เมื่อวานนี้ (4 ม.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมมีมติ 4 ต่อ 1 สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) ในกรณีของนายธนาธร โล่ห์สุนทร ว่าที่ส.ส. เขต 1 พรรคพลังประชาชน จ.ลำปาง โดยนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เห็นว่า กรณีดังกล่าวหลักฐานน่าจะถึงตัวบุคคล ควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่กกต.อีก 4 คนเห็นว่า ควรสั่งเลือกตั้งใหม่เท่านั้นโดยจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 13 ธ.ค. เพราะหลักฐานไม่ถึงตัวว่าที่ ส.ส. ซึ่งกกต.ทุกคนแสดงเหตุผลของตัวเองอย่างรอบด้าน และมีมติดังกล่าว ทั้งนี้กกต.ยังได้มีมติ 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้องกรณีนายทศพร เทพบุตร ว่าที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ภูเก็ต ถูกร้องเรียนว่า นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ภรรยาใช้ตำแหน่งนายกอบจ.จัดเลี้ยงหัวคะแนน เพื่อจูงใจให้ลงคะแนน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่าที่นายธนาธร ถูกใบเหลืองในข้อหาให้หัวคะแนนมอบเงินให้ผู้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งจากการสอบสวนพยานระบุว่า ขณะที่มีการมอบเงินนั้นนายธนาธร อยู่ที่เกิดเหตุ แต่ที่กกต.เห็นว่าไม่ถึงขั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ก็เพราะเมื่อสอบถึงความเกาะเกี่ยวระหว่างหัวคะแนนกับนายธนาธร พบว่าหลักฐานไม่สามารถโยงไปถึงผู้สมัครได้ เช่นเดียวกับนาย กิตติกร โล่ห์สุนทร และนายวาสิต พยัคฆ์บุตร ว่าที่ ส.ส.เขตเดียวกัน เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีพยานยืนยันว่า เห็นทั้ง 2 คนอยู่ในที่เกิดเหตุที่มีการแจกเงิน กกต.จึงยกคำร้องในส่วนนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการยกคำร้องคัดค้านจำนวน 3 เรื่อง คือ กรณีที่ จ.ภูเก็ต ยกคำร้องที่มีการร้องคัดค้านนายทศพร เทพบุตร นายเรวัต อารีรอบ ว่าที่ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ และกรณี จ.ศรีสะเกษ ยกคำร้องคัดค้านนายธีระ ไตรสรณกุล นาย วิวัฒนชัย โหตระไวศยะ ว่าที่ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชน และกรณี จ.อำนาจเจริญ ยกคำร้องคัดค้าน นายวิเชียร อุดมศักดิ์ ว่าที่ส.ส พรรคพลังประชาชน แต่เนื่องจากนายวิเชียร ถูกร้องคัดค้านอีก 1 เรื่อง ซึ่งกกต. มีมติให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม และหากมีมูลให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมให้รับฟังคำชี้แจง
นายสุทธิพล ยังกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาคำร้องกรณีนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขอให้พิจารณาการแต่งตั้ง พล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส. มาปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนสำนวนการร้องเรียน และร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้งว่าไม่มีความเป็นกลางทางการเมืองนั้น ที่ประชุม กกต.ได้เชิญพล.ต.ต.ชัยยะมาชี้แจง ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันในความสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้วมีมติว่า ให้พล.ต.ต.ชัยยะ มอบสำนวนเรื่องร้องคัดค้านที่ดำเนินการอยู่ให้กับผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดนี้ กกต.งดการประชุม โดยจะเริ่มประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการพิจารณาว่าจะรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ส.ส. ที่ยกคำร้องคัดค้าน
