ผู้จัดการรายวัน – สมาพันธ์มัคคุเทศก์อาชีพ ชิงตั้ง”สมาคมสมาพันธ์มัคคุเทศก์ไทย” หวังยกคุณภาพชีวิตระดับไกด์ไทย หลังนายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพไม่มีผลงานโดนใจและ ถูกศาลสั่งหลุดจากตำแหน่ง อ้างการเลือกตั้งไม่โปร่งใส
นายจารุพล เรืองเกตุ ประธานสมาพันธ์มัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาพันธ์ฯกำลังอยู่ระหว่างการยื่นจดทะเบียนจัดตั้ง”สมาคมสมาพันธ์มัคคุเทศก์ไทย” โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้แก่ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์(ไกด์) ในการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา ของผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ เพราะปัจจุบัน สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ ไม่สามารถช่วยเหลือสมาชิกผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ได้จริง
โดยเบื้องต้น ได้มีสมาชิกจาก 3 สมาคมมัคคุเทศก์ ในภูมิภาค ได้ภูเก็ต สงขลา และเชียงใหม่ ยื่นยันที่จะเข้าร่วมในการจัดตั้งสมาคมสมาพันธ์ฯดังกล่าว ซึ่งทั้ง 3 สมาคมดังกล่าว มีสมาชิกรวมกันประมาณ 2-3 พันคน คาดว่าขั้นตอนของการยื่นจดทะเบียนจนแล้วเสร็จ จะใช้เวลา 1-2 เดือน หรือไม่เกินไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของสมาคมสมาพันธ์ฯ จะเน้นเรื่องการช่วยเหลือสมาชิกด้วยการ ยกระดับ สวัสดิการของมัคคุเทศก์ เช่น เรื่องรายได้ และค่าชดเชยต่างๆ นอกจากนั้น ยังจะยกระดับคุณภาพการทำงานด้วยการจัดอบรมเพิ่มเติมในภาษาที่ขาดแคลน โดยมีเป้าหมายสำคัญในอนาคต ที่จะยกสมาคมฯนี้ให้ขึ้นเป็น สภามัคคุเทศก์อาชีพ เป็นลำดับต่อไป โดยการทำงานทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการอบรมบุคคลากร สมาคมสมาพันธ์ฯ จะร่วมมือกับ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งนี้ในส่วนของกรณีที่สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ ไม่เป็นที่ยอมรับจากสมาชิก เป็นเพราะนายวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ ได้ถูกศาลสั่งเพิกถอนการเป็นนายกสมาคมฯและกรรมการสมาคม ไปตั้งแต่ วันที่ 11 ก.ย. 2549 ด้วยเหตุผลว่ามีขั้นตอนการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส กล่าวคือ การประกาศเปิดรับสมัครกรรมการบริหารชุดใหม่ ไม่ได้แจ้งให้สมาชิกได้รับทราบโดยทั่วไปในระยะเวลา 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้นายวิโรจน์ หมดสภาพการเป็นนายกของสมาคมฯ แต่ยังใช้ตำแหน่งเดิมไปแอบอ้างการทำงานในสังคมอยู่ขณะนี้
นายจารุพล กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมผู้ประกอบอาชีพไกด์ ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤติ และ ลำบากมาก เพราะไม่สามารถขอปรับขึ้นค่าแรงงานได้ตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยมีค่าแรงต่อวันต่อคนเฉลี่ยที่ 150-800 บาท เป็นผลให้ ไกด์ต้องหาทางรอดด้วยวิธีเชียร์ขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อจะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น จนเป็น ที่มาของปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า บริษัทนำเที่ยวของไทย ขณะนี้ ไม่ได้ตั้งราคาทัวร์ตามต้นทุนที่แท้จริงเช่นกัน เป็นเพราะธุรกิจมีการแข่งขันสูง จึงเสนอเพียงค่าทัวร์นำเที่ยว แต่ไม่ได้บวกค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารถ และ ค่าไกด์ ทำให้ ไกด์ที่บริการคณะทัวร์นั้นๆ ต้องหารายได้จากค่าคอมมิชชั่น ในการพาลูกทัวร์ไปเที่ยวในที่ต่างๆเอง รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยในร้านที่ให้ค่าคอมมิชชั่นไกด์ด้วย จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนของลูกทัวร์ ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย
นายจารุพล กล่าวอีกว่า กระบวนการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดตั้งขึ้น แล้วออกข่าวว่า มีการปราบปรามจริงจังทำให้ทัวร์ศูนย์เหรียญลดน้อยลง ตรงนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ เมื่อปราบประเทศหนึ่ง ก็จะไปโผล่อีกประเทศหนึ่งแทน เช่น ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญของตลาดนักท่องเที่ยวจีน แต่ตอนนี้ทัวร์ศูนย์เหรียญขยายวงกว้าง ไปถึง ทัวร์รัสเซีย ทัวร์เกาหลี แม้แต่ตลาดนักท่องเที่ยวฝรั่งเศส มีมีทัวร์ศูนย์เหรียญเช่นกัน โดยวิธีการ คือ ไกด์จะซื้อหัวนักท่องเที่ยวมาในราคาถูก แต่เมื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ต้องถูกบังคับให้ซื้อสินค้าอื่นๆเพิ่มเติม ร่วมถึงออฟชั่นทัวร์ต่างๆด้วย จนทำให้เกิดการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา จะต้องถูกแก้ไขจากต้นเหตุ คือ สวัสดิการและรายได้ของมัคคุเทศก์ต้องดีขึ้น
