจัดทำเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการทางการเมืองต่อไป ส่วนกระแสที่ระบุว่าตน ได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ข่าวลือนี้มีได้ทุกวันเป็นธรรมดา
นายสุวิทย์ยังกล่าวถึงกรณีที่การเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 17 ม.ค.ที่จ.บุรีรัมย์ว่า ตนยังมีความมั่นใจในกระบวนการการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ที่จะเป็นไปตาม กฎกติกามารยาท ที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครของพรรค ส่วนจะมีความกดดันต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือไม่ คิดว่าทางกกต.คงสามารถจัดการได้เรียบร้อย
ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ควรจับมือกันเป็นรัฐบาล และให้พรรคเล็กเป็นฝ่ายค้านนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่านายเสนาะคิดอะไรอยู่
ด้านนายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวในกรณีเดียวกันว่า เป็นสิทธิของท่านที่สามารถคิดเช่นนั้นได้ แต่ในส่วนของ พรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว พรรคเราเป็นพรรคขนาดกลาง คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องหรือบังคับก้าวก่ายใคร ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลนั้นก็เป็นสิทธิของพรรคใหญ่ที่ได้ ส.ส.ข้างมาก เป็นผู้จัดการ อย่างไรก็ตามพรรคมีจุดยืนและมีความพร้อมที่จะเป็นฝ่ายไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
***พผ.ห่วงพปช.เทคะแนนให้ประชาราช
นายโสภณ เพรชสว่าง ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึง การเตรียมการลงแข่งขันการเลือกตั้งซ่อมว่า ได้เตรียมตัวในการลงพื้นที่เพื่อเตรียม เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 17 ม.ค.อย่างไม่หยุด ซึ่งตนอยากให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค ลงไปช่วยหาเสียงในพื้นที่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าหัวหน้าพรรคจะว่างหรือไม่ ซึ่งตนมีความเป็นห่วงประชาชนที่มีความสับสนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งจากเดิมที่ กกต. กำหนดไว้เป็นวันที่ 19 ม.ค. แต่ติดการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 17 ม.ค.
นอกจากนั้นประชาชนยังมีความสับสนว่าจะต้องเลือกพรรคด้วยหรือไม่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบเขตเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามในพื้นที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชาชนขอให้เทคะแนนให้พรรคประชาราช ซึ่งที่ผ่านมาผู้สมัครของพรรคประชาราชได้ไม่ถึง 3 พันคะแนน และหากมีการเทคะแนนขนาดนั้นจริงก็คงเป็นเรื่องที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย และต้องมีการทุ่มเงินลงไปเป็นจำนวนมาก
***เรียกร้อง“สุรยุทธ์”ไปบุรีรัมย์ดูขรก.โกง
นายโสภณ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) และกกต.ลงพื้นที่เพื่อจะได้ทราบว่า มีการแจกเงินกันอย่างไรบ้าง อยากให้เอาจริงเอาจังกับการทุจริตเลือกตั้ง และให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง และจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. คะแนนของตนมาเป็นลำดับ4 และคะแนนผู้สมัครของพรรคมาในลำดับที่ 6-7 ส่วนลำดับที่ 5 เป็นของพรรคมัฌชิมาธิปไตย ซึ่งจาการคาดการณ์ของตนผู้สมัครของพรรคเพื่อแผ่นดินคงได้รับการคัดเลือกครั้งนี้ 2 ที่นั่ง