**พปช.บุรีรัมย์ขนม็อบปิดล้อม กกต.
วานนี้ (4 ม.ค.) เวลาประมาณ 08.00 น. นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่ ส.ส. เขต 2 บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน (พปช.) ในฐานะประธานประธานคณะกรรมการประสานงานภาคอีสาน พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย ว่าที่ ส.ส.ของพรรค พปช.จากทั้ง 4 เขตใน จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดง 3 คน , ผู้ที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว 5 คน และยังไม่รับรองอีก 1 คน รวม 9 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล นายสนอง เทพอักษรณรงค์ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ นายโสภณ ซารัมย์ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน นายรุ่งโรจน์ ทองศรี นายประกิจ พลเดช และนายทรงศักดิ์ ทองศรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับร.ต.อ.ปิยะชาติ ตรีพรไพรัช พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.จว.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต. บุรีรัมย์ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน
โดยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันกระทำผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, กระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 29, มาตรา 45 กระทำการใดหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการจัดการเลือกตั้ง , พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 140 มุ่งใส่ร้าย และนำหลักฐานอันเป็นเท็จเสนอต่อ กกต.กลาง มีเจตนาไม่ให้มีการรับรองผลการเลือกตั้ง และให้ผู้กล่าวหาถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งได้นำผู้ต้องหาที่หนีหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน มาเป็นพยานในคดีซื้อเสียง อีกทั้งได้มีการคุ้มครองอย่างแน่นหนา แต่ไม่มีการจับกุมถือว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส. เขต 2 บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนยังมีความเคารพและไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.กลาง แต่ไม่ไว้วางใจการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.บุรีรัมย์ เพราะที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.จังหวัดบางท่าน ได้แก่ นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต. และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นประธานฝ่ายสืบสวน มีความไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ และมุ่งใส่ร้ายผู้สมัครจากพรรค พปช. ให้ถูกเพิกถอนสิทธิ พร้อมกันนี้ตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับพยานของ กกต.จังหวัดบางคน ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ผู้ที่ กกต.นำมาเป็นพยานนี้เป็นผู้ที่เคยก่อคดีมาอย่างโชกโชน และมีหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนอีกด้วย
นอกจากนี้ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ, นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ พรรค พปช. และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่ ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ พรรค พปช. ยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ และมีตำแหน่งเป็นรอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีที่ไม่จับกุม นายเปียง โสมวิเศษ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.11 ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ จ.411/2548 ออกเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 48 ท้องที่ สภ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด คดี กระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน ซึ่ง กกต.นำมาเป็นพยานของ กกต.อีกด้วย
ต่อมาเวลา 12.00 น. ว่าที่ ส.ส. เขต 1 บุรีรัมย์ พรรค พปช. ที่ถูกให้ใบแดงทั้ง 3 คน พร้อมชาวบ้านจากทุกอำเภอกว่า 10,000 คน ได้เดินทางเข้ามาชุมนุมประท้วงที่หน้าสำนักงาน กกต.บุรีรัมย์ เพื่อคัดค้านการพิจารณาให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.อ้างไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเลือกตั้ง โดยแกนนำชาวบ้าน และว่าที่ ส.ส.ที่ถูกให้ใบแดงทั้ง 3 คน ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีกล่าวหาการทำงานของ กกต.ว่าไม่เป็นกลาง พร้อมเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงถึงความชอบธรรมด้วย ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่มารักษาความสงบเรียบร้อยร่วม 100 นาย เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายขึ้น
