ผู้จัดการรายวัน- กระทรวงพลังงาน พาณิชย์และเกษตร เตรียมหารือเร็วๆ นี้แก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มแพง รวมถึงปาล์มดิบที่อาจขาดแคลนหลัง 1 ก.พ.นี้รัฐบังคับทุกปั๊มขายบี 2 แทนดีเซลทั้งหมดซึ่งต้องใช้บี 100 ถึง 1.2 ล้านลิตรต่อวัน เล็งปรับแผนการนำเข้า – ส่งออกใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในประเทศ ปิยสวัสดิ์ชี้บี 5 สามารถบังคับขายได้ปี 2554
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้กระทรวงพลังงานจะหารือกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพิจารณาการดูแลน้ำมันปาล์มทั้งระบบเพื่อหามาตรการที่จะดูแลไม่ให้เกิดการขาดแคลน รวมไปถึงปัญหาราคาน้ำมันปาล์มดิบที่แพงขึ้นจนนำไปสู่การปรับราคาน้ำมันพืชที่ทำจากปาล์มด้วย ซึ่งคงจะต้องพิจารณากลไกการนำเข้า และส่งออกเป็นสำคัญ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัญหาน้ำมันปาล์มดิบที่มีราคาแพงขึ้นจนส่งผลให้ราคาน้ำมันพืชต้องปรับราคาจำหน่ายเพิ่มต่อเนื่องเกิดจากประเทศที่พัฒนาโดยเฉพาะแถบยุโรปหันมาส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล ซึ่งผู้ผลิตทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียจึงมีการส่งออกไปยังยุโรปมากขึ้นจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มแพง ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการผลิตและความต้องการน้ำมันปาล์มคงจะต้องพิจารณากลไกเรื่องการนำเข้า และส่งออกให้สอดคล้องกับความต้องการ
“ ราคาน้ำมันปาล์มดิบทั่วโลกจะอิงราคามาเลเซียเพราะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ระยะหลังยอมรับว่าราคาของไทยแพงกว่ามาเลย์เล็กน้อย อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำมันพืชแพงไม่เกี่ยวว่าไทยส่งเสริมไบโอดีเซลเพราะแม้ว่าไทยไม่ส่งเสริมราคาก็อิงมาเลเซียที่แพงขึ้นเพราะความต้องการเพิ่มจากทั่วโลกอยู่ดี และเรื่องนี้ก็แบ่งหน้าที่กันดูแล้วพาณิชย์เองต้องไปดูตลาดว่ามีพอไหมหากไม่พอก็ต้องดูเรื่องกลไกนำเข้า ส่งออก” นายปิยสวัสดิ์กล่าว
สำหรับมาตรการบังคับการจำหน่ายไบโอดีเซล(บี2 )ซึ่งผสมบี 100 ในดีเซล 2% ทดแทนการจำหน่ายดีเซลจากเดิม 1 เม.ย. 2551 ให้เร็วเป็น 1 ก.พ. 2551 นั้นจะไม่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนบี 100 (ไบโอดีเซล100%) แต่อย่างใดเนื่องจากเดิมทีจะบังคับบี 5 หรือผสมบี 100 จำนวน 5% ซึ่งต้องใช้บี 100 จำนวน2.5-3 ล้านลิตรต่อวันเพราะค่ายรถยนต์การันตีการใช้ได้อยู่แล้วแต่ด้วยเหตุผลที่ปัญหาการผลิตบี 100 จะไม่พอจึงบังคับใช้เพียงบี 2 ซึ่งจะใช้บี 100 เพียง 1.2 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น
ทั้งนี้การจำหน่ายบี 5 คาดว่าภายในปี 2554 กระทรวงพลังงานน่าจะสามารถบังคับการจำหน่ายได้เพราะถึงเวลานั้นการผลิตจะเพียงพอเพราะทุกฝ่ายได้มีแผนการส่งเสริมการปลูกปาล์มไว้รองรับแล้ว แต่การจำหน่ายจะไปถึงขั้นบี 10 หรือไม่คงขึ้นอยู่กับค่ายรถยนต์ว่าจะยอมรับได้หรือไม่เพราะขณะนี้ค่ายรถยังไม่การันตีบี 10 แต่คาดว่าคงจะเกิดได้หลังปี 2554 เป็นต้นไป
นายปิยสวัสดิ์กล่าวถึงการส่งเสริมการจำหน่ายอี 85 หรือเอทานอลผสมเบนซิน 85% ว่า การประชุมผู้บริหารระดับสูงวานนี้( 9 ม.ค.) ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานและสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ไปหาข้อยุติระหว่างบริษัทน้ำมันและผู้ผลิตรถยนต์ว่าจะสามารถส่งเสริมการจำหน่ายอี 85 ได้เมื่อใดซึ่งหากราคาเอทานอลอยู่ระดับปัจจุบันเฉลี่ย 15-16 บาทต่อลิตรราคาอี 85 จะต่ำกว่าเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 10 บาทและเทียบกับอี 20 ก็จะต่ำกว่าประมาณ 4 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและสมาคมผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน คาดว่ากำลังผลิตน้ำมันปาล์มดิบของประเทศปีจะนี้มีประมาณ 1.3-1.4 ล้านตัน ซึ่งในส่วนนี้จะนำมาใช้บริโภคประมาณ 0.8-0.85 ล้านตัน จึงเท่ากับว่าจะเหลือทำไบโอดีเซล บี 100 และการส่งออกรวม 0.5 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้บี 100 จะมีถึง 1.2 ล้านลิตร/วัน หรือความต้องการปาล์มดิบในส่วนนี้จะไม่ต่ำกว่า 0.35 ล้านตัน จึงเท่ากับจะเหลือส่งออกได้เพียง 0.15 ล้านตันเท่านั้น ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์ปล่อยให้เกิดการส่งออกเสรีเหมือนในอดีตก็อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนได้ โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เปิดเสรีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ แต่ควบคุมการนำเข้า ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มดิบได้ถีบตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.00-6.50 บาท/กิโลกรัมและไบโอดีเซล บี 100 ราคาถีบตัวมาอยู่ที่ 38 บาท/ลิตร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องมาชดเชยในอัตราลิตรละประมาณ 15 บาท
เปิดหลักสูตรไบโอดีเซลเขย่ามือ
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้เปิดอบรมหลักสูตร “ไบโอดีเซลเขย่ามือ” หรือการสอนวิธีการผลิตไบโอดีเซลอย่างง่ายด้วยตนเองโดยหลักสูตรดังกล่าวจะเหมาะกับอาจารย์สายวิทยาศาสตร์ นักเรียน นิสิต นักศึกษารวมทั้งผู้สนใจทั่วไป โดยกระทรวงพลังงานจะเปิดอบรมช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้ราวปลายเดือนก.พ. 2551 เป็นต้นไปผู้สนใจติดต่อได้ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงพลังงาน 02-223-3344 ต่อ 2205
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้กระทรวงพลังงานจะหารือกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพิจารณาการดูแลน้ำมันปาล์มทั้งระบบเพื่อหามาตรการที่จะดูแลไม่ให้เกิดการขาดแคลน รวมไปถึงปัญหาราคาน้ำมันปาล์มดิบที่แพงขึ้นจนนำไปสู่การปรับราคาน้ำมันพืชที่ทำจากปาล์มด้วย ซึ่งคงจะต้องพิจารณากลไกการนำเข้า และส่งออกเป็นสำคัญ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัญหาน้ำมันปาล์มดิบที่มีราคาแพงขึ้นจนส่งผลให้ราคาน้ำมันพืชต้องปรับราคาจำหน่ายเพิ่มต่อเนื่องเกิดจากประเทศที่พัฒนาโดยเฉพาะแถบยุโรปหันมาส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล ซึ่งผู้ผลิตทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียจึงมีการส่งออกไปยังยุโรปมากขึ้นจึงส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มแพง ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการผลิตและความต้องการน้ำมันปาล์มคงจะต้องพิจารณากลไกเรื่องการนำเข้า และส่งออกให้สอดคล้องกับความต้องการ
“ ราคาน้ำมันปาล์มดิบทั่วโลกจะอิงราคามาเลเซียเพราะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ระยะหลังยอมรับว่าราคาของไทยแพงกว่ามาเลย์เล็กน้อย อย่างไรก็ตามปัญหาน้ำมันพืชแพงไม่เกี่ยวว่าไทยส่งเสริมไบโอดีเซลเพราะแม้ว่าไทยไม่ส่งเสริมราคาก็อิงมาเลเซียที่แพงขึ้นเพราะความต้องการเพิ่มจากทั่วโลกอยู่ดี และเรื่องนี้ก็แบ่งหน้าที่กันดูแล้วพาณิชย์เองต้องไปดูตลาดว่ามีพอไหมหากไม่พอก็ต้องดูเรื่องกลไกนำเข้า ส่งออก” นายปิยสวัสดิ์กล่าว