“ผมเคยอยู่ไทยรักไทยมารู้พฤติกรรมของเขาดีว่าทำอย่างไร จะมีการดึง ข้าราชการและหน่วยงานของรัฐมาช่วยในการหาเสียง รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านด้วย จึงอยากให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ซึ่งการลงเลือกตั้งครั้งนี้ของผม เป็นการเดิมพันอนาคตทางการเมือง ถ้าครั้งนี้แพ้ก็เลิกจะวางทางการเมืองและจะไปทำงานภาคประชาชน เป็นทนายความช่วยเหลือชาวบ้านและเป็นคอลัมนิสต์วิพากษ์การเมือง และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็จะยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และผมก็ต้องการพิสูจน์ว่าประชาชนต้องการที่จะใช้ผมทำงานอีกหรือเปล่า”
นายโสภณ กล่าวว่า ไม่ได้กลัวกระแสม็อบกดดดันในพื้นที่แต่อย่างใด เพราะตามข่าวที่บอกว่ามากัน 2 หมื่นคนจริง ๆ แล้วมากันแค่ 5-6 พัน ซึ่งเราก็รู้ว่าใครเอามา มีการขนกันมาเป็นคันรถโดยมีการว่าจ้าง 500-1,000 บาท ตามระยะทางใกล้ไกล รวมทั้งมีการหลอกชาวบ้านว่าให้มาลงนามไว้ทุกข์สมเด็จพระพี่นางฯ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และเรื่องนี้ก็เกี่ยวโยงกับการเมืองท้องถิ่นจึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง ตรวจสอบโดยละเอียดด้วย และออกมาพูดเรื่องนี้ไม่กลัวตายเพราะอยู่มา 68 ปีกับอีก 10 วันแล้ว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (10 ม.ค.) ถึงกระแสข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ เจรจาเรื่องร่วมรัฐบาลกับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ว่า การเดินทางกลับมาของคุณหญิงพจมานไม่ได้เดินทางมาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่เพื่อต้องการกลับมาต่อสู้คดีและภารกิจต่างๆ ที่ได้แถลงไปแล้ว รวมทั้งไม่ได้มาจัดโผ ครม. เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน เรื่องนี้อาจจะเป็นข่าวปล่อย เพื่อพยายามจะโยงว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการเจรจาต่อรองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับนายบรรหารนั้น นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่คุณหญิงพจมาน ไม่ได้เจรจาประเด็นนี้กับพรรคชาติไทยอย่างแน่นอน ผู้เจรจาเรื่องร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองต่างๆ ในส่วนของพรรคพลังประชาชนนั้น มีเพียง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และนายสมชาย วงาชนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โดยหลักการแล้ว ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพียงคนเดียว คงจะไม่ให้บุคคลอื่น ในพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่อาจจะส่ง
ผลถึงขั้นยุบพรรคนั้น นายนพดล กล่าวว่ากระแสข่าวดังกล่าวน่าจะมาจากกลุ่มคน ที่ไม่ยอมรับชัยชนะของพรรคพลังประชาชน ทั้งๆ ที่เป็นมติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แต่พรรคไม่หวั่นไหวและตามที่ฝ่ายกฎหมายดูรูปคดีจากที่ถูกกล่าวหาแล้ว เชื่อว่า นายยงยุทธจะชี้แจงได้ และจากการตรวจสอบข้อกฎหมายก็ไม่น่าจะโยงถึงพรรค อีกทั้งพรรคก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจาก กกต.
