ศูนย์ข่าวศรีราชา - “สมิติเวชศรีราชา” โวผลประกอบการปี 51 ยังสร้างผลกำไร เติบโตจากปีก่อนถึง 44% ขณะที่ตัวเลขคนไข้ขยายตัวสูงถึง 24% เผยแม้แนวโน้มเศรษฐกิจปี 52 จะย่ำแย่แต่ก็ยังจะไม่ปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ และเลือกที่จะชะลอแผนลงทุนกว่าพันล้านในการผุดอาคารหลังใหม่ พร้อมที่จอดรถขนาด 600 คันออกไปเพื่อจับทิศทางเศรษฐกิจก่อนประเมินความน่าจะเป็น ในการลงทุนในทุกไตรมาส โดยนำงบที่ตั้งไว้มาปรับปรุงอาคารเก่าและซื้อเครื่องมือแพทย์ทันสมัยเสริมศักยภาพแทน
โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา ที่นำโดย ผศ.นพ.สมชาย พัฒนะเอนก ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้จัดให้มีการแถลงผลการดำเนินงานในปี 2551 พร้อมจัดเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนในพื้นที่ ณ ห้องชั้น 4A โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมพื้นที่ต่างๆ ของโรงพยาบาลที่ได้รับการปรับปรุง ทั้งห้องพักระดับ VIP บนชั้นที่ 10 ห้อง ICU ศูนย์หัวใจ แผนกเอกซเรย์ และบ่อบำบัดน้ำเสีย
ผศ.นพ.สมชาย เผยถึงผลประกอบการของโรงพยาบาลในปี 2551 ว่า ในแง่การเติบโตของยอดคน ไข้ทั้งคนไข้ในและคนไข้นอก รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อรับการรักษาในส่วนของโรคที่ไม่ต่อเนื่อง ทำฟันและศัลยกรรมกับโรงพยาบาลโดยตรงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 24% โดยเฉพาะคนไข้กลุ่มหลังในปี 51 มีตัวเลขขยายตัวถึง 20% และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากไม่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาโรงพยาบาลฯ ต้องเพิ่มแพทย์เฉพาะทางอีกประมาณ 10 คน รวมจำนวนแพทย์ที่ให้บริการทางการแพทย์ในขณะนี้ไม่น้อยกว่า 70 คน
ขณะที่การเพิ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มเครื่องสวนหลอดเลือดหัวใจที่พบว่าหลังเปิดให้บริการในศูนย์หัวใจอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โรงพยาบาลฯ สามารถช่วยชีวิตคนไข้หัวใจวายเฉียบพลันได้หลายราย
ส่วนการสร้างผลกำไรทางธุรกิจพบว่า ในปี 2551 โรงพยาบาลฯ ยังสามารถสร้างกำไรสุทธิได้เติบโตจากปีก่อนถึง 44% ของผลประกอบการที่มีมากกว่าพันล้านบาท ทั้งที่นโยบายหลักของกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชทั้ง 3 แห่งยังยึดมั่นที่จะไม่ขึ้นค่ารักษาพยาบาลและจะยังใช้นโยบายดังกล่าวในปี 2552 เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มคนไข้ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ทำให้การดำเนินงานของโรงพยาบาลมีแนวโน้มเติบโตที่ดี มาจากการยอมรับของกลุ่มคนไข้ในพื้นที่ภาคตะวันออก ด้านงานบริการและศักยภาพในการรักษาพยาบาล
ประกอบกับการที่ผ่านมาโรงพยาบาลได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความเชื่อถือด้านการรักษาพยาบาล อาทิ การได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจาก JCI การได้รับมาตรฐาน HA หรือแม้แต่การลงทุนด้าน POCT ซึ่งโรงพยาบาลฯ ถือเป็นแห่งที่ 2 ของประเทศที่สามารถตรวจคนไข้ ณ จุดเกิดเหตุและสามารถทราบผลการตรวจสอบอย่างแม่นยำได้ในทันที
“นอกจากนี้ เรายังเพิ่มความทันสมัยของอุปกรณ์เอกซเรย์ที่ไม่ใช้ฟิล์ม ด้วยการนำเข้าเครื่องมือเอ็กซเรย์ดิจิตอลมูลค่า 4.5 ล้านบาท ซึ่งแพทย์สามารถหาผลเอ็กซเรย์ได้ในห้องตรวจเลยถือเป็นการลดเวลาในการตรวจรักษา และยังได้รู้ผลแบบ 100% ขณะเดียวกันก็ยังยกแผนกทางเดินอาหาร และสถาบันตับจากโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท มาไว้ที่นี่ซึ่งก็จะทำให้ศักยภาพการรักษาพยาบาลของเราสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น”
**ชะลอผุดอาคารใหม่มูลค่าพันล้านดูทิศทางเศรษฐกิจ
ผศ.นพ.สมชาย ยังเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2552 ที่ส่อเค้าว่าจะย่ำแย่ว่า ไม่ทำให้โรงพยาบาลฯ ต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะยังมั่นใจว่าจะได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้รักษาในพื้นที่ภาคตะวันออกรวมถึงชาวต่างชาติเช่นเดิม อย่างไรก็ดีจำเป็นต้องชะลอแผนก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาลหลังใหม่ในเนื้อที่ 1.1 หมื่นตารางเมตรที่จะมีอาคารจอดรถขนาด 600 คันออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไปทางเศรษฐกิจ ซึ่งหลังจากนี้ไปจะประเมินความน่าจะเป็นในการลงทุนในทุกไตรมาส และหากพบสัญญาณที่ดีก็จะเริ่มลงทุนในทันที
“ตอนนี้รูปแบบตึก และการขออนุญาตดำเนินการ รวมถึงเงินทุนที่จะใช้มันพร้อมหมดแล้ว แต่ที่เราชะลอโครงการออกไปก็เพื่อดูทิศทางเศรษฐกิจ เพราะมีความเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัวของอเมริกาน่าจะเป็นการตกต่ำแบบรูปตัว V ที่ชี้ให้เห็นว่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 40 ที่ตกต่ำแบบรูปตัว U ดังนั้น เราก็เลยจะต้องประเมินกันทุกไตรมาส และแม้เราจะยังไม่ลงทุนในโครงการใหญ่ แต่เราก็นำงบที่จัดตั้งไว้มาปรับปรุงส่วนต่างๆ ของอาคารเก่า และเสริมศักยภาพของเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งในส่วนนี้ต้องนับได้ว่าเราโชคดีที่ยังไม่ได้กดปุ่มลงทุน” ผศ.นพ.สมชาย กล่าว