ศูนย์ข่าวศรีราชา –โรงพยาบาลกรุงเทพเครือข่ายภาคตะวันออก ประกาศปรับลดอัตราค่าบริการทางการแพทย์ในปี 2551 ของโรงพยาบาล 6 แห่งลง 15 % เช่นเดียวกับอัตราค่าห้องพักที่จะปรับลดถึง 40% เพื่อรักษาฐานคนไข้กำลังซื้อสูง กลุ่มชาวต่างชาติและกลุ่มผู้เอาประกัน ที่พบว่าปี 2550 ลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยังจะประสานการทำงานร่วมกันเพื่อลดต้นทุนการจัดหาทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ เผยแผนดังกล่าวจะทำให้การดำเนินธุรกิจ มีกำไรไม่น้อยกว่า 10-15%
นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพภาคตะวันออก และสมุย เผยถึงการดำเนินงานของโรงพยาบาลในเครือดุสิตเวชการ ในปี 2551ว่า นอกจากจะให้ความสำคัญที่การเป็นองค์กรเปิดเพื่อให้บริการทางการแพทย์ พัฒนาคุณภาพงานบริการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ให้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังจะมุ่งเน้นการทำงานของระบบโรงพยาบาลเครือข่ายที่มีอยู่ 17 แห่งทั่วประเทศ เพื่อปรับลดต้นทุนการดำเนินงานและการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ได้ของดีที่มีราคาถูกลง เพื่อนำส่วนต่างที่เหลือมาใช้ในการปรับลดอัตราค่าบริการให้แก่ประชาชน
ในปี 2551 โรงพยาบาลกรุงเทพเครือข่ายภาคตะวันออก ในเครือดุสิตเวชการ ตั้งเป้าปรับลดอัตราค่าบริการทางการแพทย์ลง 15% และในส่วนของห้องพักจะปรับลดลง 40%
“ช่วงกลางปี 50 เราเจอปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งมีผลต่อการตอบรับในการเข้ารับบริการของกลุ่มคนไข้ประจำ ทำให้การเติบโตทางธุรกิจไม่สอดรับกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยยอดรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาลในภาคตะวันออก ที่ประกอบด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพตราด และโรงพยาบาลกรุงเทพสมุย ลดลงจากปีก่อนประมาณ 10% ในปีนี้เราจึงมีแผนที่จะปรับลดอัตราค่าบริการทางการแพทย์และห้องพัก เพื่อดึงกลุ่มคนไข้เก่ากลับคืน และเพิ่มสัดส่วนของกลุ่มคนไข้ใหม่ให้เพิ่มขึ้น”
แผนการตลาดที่สำคัญของโรงพยาบาลกรุงเทพภาคตะวันออกและสมุย ในปี 2551 ที่นอกจากการปรับลดอัตราค่าบริการทางการแพทย์ และชะลอการลงทุนเพิ่มในส่วนของงานก่อสร้างต่างๆ แล้ว ยังเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาทางการแพทย์เฉพาะทาง งานบริหาร และเพิ่มบริการเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ Sky ICU และบริการเช่าเหมาลำส่วนบุคคล (Fly Limousine) ซึ่งปัจจุบันบริษัทกรุงเทพเฮลิคอปเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด ได้จับมือร่วมกับบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) เพื่อให้บริการดังกล่าวทั้งในส่วนของศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลในกลุ่มกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เพื่อเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
นายแพทย์กฤตวิทย์ ยังเผยอีกว่าในปีนี้โรงพยาบาลกรุง เทพเครือข่ายภาคตะวันออก น่าจะสร้างรายได้จากการดำเนินการไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ที่เกิดขึ้นในเครือดุสิตเวชการหรือประมาณ 30% ของยอดรายได้ทั้งหมด และคาดว่ากลุ่มโรงพยาบาลเครือข่ายภาคตะวันออกจะสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานได้ไม่น้อยกว่า 10-15% ซึ่งจะเป็นผลที่เกิดจากการปรับแผนการตลาด และการปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ที่จะทำให้กลุ่มคนไข้ทั้งชาวไทยและต่างชาติของโรงพยาบาลในเครือเพิ่มมากขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าค่าบริการทางการแพทย์และห้องพักของเราสูง ทำให้คนไข้ประจำและคนไข้ในส่วนผู้เอาประ กันหายไป ซึ่งในทางธุรกิจโร พยาบาลเครือข่ายภาคตะวันออกในปีที่ผ่านมาและปีนี้ ย่อมหนีไม่พ้นการได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีโอกาสในกลุ่มคนไข้ต่างชาติที่เราจะต้องรักษาไว้ให้ดี จึงหันมาเน้นเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายภายในเพื่อปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ ซึ่งการทำงานเป็นทีมและการประสานงานระหว่างโรงพยาบาลในเครือจะทำให้ต้นทุนจัดหาทรัพยากร บุคลากร และเครื่องมือทางการแพทย์ถูกลง ”
สำหรับการลงทุนเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อรักษาคุณภาพการรักษา ที่ปัจจุบันโรงพยาบาลกรุงเทพเครือข่ายภาคตะวันออกได้รับการยอมรับว่าเป็นที่ 1 ในภาคตะวันออกนั้น นอกจากจะเพิ่มแพทย์เฉพาะทางเพื่อรองรับการรักษาในส่วนต่างๆ แล้วในปี 2551 ยังตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์อีกไม่น้อยกว่า 80-100 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันทางธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในภาคตะวันออก พบว่าปี 2551 พื้นที่ที่จะมีการแข่งขันรุนแรงทั้งในเรื่องของคุณภาพการรักษา และการจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์สมัยใหม่เพื่อดึงดูดกลุ่มคนไข้ทั้งชาวไทยที่มีกำลังซื้อ และชาวต่างชาติจะอยู่ที่จังหวัดชลบุรีและเมืองพัทยา รองลงมาคือระยอง จันทบุรีและจังหวัดตราด
ส่วนการขยายตัวรวมทั้งเพิ่มพื้นที่งานบริการของโรงพยาบาลเอกชน ที่เปิดดำเนินการอยู่ก่อนจะมีให้เห็นมากขึ้น เช่นเดียวกับการขยายพื้นที่เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดของโรงพยาบาลส่วนกลาง ที่ปัจจุบันมีกระแสข่าวว่าโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กำลังขยายพื้นที่การรักษาเข้ามาในเมืองพัทยา และคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2552