ส่วนพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินซึ่งเลื่อนการแถลงข่าวร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนไปเป็นวันที่ 17 ม.ค.นั้น นายนพดล กล่าวว่า แต่ละพรรคมีสิทธิ์ ที่จะตัดสินใจทิศทางทางการเมืองของตัวเอง พรรคพลังประชาชนไม่คิดที่จะไปก้าวก่าย แต่พฤติกรรมและการดำเนินการของแต่ละพรรคการเมืองจะเป็นตัวสะท้อนความจริงใจ และความจริงจังของพรรคการเมืองดังกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกระแสข่าวว่า คุณหญิงพจมาน เปิดเซฟ์เฮ้าส์จัดโผครม.ว่า เป็นไปไม่ได้ที่คุณหญิงพจมานจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดโผ ครม. เหตุผลการเดินทางกลับประเทศของ คุณหญิงพจมานนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ออกแถลงการณ์ชี้แจงแล้ว หากมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัดโผครม.จริง ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในประเทศ พิจารณากันที่ต่างประเทศก็ได้ ดังนั้นกระแสข่าวนี้มาจากผู้ที่ไม่หวังดีที่ต้องการปล่อยข่าว
***อ้างพปช.ถูกสกัดกั้นตลอด
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการพิจารณาคดีของ กกต.ว่า เป็นธรรมดาที่ช่วงนี้จะมีการร้องเรียนอยู่หลายกรณี เพราะตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ช่วง 1 เดือนหลังเลือกตั้งเป็นช่วงร้องเรียน ซึ่งหากเป็นภาวะปกติก็คงไม่กังวลอะไร แต่ถ้าในภาวะผิดปกติอาจมีการจัดการหรือการสกัดกั้นเป็นพิเศษ เพราะมีกระแสข่าวต่อเนื่องและการดำเนินคดีต่างๆ กับพรรคอย่างไม่สิ้นสุด ยิ่งเมื่อมีการเดินแผนสกัดกั้นโดยไม่ยุติ เราต้องตื่นตัวอยู่ตลอด จะประมาทไม่ได้ ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคก็พูดคุยกันตลอด
ส่วนกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า สิ่งที่ กกต.ออกมาพูดนั้น เป็นเพียงการอธิบายไปตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น หากมีความผิดก็จะต้องดำเนินการตามข้อกฎหมายกำหนด ไม่ได้เป็นการยืนยันว่ามีความผิด
***ไม่ห่วงชาติไทย-เพื่อแผ่นดินเปลี่ยนใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ที่พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินเลื่อนการประกาศจับขั้วการเมืองออกไป ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่กังวล เป็นเหตุผลของพรรคการเมือง ที่จะรอให้ผ่านพ้นช่วงไว้ทุกข์ไปก่อน แต่เชื่อมั่นว่าทั้ง 2 พรรคจะไม่เปลี่ยนใจในการร่วมรัฐบาล และไม่เกี่ยวข้องกับคดีของนายยงยุทธ เพราะวันนี้ (11 ม.ค.) ก็จะทราบผลแล้ว
สำหรับการประกาศจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้พรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลก่อนนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะความสับสนขณะนี้ส่วนหนึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามจะตั้งรัฐบาลขึ้นมาแข่ง การเมืองต้องให้ฝ่ายที่คะแนนมากกว่าจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเราเป็นพรรคประชาธิปัตย์เราจะประกาศเลยว่าจะเป็นฝ่ายค้านที่ดี และให้พรรคคู่แข่งเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
***ผวาถูกยุบเล็งพรรคเล็กเป็นนอมินี
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า กรณีที่กกต.พิจารณา การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีกระแสข่าวว่า นายยงยุทธอาจโดนใบแดงและส่งผลกระทบถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชน เพราะนายยงยุทธเป็นรองหัวหน้าพรรคด้วย ยอมรับว่า แกนนำและฝ่ายกฎหมายของพรรคกังวลใจเรื่องนี้ เพราะดูจากท่าทีของกกต.แล้ว คล้ายกับว่า นายยงยุทธจะโดนใบแดงอย่างแน่นอน อันจะส่งผลให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบ
ดังนั้น ขณะนี้แกนนำพรรคบางคนจึงเริ่มมองหาพรรคสำรองไว้แล้ว เพราะกฎหมายระบุว่า หากพรรคถูกยุบ ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งของพรรคนั้นๆ จะต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน ซึ่งพรรคที่บรรดาแกนนำมองไว้นั้นคือ พรรคทางเลือกใหม่ ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยเป็นหัวหน้าพรรค โดยจะมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้กับร.ต.อ.เฉลิม เพราะสถานภาพของร.ต.อ.เฉลิม ในพรรคพลังประชาชนนั้น ขณะนี้ร.ต.อ.เฉลิมเป็นเพียงสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็น กรรมการบริหารพรรค ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือพรรคประชากรไทยของนายสุมิตร สุนทรเวช น้องชายของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย
***“อภิสิทธิ์”รอดูท่าทีพรรคการเมืองอื่น
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงจุดยืนของ พรรคประชาธิปัตย์ต่อสถานการณ์ทางการเมืองว่า พรรคจะยึดตามกฎ กติกา มารยาททางการเมืองต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในระบบรัฐสภา และไม่อยากให้มีความสับสนเกิดขึ้น ซึ่งตามปกติเมื่อมีการเลือกตั้งหากไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากก็จะเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองไปรวบรวมเสียง ใครได้มากที่สุดก็มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล แต่ของประเทศไทยไทย ยังมีปัญหาว่า การเลือกตั้งจะต้องได้รวบถึงการรับรองว่าเป็นการเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม โดยยึดเอาผลการเลือกตั้งหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว
ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงมารยาททางการเมือง แม้จะมีสิทธิ์รวบรวมเสียง แต่ก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดรวบรวมเสียงด้วยและที่ผ่านมาเราก็เปิดโอกาสให้ โดยไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม เราจะรอดูท่าทีของพรรคการเมืองต่างๆต่อไป
***ปัดแอบคุยพรรคการเมืองฟอร์มรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงจุดยื่นต่อการจัดตั้งรัฐบาลทีมีกระแสข่าวการรวมกันของสองพรรคใหญ่ โดยกล่าวว่า ไม่มีเรื่องนี้ แต่สิ่งที่อยากเห็น คือทุกอย่างเดินไปข้างหน้า ส่วนใครจะเป็นรัฐบาลยังมีเวลารอ ทุกฝ่ายควรมุ่งมั่นเพื่อทำให้ระบบรัฐสภาเดินหน้าต่อไป และพรรคประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนให้เป็นไปตามกติกา ส่วนเรื่องอื่นหากพูดไปอาจจะกลายเป็นเงื่อนไขตอบโต้กันไปมา การรออกมาพูดตอนนี้เดี๋ยวจะกลายเป็นการสร้างเงื่อนไข
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการรวมกันตามกระแสข่าวจะเป็นการทรยศต่อประชาชน หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดอะไร เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมขึ้น แต่จุดยืนของพรรคชัดเจน
“ยังไม่มีข้อเสนออะไรทั้งสิ้น เพราะช่วงนี้พรรคพลังประชาชนเป็นผู้รวบรวม เสียงข้างมาก เดิมทีบอกว่าจะแถลงข่าววันที่ 4 มค แต่เราเข้าใจว่ามีกรณีสมเด็จพระพี่นางเธอฯสิ้นพระชน เวลาก็เลื่อนออกไป ซึ่งเราก็เข้าใจ ว่าจะเป็นช่วงที่เขากำลังดำเนินการอยู่ และในส่วนของพรรคการเมืองอื่นๆ ก็ขอเวลาไปแสดงท่าที่7-8 วันก่อน เราก็ต้องฟังตรงนั้น หลังจากนี้ไป หากจะมีความเห็นทางเมืองก็จะพยายามพูดในประเด็นที่ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกัน เพื่อให้เกิดความสบสายใจว่าทุกพรรคการเมือง เดินหน้าสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย และความจำเป็นที่ต้องเร่งมีรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชน”
***“เชษฐา”ห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจ
พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าแสดงตนต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีที่นายพิจิตต รัตกุล ลาออกจากสมาชิกพรรครวมใจไทยฯ เนื่องจากไม่พอใจที่พรรคไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า ไม่ใช่ เพราะการเข้า-ออก การเปลี่ยน เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการให้ใบเหลือง-ใบแดงจะทำให้สถานการณ์ทางการเมือง เปลี่ยนไปหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่เป็นไร หากพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดก็ต้องรับผิด จะให้ใบเหลืองหรือใบแดงคิดว่าไม่มีปัญหา แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในกระบวนการประชาธิปไตยหรือระเบียบข้อบังคับ อย่าออกนอกแนวทางนี้ ซึ่งต้องขอให้กกต.เดินไปตาม ขั้นตอนจะได้ไม่มีปัญหา ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก เมื่อถามว่าหากมีใบเหลือง-ใบแดงกันมากทางพรรคจะพิจารณาเข้าร่วมรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะยังไม่แน่นอน ขอให้ใจเย็น ๆ