นายจารุพล เรืองเกตุ ประธานสมาพันธ์มัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาพันธ์ฯกำลังอยู่ระหว่างการยื่นจดทะเบียนจัดตั้ง”สมาคมสมาพันธ์มัคคุเทศก์ไทย” โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้แก่ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์(ไกด์) ในการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา ของผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ เพราะปัจจุบัน สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ ไม่สามารถช่วยเหลือสมาชิกผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ได้จริง
โดยเบื้องต้น ได้มีสมาชิกจาก 3 สมาคมมัคคุเทศก์ ในภูมิภาค ได้ภูเก็ต สงขลา และเชียงใหม่ ยื่นยันที่จะเข้าร่วมในการจัดตั้งสมาคมสมาพันธ์ฯดังกล่าว ซึ่งทั้ง 3 สมาคมดังกล่าว มีสมาชิกรวมกันประมาณ 2-3 พันคน คาดว่าขั้นตอนของการยื่นจดทะเบียนจนแล้วเสร็จ จะใช้เวลา 1-2 เดือน หรือไม่เกินไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของสมาคมสมาพันธ์ฯ จะเน้นเรื่องการช่วยเหลือสมาชิกด้วยการ ยกระดับ สวัสดิการของมัคคุเทศก์ เช่น เรื่องรายได้ และค่าชดเชยต่างๆ นอกจากนั้น ยังจะยกระดับคุณภาพการทำงานด้วยการจัดอบรมเพิ่มเติมในภาษาที่ขาดแคลน โดยมีเป้าหมายสำคัญในอนาคต ที่จะยกสมาคมฯนี้ให้ขึ้นเป็น สภามัคคุเทศก์อาชีพ เป็นลำดับต่อไป โดยการทำงานทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการอบรมบุคคลากร สมาคมสมาพันธ์ฯ จะร่วมมือกับ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งนี้ในส่วนของกรณีที่สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ ไม่เป็นที่ยอมรับจากสมาชิก เป็นเพราะนายวิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ ได้ถูกศาลสั่งเพิกถอนการเป็นนายกสมาคมฯและกรรมการสมาคม ไปตั้งแต่ วันที่ 11 ก.ย. 2549 ด้วยเหตุผลว่ามีขั้นตอนการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส กล่าวคือ การประกาศเปิดรับสมัครกรรมการบริหารชุดใหม่ ไม่ได้แจ้งให้สมาชิกได้รับทราบโดยทั่วไปในระยะเวลา 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้นายวิโรจน์ หมดสภาพการเป็นนายกของสมาคมฯ แต่ยังใช้ตำแหน่งเดิมไปแอบอ้างการทำงานในสังคมอยู่ขณะนี้
นายจารุพล กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมผู้ประกอบอาชีพไกด์ ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤติ และ ลำบากมาก เพราะไม่สามารถขอปรับขึ้นค่าแรงงานได้ตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยมีค่าแรงต่อวันต่อคนเฉลี่ยที่ 150-800 บาท เป็นผลให้ ไกด์ต้องหาทางรอดด้วยวิธีเชียร์ขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อจะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่น จนเป็น ที่มาของปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า บริษัทนำเที่ยวของไทย ขณะนี้ ไม่ได้ตั้งราคาทัวร์ตามต้นทุนที่แท้จริงเช่นกัน เป็นเพราะธุรกิจมีการแข่งขันสูง จึงเสนอเพียงค่าทัวร์นำเที่ยว แต่ไม่ได้บวกค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารถ และ ค่าไกด์ ทำให้ ไกด์ที่บริการคณะทัวร์นั้นๆ ต้องหารายได้จากค่าคอมมิชชั่น ในการพาลูกทัวร์ไปเที่ยวในที่ต่างๆเอง รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยในร้านที่ให้ค่าคอมมิชชั่นไกด์ด้วย จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนของลูกทัวร์ ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย
นายจารุพล กล่าวอีกว่า กระบวนการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดตั้งขึ้น แล้วออกข่าวว่า มีการปราบปรามจริงจังทำให้ทัวร์ศูนย์เหรียญลดน้อยลง ตรงนี้ไม่เป็นความจริง เพราะ เมื่อปราบประเทศหนึ่ง ก็จะไปโผล่อีกประเทศหนึ่งแทน เช่น ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญของตลาดนักท่องเที่ยวจีน แต่ตอนนี้ทัวร์ศูนย์เหรียญขยายวงกว้าง ไปถึง ทัวร์รัสเซีย ทัวร์เกาหลี แม้แต่ตลาดนักท่องเที่ยวฝรั่งเศส มีมีทัวร์ศูนย์เหรียญเช่นกัน โดยวิธีการ คือ ไกด์จะซื้อหัวนักท่องเที่ยวมาในราคาถูก แต่เมื่อมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ต้องถูกบังคับให้ซื้อสินค้าอื่นๆเพิ่มเติม ร่วมถึงออฟชั่นทัวร์ต่างๆด้วย จนทำให้เกิดการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา จะต้องถูกแก้ไขจากต้นเหตุ คือ สวัสดิการและรายได้ของมัคคุเทศก์ต้องดีขึ้น