นอกจากนั้น ชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วงยังไม่ร่วมกันลงชื่อ ถอดถอนนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ออกจากตำแหน่งอีกด้วย
**ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อก่อนสลายตัว
เวลา 16.00 น. การชุมนุมประท้วงเริ่มบานปลาย เมื่อชาวบ้านได้เคลื่อนตัวเข้าไปปิดล้อมประตูทางเข้า – ออก กกต.จังหวัดเพื่อกดดันให้ กกต.ออกมาชี้แจงการพิจารณาให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส. ท่ามกลางตำรวจ ทหาร และ อส. กว่า 100 นาย ตรึงกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมก่อเหตุความวุ่นวาย หรือบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ทั้งนี้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ประกอบด้วย นายสุโชติ ทมกระโทก นายสากล คงเกษ นายโกวิทย์ นาวีสัมพันธ์ นายพีระวัส พันธุ์สัมฤทธิ์ และนายวิสิทธ์ เจริญอิทธิกุล เข้าไปเจรจาร่วมกับ ว่าที่ร้อยตรี กวี ชุนเกาะ รักษาการ ผอ. กกต.จังหวัด โดยมีนายประวัติ รัฐิรมย์ รองผวจ.บุรีรัมย์ เป็นประธานในการเจรจา
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่น 4 ข้อเรียกร้องก่อนสลายตัว ดังนี้ 1. ขอเสนอให้นายเกษม วัฒนธรรม รองผวจ. ในฐานะ ประธาน กกต. และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ในฐานะกกต. ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ยุติบทบาทในตำแหน่งดังกล่าวเป็นการชั่วคราว 2. ให้ กกต.แต่งตั้งบุคคลจากสำนักงาน กกต.มาปฏิบัติหน้าที่แทนบุคคลตามข้อ 1 เป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการสืบสวน สอบสวนใหม่ เกี่ยวกับสำนวนคดีที่ให้ใบแดงแก่ว่า สส.ทั้ง 3 คน
3. นายประวัติ รัฐิรมย์ รองผวจ. ที่ได้รับมอบหมายจากผวจ.บุรีรัมย์ รับว่าจะนำข้อเสนอตามข้อ 1 รายงานกระทรวงมหาดไทย และแจ้งผู้บังคับการการตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง 4. ส่วนกรณีการให้ใบแดง ว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คน รักษาการ ผอ.กกต.จังหวัด ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ไม่ใช่มติของ กกต.จังหวัด แต่เป็นความเห็นของคณะกรรมการการสืบสวนสอบสวน ที่ กกต.แต่งตั้งเป็นผู้เสนอความเห็นต่อ กกต.โดยตรง
**แฉหลอกชาวบ้านไปถวายความอาลัยฯ
ด้านนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัครส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเบื้องลึกของการนำม็อบมากดดัน กกต. ครั้งนี้ว่า บรรดาหัวคะแนนของผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้ไปชักชวนชาวบ้านโดยบอกว่า จะพาไปถวายความอาลัยต่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยให้แต่งชุดดำ และนำบัตรประชาชนไปด้วย แต่เมื่อไปถึงกลับพาไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานกกต.จังหวัด เพื่อทำการประท้วงดังกล่าว และมีรายงานว่า ผู้ที่มาร่วมประท้วงได้รับเงินคนละ 200 บาทด้วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า จากการที่ กกต. ส่งสำนวนการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของนายประกิจ พลเดช นายรุ่งโรจน์ ทองศรี และ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน 3 ว่าที่ ส.ส. เขต 1 จ.บุรีรัมย์ ไปให้ คณะกรรมการตรวจสอบของกฤษฎีกาพิจารณาตามกฎหมายนั้น ล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือขอให้ กกต. ไปชี้แจงสำนวนในวันที่ 8 ม.ค.นี้
** "หมัก"ยังอ้างมือสกปรกสกัด พปช.
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์วิทยุรัฐสภา หลังเข้ารายงานตัว ส.ส. ว่า กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ พรรคพลังประชาชนต้องฝ่าขวากหนามมากมาย มีคนพยายามจะสับนักการเมืองพวกนี้เป็นท่อนๆ แต่ตนก็ไปรวบรวมผู้คนมาสู้ในนามพรรคพลังประชาชน ที่ผ่านมามีคนสงสัยว่า เอาเงินจากไหนมาใช้ในการหาเสียง แต่พรรคการเมืองเก่าที่ประกาศว่า ไม่เคยใช้เงินหิ้วกระเป๋าหนึ่งใบเข้ามาเล่นการเมือง แต่ไปๆ มาๆ กลับบอกว่ามี 600 กว่าล้าน แต่เราได้ 130 ล้าน ซึ่งมาจากการบริจาค
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ตอนนี้มีความพยายามสกัดไม่ให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการยกคดีที่ติดตัว แม้กระทั่งคดีหมิ่นประมาท ที่ไม่มีการรอลงอาญา แต่ยังเหลืออีก 2 ศาล สุดแล้วแต่ศาลจะเห็นอย่างไร หรือมีคนมาขู่เข็ญว่า จะเอาคดีรถดับเพลิงมาสกัด ตนขอท้าว่าให้มาเลย ไม่มีปัญหา
"วันนี้เรามีขวากหนามเยอะ ที่ผมต้องตัดสินใจตั้งรัฐบาลก่อนโดยไม่รอใคร เพราะว่ามีมือสกปรกยื่นมา ผมยืนยันเลยว่ามีความสกปรกจริง มีคนให้เงินคนไปทำงานนอก จัดการหาพยานส่งรถจัดส่งเข้ามาสอบในกรุงเทพฯ ตำรวจในกรุงเทพฯ โทรมาบอกว่า ทำไมคดีในต่างจังหวัดมาให้ในกรุงเทพฯสอบ" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวว่า หลังจากที่พรรคพลังประชาชนได้คะแนนเสียง 233 เสียง อีกพรรคหนึ่งได้ 165 เสียง ถ้าเป็นประเทศอื่นต้องมีการโทรศัพท์มาแสดงความยินดี แต่ปรากฎว่าไม่ทำ แต่ตั้งป้อมประกาศตั้งรัฐบาลแข่ง และที่ประหลาดมาก มีการไปออกข่าวว่าพรรคตนจะได้ใบแดง 50-60 ใบ เป็นเรื่องที่ประหลาดจริง ๆ
นายสมัคร กล่าวว่า ตนขอใช้สิทธิที่เคยถูกเตะออกจาก ส.ว. จากการยึดอำนาจแล้ววันนี้จะมีใครมาเตะอีกก็ไม่รู้ แต่หลังยึดอำนาจมา บ้านเมืองเสียหายย่อยยับ ตนต้องมากอบกู้ หลังจากนี้พรรคที่เราได้รวบรวมไว้จะต้องต่อสู้กับขวากหนามที่ถูกต้อง โดยรัฐธรรมนูญ ทำอะไรก็ไม่ได้ ยุ่งยากไปหมด ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีก็โหวตให้ตนเองไม่ได้ จนทำให้ต้องไปเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี ถึงจะปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ
**เดือดถูกแฉติดหนี้แล้วชักดาบ
นอกจากนี้ น.ส.พ.ยังดูหมิ่นเหยียดหยาม ตนมาตลอด ล่าสุดคอลัมนิสต์ น.ส.พ.มติชน ชื่อนายประสงค์ เขียนบทความเหมือนตนเป็นคนเลว บอกว่าตนกินข้าวแกงที่ น.ส.พ.สยามรัฐ จานละ 14.50 บาท แต่สมัครให้ใบละ100 แม่ค้าบอกไม่มีทอนรู้ไหม นายสมัครทำอย่างไร แล้วก็จบ ทั้งที่ความเป็นจริงตนเป็นฟรีแลนซ์ ไม่เคยนั่งทำงานในสยามรัฐ และไม่รู้ว่า ที่นั่นมีร้านข้าวแกงด้วย นอกจากนี้ ยังมีปากที่มองไม่เห็น สั่งให้เขียนการ์ตูนด่าตนว่า เป็นคนก้าวร้าว ไม่ควรเป็นนายกฯ
**วิชั่น"หมัก"เล่นพนันเป็นเรื่องสนุก
นายสมัคร แสดงความข้องใจผลเอ็กซิตโพล ที่ไม่ตรงกับความจริง โดยเฉพาะใน กทม.ที่พรรคได้ 21 คน ปชป.ได้ 15 คน แต่พอผลเลือกตั้ง ซึ่งรวมการเลือกตั้งล่วงหน้าปรากฎว่า พปช.ได้ 9 ปชป.ได้ 21 ที่นั่ง เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะแม้แต่ปากน้ำ อยู่ติดกับกทม. เราก็กวาดหมดทุกที่นั่ง และคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ากับเลือกตั้งปกติ ก็เท่ากันดี วันที่เราทำโพลเลือกตั้งล่วงหน้าได้ 70 ต่อ 30 แต่พอคะแนนจริงออกมาเราได้ 20 คู่ต่อสู้ได้ 80 บางหีบเขาบอกว่า เราได้ 0 มันเป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องคิดบัญชีกัน
นอกจากนี้ การเลือกตั้งล่วงหน้าทุกครั้งต้องมีการลงทะเบียนก่อน แต่ครั้งนี้เหมือนมหกรรม 2 วัน ถามว่าใครเป็นคนบอกให้เลือกตั้งล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน และใครเป็นคนสั่งไปไว้บนเขตชั้น 5 แทนที่จะเอาไปขังไว้ในโรงพัก กกต.ก็ตอบไม่ได้ วันนี้ เห็นได้ชัด ว่ามี ความบกพร่องเพราะคะแนนมันฟ้อง ต้องมีการตรวจสอบแน่นอนโดนเฉพาะใน กทม. ว่าเขตไหนเอาหีบไปไว้บนชั้น 5 ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลง และก่อนการเลือกตั้ง มีการเล่นพนันพปช. เป็นต่อมาโดยตลอด แต่พอก่อนเลือกตั้ง 2 วัน หลังจากผ่านการเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้ว พรรคกลับเป็นรองทันที
ขณะที่ผู้ดำเนินรายการแย้งว่า การเล่นพนันเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย แต่นายสมัคร แย้งกลับไปว่า "เขามีกันทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องสนุก ขนาดฟุตบอลยังพนันกัน"
**โวยแขวน 65 ว่าที่ ส.ส.มีพิรุธ
ส่วนว่าที่ส.ส.ที่ถูกแขวน 65 คน มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ที่ยังไม่รับรองผล เพราะยังไม่มีการสอบสวน อย่างเช่น นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก็ยังไม่เข้าคำชี้แจงกับ กกต. ซึ่งที่ค้างอยู่ก็มีของทุกพรรค ถ้าสอบเสร็จก็จบ แต่ปัญหาคือปฎิกริยาที่กระดี้กระด้า ว่าจะต้องแจกใบแดงเท่านั้น เท่านี้ คือข้อพิรุธ ว่ารู้กันได้อย่าไร แต่ที่ตนรู้คือ มีคนให้สตางค์ตำรวจไปทำงาน โดยไม่ใช้เงินหลวง
"การเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อย เพราะมีคนอยากให้มีใบแดง 65 ใบ กกต. เขาเสียหาย จะออก 65 ใบได้อย่างไร ผมยืนยันว่ามีคนภายนอกเข้ามาจัดการ เราทำเรื่องไปถึง สตช.ให้เปลี่ยนนายตำรวจคนหนึ่งออกจากกระบวนการสอบสวน เพราะว่าไปใช้ตำรวจ 700 กว่าคน ออกไปกวาดต้อนเอาพยานเข้ามาสอบในกทม. มันผิดปกติ เคราะห์ดีที่เรื่องนี้ ถูกทำให้สะดุดหยุดลงเสียก่อน
นายสมัคร กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของผู้สมัครของ พปช. ที่ดูว่ามีจำนวนมาก เป็นเพราะว่าพรรคไม่เคยร้องใคร มีแต่คนอื่นมาร้องเรียนเรา และยืนยันว่า จะไม่ฟ้องกลับใคร ทุกคนจะเอาให้เราลงให้ได้ ล่าสุดร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ศาลนัดแล้ว พยายามทำให้เห็นว่า คนในพปช. เลวทราม ต่ำช้า จึงจะต้องเยื้อยุด ฉุดกระชากจนนาทีสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ผู้ดำเนินรายการพยายามตักเตือนไม่ให้นายสมัคร กล่าวพาดพิงผู้อื่น และควบคุมให้พูดถึงนโยบายที่จะทำ หากได้เป็นรัฐบาล แต่นายสมัคร ยังคงดึงดันที่จะระบายความในใจ และพาดพิงบุคคลที่ 3 ต่อไป พร้อมทั้งบอกว่า สำหรับเรื่องนโยบายต้องอดใจรอฟังการประกาศที่รัฐสภา
**"เลี้ยบ"คุยไม่กระทบตั้งรัฐบาล
ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงว่าที่ ส.ส.ของพรรค ที่กกต.ยังไม่ประกาศรับรองอีก 65 คนว่า การที่กกต.ยังไม่ประกาศ ไม่ได้หมายความว่า จะถูกใบเหลือง ใบแดงทั้งหมด ตนยังเชื่อว่าจะมีการรับรองเพิ่มหลังจากนี้รวมทั้งการเลือกตั้งใหม่ด้วย
"เมื่อพรรคได้รับเลือกตั้งเข้ามามาก การถูกร้องเรียนมากก็เป็นเรื่องธรรมดา โดยพรรค คู่แข่งก็พยายามร้องเรียนในเขตเลือกตั้งนั้นๆ นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน เราเองเชื่อมั่นว่า ผู้ที่ถูกร้องเรียนจำนวนมากจะสามารถชี้แจงได้ หรือหากเลือกตั้งใหม่เชื่อว่าประชาชนจะให้ความไว้วางใจกับผู้สมัครของเรา"
เมื่อถามว่าจำนวนว่าที่ส.ส. ที่กกต.ยังไม่ประกาศตรงกับแผนบันได 4 ขั้นของ คมช. นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เราก็ได้ฟังจากแกนนำพรรคการเมืองบางพรรคว่า พปช.จะโดน 60 คน เดิมก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่การประกาศรับรองส.ส.รอบแรก ของกกต. มี ว่าที่ส.ส.พปช. 65 คน ยังไม่ได้รับการประกาศก็นึกประหลาดใจเหมือนกัน เพราะตัวเลขใกล้เคียงกัน แต่เรายังคิดว่าการร้องเรียนเป็นที่รับรู้ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งในสนามเลือกตั้งก็พยายามร้องเรียนให้มากที่สุด ฉะนั้นตัวเลขที่ออกมาจึงมีโอกาสเป็นไปได้
"คิดว่าไม่มีปัญหาใดๆ และไม่คิดว่าจะกระทบต่อการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ เพราะพรรคที่ประกาศร่วมกันทำงานในฐานะรัฐบาลก็ยังยึดมั่นว่าจะทำงานร่วมกันต่อไป เพราะทุกพรรคต่างเข้าใจว่า ตัวเลขที่ กกต.รับรองไปไม่ได้หมายความว่าจะเป็นใบเหลืองใบแดงทุกคน ทุกคนทราบดีว่าเป็นการรับรองเบื้องต้นเท่านั้น"
**ชท.ยังกั๊กเรื่องจับขั้วพปช.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคจะมีการประชุมในวันจันทร์นี้เพื่อประมวลผลการเลือกตั้ง รวมทั้งเรื่องที่กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ส.ส.บางคนของพรรคด้วย ส่วนในเรื่องการจับขั้วรัฐบาลคงจะไม่มีการพูดในขณะนี้ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม และตัวเลข ส.ส.ยังไม่นิ่ง ต้องรอให้กกต.มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ พรรคชาติไทยยังไม่มีการหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดิน
"สถานการณ์ขณะนี้คงไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องจับขั้วรัฐบาล และสำหรับว่าที่สส.ที่กกต.แขวนทั้ง 83 คนนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้ใบเหลืองหรือใบแดงทั้งหมด เพราะอาจจะไม่มีการให้ใบเหลืองหรือใบแดงเลยก็ได้ ซึ่งหลังจากที่เปิดสภาหาตัวประธานสภาฯแล้วก็ยังมีเวลาอีก 30 วันในการสรรหานายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นต้องขอบอกว่า ขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง และเวลานี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่า กกต.จะประกาศรับรองส.ส.ได้ครบ 95 % ภายในวันที่ 22 ม.ค."นายสมศักดิ์ กล่าว
**รช.แบะท่าเปลี่ยนขั้วหนุนปชป.
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรครวมใจไทยฯ กับพรรคพลังประชาชน ว่า เราคงรอจนกว่าจะมีความชัดเจนจาก กกต.อีกครั้งว่าจะพิจารณาอย่างไร แต่ในอนาคตถ้า พรรคการเมืองต่างๆ ที่ตกลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนแล้วจะเปลี่ยนขั้วไปจับกับพรรคประชาธิปัตย์ ทางพรรครวมใจไทยฯ ก็พร้อมจะพิจารณาใหม่ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงพรรค คงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอมติ ซึ่งขณะนี้ทุกคนพร้อมแล้ว รอเพียงความชัดเจนจาก กกต. เท่านั้น
**พผ.ดัน"สุวิทย์"นั่งรองนายกฯควบยธ.
นายสันติ สาทิพย์พงษ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ ว่าที่ ส.ส.ของพรรคทั้ง 6 คนที่กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งว่า ทางพรรคได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้เป็นการร้องเรียนจากในพื้นที่เลือกตั้ง แต่ว่าพรรคคู่แข่งได้ส่งเรื่องมาที่ กกต.กลาง โดยตรง
ทั้งนี้ ทุกคนต่างยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากนี้ต้องรอให้ กกต.กลาง ส่งหนังสือเรียกให้เข้ามาชี้แจง ซึ่งทุกคนก็มั่นใจว่าจะแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกร้องเรียนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำนวน ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนจำนวน 6 คน จะส่งผลกระทบต่อการหารือในการเข้าร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชาชนหรือไม่ และจะส่งผลกระทบถึงจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีที่พรรคจะได้รับหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า การเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน จุดใหญ่อยู่ที่แนวนโยบายของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเก้าอี้ ส.ส. ดังนั้นการพูดคุยเราจะนำเรื่องนโยบายมาเป็นหลัก
เมื่อถามว่าการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค จะเริ่มดำเนินการเมื่อไร นายสันติ กล่าวว่า เท่าที่คุยกับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรค ทุกคนต่างเห็นว่า ควรจะงดกิจกรรมทางการเมืองอย่างน้อย 7 วัน ดังนั้นคาดว่าพรรคจะเริ่มดำเนินกิจกรรมหลังวันที่ 9 ม.ค. ส่วนจะมีการแถลงการณ์เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนยังไม่ทราบ ยังไม่ได้รับการประสานจากแกนนำพรรค
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคเพื่อแผ่นดินขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน ในการแถลงข่าว ส่วนโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ที่จะยื่นข้อเสนอกับพรรคพลังประชาชน มีทั้งสิ้น 5 ที่นั่ง ประกอบด้วย ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ยุติธรรม โดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค จะนั่งควบรองนายกฯ กับรมว.ยุติธรรม นอกจากนั้น ได้แก่ รมว.ไอซีที รมช.เกษตรฯ และรมช.มหาดไทย