ส่วนกระแสข่าวยุบพรรคพลังประชาชนจะมีผลหรือไม่นั้น พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า เป็นเพียงกระแสเท่านั้น ทุกอย่างยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ ก็ไม่ทราบว่าจะมีอะไรหรือไม่ แต่ขอย้ำว่าถ้าทุกอย่างดำเนินไปในกระบวนการประชาธิปไตยคงไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องการตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา ใครได้มากก็จัดก่อน จัดได้ก็จัดไป ถ้าจัดไม่ได้ก็ให้พรรคอันดับรองลงมาจัด
“ผมเป็นห่วงบ้านเมืองถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าเศรษฐกิจเราแย่ และหนักลงทุกขณะนี้บรรดาพ่อค้า นักอุตสาหกรรมก็บ่นกันแล้ว ซึ่งทุกอย่าง ต้องเดินไปตามขั้นตอนอย่าช้า”
***“บรรหาร”ให้ครบ15วันจึงพูด
สำหรับบรรยากาศของพรรคชาติไทย วันเดียวกันบรรยากาศเป็นไปด้วยความ เงียบเหงา หลังจากนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยประกาศหยุดเคลื่อนไหวและงดกิจกรรมทางการเมืองเป็นเวลา 15 วันเพื่อถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ยังคงมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย นายเกษม สรศักดิ์เกษม ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรคชาติไทย และทีมกฎหมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของพรรค เข้ามาทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายบรรหาร ได้เดินทางเข้าพรรค เพื่อเซ็นต์หนังสือตามปกติ โดยนายบรรหารยังคงมีอารมณ์ดี สีหน้ายิ้มแย้ม และกล่าวทักทายกับบรรดาผู้สื่อข่าว ว่า “ไม่มีงานทำกันหรือ” ซึ่งผู้สื่อข่าวได้กล่าวตอบว่า ไม่มีข่าวส่งเพราะหัวหน้าพรรคชาติไทยไม่ให้ข่าว นายบรรหารได้กล่าวปนยิ้ม ว่า “รอให้ครบ 15 วันก่อนสิ” ทั้งนี้ก่อนเดินทางกลับออกจากที่ทำการพรรคนายบรรหารยังได้เดินมาเปิดประตูห้องพักสื่อมวลชนภายในพรรคชาติไทยเพื่อทักทายอย่างเป็นกันเองกับบรรดาผู้สื่อข่าวอีกด้วย
***“สุวิทย์”ปฎิเสธได้นั่งเก้าอี้รองนายกฯ
ด้านพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รวบรวมข้อเสนอความคิดเห็นจาก ส.ส.ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เพื่อนำมาประเมินแล้วนำมากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยทางพรรคจะจัดทำเป็นนโยบายเพื่อดำเนินการทางการเมืองต่อไป ส่วนกระแสที่ระบุว่าตน ได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ข่าวลือนี้มีได้ทุกวันเป็นธรรมดา
นายสุวิทย์ยังกล่าวถึงกรณีที่การเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 17 ม.ค.ที่จ.บุรีรัมย์ว่า ตนยังมีความมั่นใจในกระบวนการการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ที่จะเป็นไปตาม กฎกติกามารยาท ที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครของพรรค ส่วนจะมีความกดดันต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือไม่ คิดว่าทางกกต.คงสามารถจัดการได้เรียบร้อย
ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ควรจับมือกันเป็นรัฐบาล และให้พรรคเล็กเป็นฝ่ายค้านนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่านายเสนาะคิดอะไรอยู่
ด้านนายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวในกรณีเดียวกันว่า เป็นสิทธิของท่านที่สามารถคิดเช่นนั้นได้ แต่ในส่วนของ พรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว พรรคเราเป็นพรรคขนาดกลาง คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องหรือบังคับก้าวก่ายใคร ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลนั้นก็เป็นสิทธิของพรรคใหญ่ที่ได้ ส.ส.ข้างมาก เป็นผู้จัดการ อย่างไรก็ตามพรรคมีจุดยืนและมีความพร้อมที่จะเป็นฝ่ายไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล
***พผ.ห่วงพปช.เทคะแนนให้ประชาราช
นายโสภณ เพรชสว่าง ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึง การเตรียมการลงแข่งขันการเลือกตั้งซ่อมว่า ได้เตรียมตัวในการลงพื้นที่เพื่อเตรียม เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 17 ม.ค.อย่างไม่หยุด ซึ่งตนอยากให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค ลงไปช่วยหาเสียงในพื้นที่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าหัวหน้าพรรคจะว่างหรือไม่ ซึ่งตนมีความเป็นห่วงประชาชนที่มีความสับสนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งจากเดิมที่ กกต. กำหนดไว้เป็นวันที่ 19 ม.ค. แต่ติดการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 17 ม.ค.
นอกจากนั้นประชาชนยังมีความสับสนว่าจะต้องเลือกพรรคด้วยหรือไม่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบเขตเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามในพื้นที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชาชนขอให้เทคะแนนให้พรรคประชาราช ซึ่งที่ผ่านมาผู้สมัครของพรรคประชาราชได้ไม่ถึง 3 พันคะแนน และหากมีการเทคะแนนขนาดนั้นจริงก็คงเป็นเรื่องที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย และต้องมีการทุ่มเงินลงไปเป็นจำนวนมาก
***เรียกร้อง“สุรยุทธ์”ไปบุรีรัมย์ดูขรก.โกง
นายโสภณ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) และกกต.ลงพื้นที่เพื่อจะได้ทราบว่า มีการแจกเงินกันอย่างไรบ้าง อยากให้เอาจริงเอาจังกับการทุจริตเลือกตั้ง และให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง และจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. คะแนนของตนมาเป็นลำดับ4 และคะแนนผู้สมัครของพรรคมาในลำดับที่ 6-7 ส่วนลำดับที่ 5 เป็นของพรรคมัฌชิมาธิปไตย ซึ่งจาการคาดการณ์ของตนผู้สมัครของพรรคเพื่อแผ่นดินคงได้รับการคัดเลือกครั้งนี้ 2 ที่นั่ง
“ผมเคยอยู่ไทยรักไทยมารู้พฤติกรรมของเขาดีว่าทำอย่างไร จะมีการดึง ข้าราชการและหน่วยงานของรัฐมาช่วยในการหาเสียง รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านด้วย จึงอยากให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ซึ่งการลงเลือกตั้งครั้งนี้ของผม เป็นการเดิมพันอนาคตทางการเมือง ถ้าครั้งนี้แพ้ก็เลิกจะวางทางการเมืองและจะไปทำงานภาคประชาชน เป็นทนายความช่วยเหลือชาวบ้านและเป็นคอลัมนิสต์วิพากษ์การเมือง และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็จะยอมรับการตัดสินใจของประชาชน และผมก็ต้องการพิสูจน์ว่าประชาชนต้องการที่จะใช้ผมทำงานอีกหรือเปล่า”
นายโสภณ กล่าวว่า ไม่ได้กลัวกระแสม็อบกดดดันในพื้นที่แต่อย่างใด เพราะตามข่าวที่บอกว่ามากัน 2 หมื่นคนจริง ๆ แล้วมากันแค่ 5-6 พัน ซึ่งเราก็รู้ว่าใครเอามา มีการขนกันมาเป็นคันรถโดยมีการว่าจ้าง 500-1,000 บาท ตามระยะทางใกล้ไกล รวมทั้งมีการหลอกชาวบ้านว่าให้มาลงนามไว้ทุกข์สมเด็จพระพี่นางฯ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และเรื่องนี้ก็เกี่ยวโยงกับการเมืองท้องถิ่นจึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง ตรวจสอบโดยละเอียดด้วย และออกมาพูดเรื่องนี้ไม่กลัวตายเพราะอยู่มา 68 ปีกับอีก 10 วันแล้ว