สำหรับมาตรการบังคับการจำหน่ายไบโอดีเซล(บี2 )ซึ่งผสมบี 100 ในดีเซล 2% ทดแทนการจำหน่ายดีเซลจากเดิม 1 เม.ย. 2551 ให้เร็วเป็น 1 ก.พ. 2551 นั้นจะไม่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนบี 100 (ไบโอดีเซล100%) แต่อย่างใดเนื่องจากเดิมทีจะบังคับบี 5 หรือผสมบี 100 จำนวน 5% ซึ่งต้องใช้บี 100 จำนวน2.5-3 ล้านลิตรต่อวันเพราะค่ายรถยนต์การันตีการใช้ได้อยู่แล้วแต่ด้วยเหตุผลที่ปัญหาการผลิตบี 100 จะไม่พอจึงบังคับใช้เพียงบี 2 ซึ่งจะใช้บี 100 เพียง 1.2 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น
ทั้งนี้การจำหน่ายบี 5 คาดว่าภายในปี 2554 กระทรวงพลังงานน่าจะสามารถบังคับการจำหน่ายได้เพราะถึงเวลานั้นการผลิตจะเพียงพอเพราะทุกฝ่ายได้มีแผนการส่งเสริมการปลูกปาล์มไว้รองรับแล้ว แต่การจำหน่ายจะไปถึงขั้นบี 10 หรือไม่คงขึ้นอยู่กับค่ายรถยนต์ว่าจะยอมรับได้หรือไม่เพราะขณะนี้ค่ายรถยังไม่การันตีบี 10 แต่คาดว่าคงจะเกิดได้หลังปี 2554 เป็นต้นไป
นายปิยสวัสดิ์กล่าวถึงการส่งเสริมการจำหน่ายอี 85 หรือเอทานอลผสมเบนซิน 85% ว่า การประชุมผู้บริหารระดับสูงวานนี้( 9 ม.ค.) ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานและสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ไปหาข้อยุติระหว่างบริษัทน้ำมันและผู้ผลิตรถยนต์ว่าจะสามารถส่งเสริมการจำหน่ายอี 85 ได้เมื่อใดซึ่งหากราคาเอทานอลอยู่ระดับปัจจุบันเฉลี่ย 15-16 บาทต่อลิตรราคาอี 85 จะต่ำกว่าเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 10 บาทและเทียบกับอี 20 ก็จะต่ำกว่าประมาณ 4 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและสมาคมผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน คาดว่ากำลังผลิตน้ำมันปาล์มดิบของประเทศปีจะนี้มีประมาณ 1.3-1.4 ล้านตัน ซึ่งในส่วนนี้จะนำมาใช้บริโภคประมาณ 0.8-0.85 ล้านตัน จึงเท่ากับว่าจะเหลือทำไบโอดีเซล บี 100 และการส่งออกรวม 0.5 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้บี 100 จะมีถึง 1.2 ล้านลิตร/วัน หรือความต้องการปาล์มดิบในส่วนนี้จะไม่ต่ำกว่า 0.35 ล้านตัน จึงเท่ากับจะเหลือส่งออกได้เพียง 0.15 ล้านตันเท่านั้น ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์ปล่อยให้เกิดการส่งออกเสรีเหมือนในอดีตก็อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนได้ โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เปิดเสรีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ แต่ควบคุมการนำเข้า ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันปาล์มดิบได้ถีบตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.00-6.50 บาท/กิโลกรัมและไบโอดีเซล บี 100 ราคาถีบตัวมาอยู่ที่ 38 บาท/ลิตร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องมาชดเชยในอัตราลิตรละประมาณ 15 บาท
เปิดหลักสูตรไบโอดีเซลเขย่ามือ
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้เปิดอบรมหลักสูตร “ไบโอดีเซลเขย่ามือ” หรือการสอนวิธีการผลิตไบโอดีเซลอย่างง่ายด้วยตนเองโดยหลักสูตรดังกล่าวจะเหมาะกับอาจารย์สายวิทยาศาสตร์ นักเรียน นิสิต นักศึกษารวมทั้งผู้สนใจทั่วไป โดยกระทรวงพลังงานจะเปิดอบรมช่วงปิดเทอมหน้าร้อนนี้ราวปลายเดือนก.พ. 2551 เป็นต้นไปผู้สนใจติดต่อได้ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงพลังงาน 02-223-3344 ต่อ 2205