นายหวัง ซินจูน ( Wang Xinjun) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอวี่ อัลไลน์แอนซ์ ทัวริสซึ่ม เคาท์ซิ่ว จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการท่องเที่ยวเอาต์บาวนด์ในประเทศจีน เปิดเผยว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มเปลี่ยนไปจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึง นิยมเที่ยวแบบทัวร์คุณภาพ โดยแบ่งเป็น 3 ตลาดหลัก คือ ระดับไฮเอนด์ นิยมเที่ยวแบบลักษณ์ชูรี่ หรูหรา ,ระดับนักท่องเที่ยวทัวร์ไป ชอบซื้อแพกเกจทัวร์คุณภาพเมินทัวร์ศูนย์เหรียญ และ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง(FIT) จึงต้องการให้ ททท. และ บริษัทนำเที่ยวของไทยปรับตัว นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวให้ตรงกับความต้องการ
จากการที่รัฐบาลอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปเที่ยวได้มากถึง 134 ประเทศทั่วโลก ทำให้ประเทศไทยมีคู่แข่งขันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีเกาะสวยงาม รวมถึงมาเลเซีย และ บาหลี ปัจจุบัน ไทยเป็นเดสติเนชั่นลำดับที่ 6 ที่ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยว ลดจากปี 2544 ที่อยู่อันดับที่ 3
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองไทยที่เกิดขึ้นขณะนี้ ยอมรับว่ามีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนแน่นอน เพราะ จากผลการสำรวจพบว่า ชาวจีนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว มี 29.62% ที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น ททท. ควรเร่งชี้แจงข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข่าวสารตามความจริงโดยเร็ว นอกจากนั้นเรื่องของ ภาษาและการบริการก็ยังเป็นปัญหาสำคัญที่ไทยควรแก้ไข ซึ่งช่วงหลังโอลิมปิกไปถึงปลายปีนี้ มั่นใจว่าชาวจีนจะเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก และหากสถานการณ์ประเทศไทยสงบ ชาวจีนน่าจะมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น 5-10%
ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล รองนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ดูแลตลาดจีน กล่าวว่า ปลายปีนี้ เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีความหวังที่จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว เพราะ หมดเรื่องโอลิมปิกไปแล้ว ดังนั้นหากการชุมนุมในประเทศไทยไม่บานปลาย ไม่มีภาพการปราบจลาจล มั่นใจว่า ชาวจีนจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนมาก ขณะนี้มีบริษัทนำเที่ยวจากจีนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามสถานการณ์จำนวนมาก เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจีนเป็นตลาดอ่อนไหว แต่ก็ฟื้นตัวเร็วเช่นกัน
นายอำนวย เทียมกรีกุล ผู้อำนวยการ สำนักงาน ททท. กรุงปักกิ่ง กล่าว ทางสำนักงาน เร่ง ทำหนังสือชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่ายังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเพียงจุดเดียว คือในกรุงเทพฯ ส่วนสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น CNN และ BBC ก็เผยแพร่ภาพการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
จากการที่รัฐบาลอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางไปเที่ยวได้มากถึง 134 ประเทศทั่วโลก ทำให้ประเทศไทยมีคู่แข่งขันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีเกาะสวยงาม รวมถึงมาเลเซีย และ บาหลี ปัจจุบัน ไทยเป็นเดสติเนชั่นลำดับที่ 6 ที่ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยว ลดจากปี 2544 ที่อยู่อันดับที่ 3
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองไทยที่เกิดขึ้นขณะนี้ ยอมรับว่ามีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวจีนแน่นอน เพราะ จากผลการสำรวจพบว่า ชาวจีนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว มี 29.62% ที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น ททท. ควรเร่งชี้แจงข้อมูลและประชาสัมพันธ์ข่าวสารตามความจริงโดยเร็ว นอกจากนั้นเรื่องของ ภาษาและการบริการก็ยังเป็นปัญหาสำคัญที่ไทยควรแก้ไข ซึ่งช่วงหลังโอลิมปิกไปถึงปลายปีนี้ มั่นใจว่าชาวจีนจะเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก และหากสถานการณ์ประเทศไทยสงบ ชาวจีนน่าจะมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น 5-10%
ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล รองนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ดูแลตลาดจีน กล่าวว่า ปลายปีนี้ เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีความหวังที่จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว เพราะ หมดเรื่องโอลิมปิกไปแล้ว ดังนั้นหากการชุมนุมในประเทศไทยไม่บานปลาย ไม่มีภาพการปราบจลาจล มั่นใจว่า ชาวจีนจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนมาก ขณะนี้มีบริษัทนำเที่ยวจากจีนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามสถานการณ์จำนวนมาก เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งจีนเป็นตลาดอ่อนไหว แต่ก็ฟื้นตัวเร็วเช่นกัน
นายอำนวย เทียมกรีกุล ผู้อำนวยการ สำนักงาน ททท. กรุงปักกิ่ง กล่าว ทางสำนักงาน เร่ง ทำหนังสือชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่ายังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเพียงจุดเดียว คือในกรุงเทพฯ ส่วนสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น CNN และ BBC ก็เผยแพร่ภาพการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง