ศูนย์ข่าวศรีราชา -กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพเครือข่ายภาคตะวันออก ตื่นรับกระแสดีดกลับธุรกิจ Health Care ปี 2553 หลังพบปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น จนทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ารับการบริการทั้งที่พัทยาและเกาะช้างยอดพุ่ง ทุ่ม 200 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยประจำโรงพยาบาลที่อยู่ในการดูแลทั้ง 4 แห่ง พร้อมตั้งเป้าเติบโตทางธุรกิจเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 10% หลังวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองปี 52 ทำยอดเติบโตเป็นศูนย์
นายแพทย์ประยุทธ สมประกิจ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพเครือข่ายภาคตะวันออก ที่ประกอบด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โรงพยาบาลกรุงเทพตราดและอีกหนึ่งคลินิกในพื้นที่เกาะช้าง เผยถึงแผนลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลในเครือภาคตะวันออก ปี 2553 ว่า นอกจากจะทุ่มงบประมาณไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยให้แก่โรงพยาบาล 4 แห่งในเครือภาคตะวันออก เพื่อยกระดับการให้บริการทางการแพทย์โดยเฉพาะศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางให้มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว
การเป็น Medical Hub ของโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ก็จะฉายภาพความสมบูรณ์แบบของการเป็นศูนย์ผ่าตัดหัวใจที่ดีที่สุดในภาคตะวันออก เพื่อดึงกลุ่มคนไข้ในพื้นที่ให้ลดการเดินทางเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลในกรุงเทพ ให้น้อยลง โดยในปีนี้โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จะมีเครื่องอัลตราซาวนด์ สำหรับตรวจหลอดเลือดหัวใจเพื่อให้การวินิจฉัยสมบูรณ์มากขึ้น และยังสามารถให้บริการผ่าตัดหัวใจและทำบอลลูนหัวใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง จะลงทุนด้านเครื่องตรวจหัวใจ และเพิ่มการให้บริการด้านศูนย์อุบัติเหตุ ซึ่งในปีนี้จะมีศูนย์ดังกล่าวทั้ง 4 โรงพยาบาล เนื่องจากพื้นที่ภาคตะวันออก การท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางโดยรถยนต์ ดังนั้นการสร้างความพร้อมในศูนย์อุบัติเหตุถือเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่โรงพยาบาลจันทบุรี จะเพิ่มศูนย์ MRI และหมอด้านหัวใจ และยังจะร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพตราด ขยายเครือข่ายการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษายังคลินิกเกาะช้างให้มากยิ่งขึ้น
“ที่สำคัญในปี 2553 โรงพยาบาลกรุงเทพเครือข่ายภาคตะวันออก ยังมีนโยบายกำหนดค่ารักษาพยาบาลในอัตราเดียวกัน และในปีนี้โรงพยาบาลหลายแห่งใน ตอ.ยังเพิ่มศักยภาพการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยการเพิ่มเฮลิคอปเตอร์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลกรุงเทพ เรามีเฮลิคอปเตอร์ของตนเอง และยังมีรถโมบาย ICU และรถพยาบาลในทุกจุด ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของเรารวดเร็วยิ่งขึ้น”
นายแพทย์ประยุทธ ยังเผยถึงทิศทางธุรกิจHealth Careในปี 2553 ของภาคตะวันออกว่าน่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน เนื่องจากในปี 2552 ธุรกิจนี้ค่อนข้างได้รับผลกระทบทั้งจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว จึงได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวค่อนข้างมาก เห็นได้จากโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ที่เจอทั้งปัญหาการปิดสนามบินและเหตุการณ์ล้มประชุมอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองพัทยาของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้ยอดคนไข้ต่างชาติที่มีมากถึง 60% และกลุ่มคนไข้ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจนน่าใจหายจนทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีดังกล่าวเป็นศูนย์
“แต่ตอนนี้สัญญาณการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเริ่มดีขึ้น เห็นได้จากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับมาตั้งแต่ต้นปี และยอดการเข้ารับการรักษาของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหากสถานการณ์ทางการเมืองไม่รุนแรง ก็คาดว่าผลประกอบการรวมของกลุ่มเครือข่ายภาคตะวันออกจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ารับบริการที่คลินิกเกาะช้าง และโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี ก็มีภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหามาบตาพุดได้ ก็อาจมีผลกระทบต่อการจ้างงาน ซึ่งก็หมายถึงผลกระทบที่จะเกิดกับการดำเนินงานของโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ในปี 2553 เช่นกัน ” นายแพทย์ประยุทธ กล่าว