**ร้องผบ.ตร. จัดการเด็กยุทธตู้เย็น
นายชัยวุฒิ บรรณาวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งรัดสอบสวนกรณี ดต.เทพรัตน์ เขื่อนคุนา สภ.อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิด และติดตามนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ประพฤติมิชอบอย่างร้อยแรง โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 50 ได้ใช้โทรศัพท์ไปข่มขู่กำนันในเขต อ.แม่จัน ให้ช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคพลังประชาชน และผู้สมัครส.ส. แบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชนว่า ถ้าไม่ช่วยเหลือพรรคพลังประชาชน จะต้องถูกเช็คบิลและจะฆ่าให้ตาย จะไม่ให้อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงรายอีกต่อไป ถือเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง และหลังการเลือกตั้งผลอย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าวได้รับเลือกตั้ง และนายยงยุทธ ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ ดต.เทพรัตน์ ขุ่มขู่กำนันในหลายตำบลให้ไปช่วยรณรงค์ลงคะแนนเลือกตั้งให้ พฤติการณ์ดังกล่าท้าทายต่อกฎหมาย ทั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับหนังสือดังกล่าว และทราบว่า สตช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ลงพื้นที่จ.เชียงราย เพื่อติดตามสอบสวนต่อไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่าที่นายธนาธร ถูกใบเหลืองในข้อหาให้หัวคะแนนมอบเงินให้ผู้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งจากการสอบสวนพยานระบุว่า ขณะที่มีการมอบเงินนั้นนายธนาธร อยู่ที่เกิดเหตุ แต่ที่กกต.เห็นว่าไม่ถึงขั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ก็เพราะเมื่อสอบถึงความเกาะเกี่ยวระหว่างหัวคะแนนกับนายธนาธร พบว่าหลักฐานไม่สามารถโยงไปถึงผู้สมัครได้ เช่นเดียวกับนาย กิตติกร โล่ห์สุนทร และนายวาสิต พยัคฆ์บุตร ว่าที่ ส.ส.เขตเดียวกัน เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีพยานยืนยันว่า เห็นทั้ง 2 คนอยู่ในที่เกิดเหตุที่มีการแจกเงิน กกต.จึงยกคำร้องในส่วนนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการยกคำร้องคัดค้านจำนวน 3 เรื่อง คือ กรณีที่ จ.ภูเก็ต ยกคำร้องที่มีการร้องคัดค้านนายทศพร เทพบุตร นายเรวัต อารีรอบ ว่าที่ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ และกรณี จ.ศรีสะเกษ ยกคำร้องคัดค้านนายธีระ ไตรสรณกุล นาย วิวัฒนชัย โหตระไวศยะ ว่าที่ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชาชน และกรณี จ.อำนาจเจริญ ยกคำร้องคัดค้าน นายวิเชียร อุดมศักดิ์ ว่าที่ส.ส พรรคพลังประชาชน แต่เนื่องจากนายวิเชียร ถูกร้องคัดค้านอีก 1 เรื่อง ซึ่งกกต. มีมติให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม และหากมีมูลให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมให้รับฟังคำชี้แจง
นายสุทธิพล ยังกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาคำร้องกรณีนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ขอให้พิจารณาการแต่งตั้ง พล.ต.ต. ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส. มาปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนสำนวนการร้องเรียน และร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้งว่าไม่มีความเป็นกลางทางการเมืองนั้น ที่ประชุม กกต.ได้เชิญพล.ต.ต.ชัยยะมาชี้แจง ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันในความสุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้วมีมติว่า ให้พล.ต.ต.ชัยยะ มอบสำนวนเรื่องร้องคัดค้านที่ดำเนินการอยู่ให้กับผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดนี้ กกต.งดการประชุม โดยจะเริ่มประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการพิจารณาว่าจะรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ส.ส. ที่ยกคำร้องคัดค้าน
**พปช.บุรีรัมย์ขนม็อบปิดล้อม กกต.
วานนี้ (4 ม.ค.) เวลาประมาณ 08.00 น. นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่ ส.ส. เขต 2 บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน (พปช.) ในฐานะประธานประธานคณะกรรมการประสานงานภาคอีสาน พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย ว่าที่ ส.ส.ของพรรค พปช.จากทั้ง 4 เขตใน จ.บุรีรัมย์ ทั้งที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดง 3 คน , ผู้ที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว 5 คน และยังไม่รับรองอีก 1 คน รวม 9 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล นายสนอง เทพอักษรณรงค์ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ นายโสภณ ซารัมย์ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน นายรุ่งโรจน์ ทองศรี นายประกิจ พลเดช และนายทรงศักดิ์ ทองศรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับร.ต.อ.ปิยะชาติ ตรีพรไพรัช พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.จว.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต. บุรีรัมย์ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน
โดยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันกระทำผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, กระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 29, มาตรา 45 กระทำการใดหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการจัดการเลือกตั้ง , พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 140 มุ่งใส่ร้าย และนำหลักฐานอันเป็นเท็จเสนอต่อ กกต.กลาง มีเจตนาไม่ให้มีการรับรองผลการเลือกตั้ง และให้ผู้กล่าวหาถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง รวมทั้งได้นำผู้ต้องหาที่หนีหมายศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน มาเป็นพยานในคดีซื้อเสียง อีกทั้งได้มีการคุ้มครองอย่างแน่นหนา แต่ไม่มีการจับกุมถือว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส. เขต 2 บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนยังมีความเคารพและไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.กลาง แต่ไม่ไว้วางใจการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.บุรีรัมย์ เพราะที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.จังหวัดบางท่าน ได้แก่ นายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต. และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นประธานฝ่ายสืบสวน มีความไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ และมุ่งใส่ร้ายผู้สมัครจากพรรค พปช. ให้ถูกเพิกถอนสิทธิ พร้อมกันนี้ตนได้แจ้งความดำเนินคดีกับพยานของ กกต.จังหวัดบางคน ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ผู้ที่ กกต.นำมาเป็นพยานนี้เป็นผู้ที่เคยก่อคดีมาอย่างโชกโชน และมีหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนอีกด้วย
นอกจากนี้ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ, นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ พรรค พปช. และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่ ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ พรรค พปช. ยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ และมีตำแหน่งเป็นรอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีที่ไม่จับกุม นายเปียง โสมวิเศษ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.11 ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ จ.411/2548 ออกเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 48 ท้องที่ สภ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด คดี กระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน ซึ่ง กกต.นำมาเป็นพยานของ กกต.อีกด้วย
ต่อมาเวลา 12.00 น. ว่าที่ ส.ส. เขต 1 บุรีรัมย์ พรรค พปช. ที่ถูกให้ใบแดงทั้ง 3 คน พร้อมชาวบ้านจากทุกอำเภอกว่า 10,000 คน ได้เดินทางเข้ามาชุมนุมประท้วงที่หน้าสำนักงาน กกต.บุรีรัมย์ เพื่อคัดค้านการพิจารณาให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส.อ้างไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเลือกตั้ง โดยแกนนำชาวบ้าน และว่าที่ ส.ส.ที่ถูกให้ใบแดงทั้ง 3 คน ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีกล่าวหาการทำงานของ กกต.ว่าไม่เป็นกลาง พร้อมเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงถึงความชอบธรรมด้วย ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่มารักษาความสงบเรียบร้อยร่วม 100 นาย เพราะเกรงจะเกิดความวุ่นวายขึ้น
นอกจากนั้น ชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วงยังไม่ร่วมกันลงชื่อ ถอดถอนนายเกษม วัฒนธรรม ประธาน กกต.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล กกต.บุรีรัมย์ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ออกจากตำแหน่งอีกด้วย
**ยื่นข้อเสนอ 4 ข้อก่อนสลายตัว
เวลา 16.00 น. การชุมนุมประท้วงเริ่มบานปลาย เมื่อชาวบ้านได้เคลื่อนตัวเข้าไปปิดล้อมประตูทางเข้า – ออก กกต.จังหวัดเพื่อกดดันให้ กกต.ออกมาชี้แจงการพิจารณาให้ใบแดง 3 ว่าที่ ส.ส. ท่ามกลางตำรวจ ทหาร และ อส. กว่า 100 นาย ตรึงกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมก่อเหตุความวุ่นวาย หรือบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ทั้งนี้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ประกอบด้วย นายสุโชติ ทมกระโทก นายสากล คงเกษ นายโกวิทย์ นาวีสัมพันธ์ นายพีระวัส พันธุ์สัมฤทธิ์ และนายวิสิทธ์ เจริญอิทธิกุล เข้าไปเจรจาร่วมกับ ว่าที่ร้อยตรี กวี ชุนเกาะ รักษาการ ผอ. กกต.จังหวัด โดยมีนายประวัติ รัฐิรมย์ รองผวจ.บุรีรัมย์ เป็นประธานในการเจรจา
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่น 4 ข้อเรียกร้องก่อนสลายตัว ดังนี้ 1. ขอเสนอให้นายเกษม วัฒนธรรม รองผวจ. ในฐานะ ประธาน กกต. และ พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ในฐานะกกต. ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ยุติบทบาทในตำแหน่งดังกล่าวเป็นการชั่วคราว 2. ให้ กกต.แต่งตั้งบุคคลจากสำนักงาน กกต.มาปฏิบัติหน้าที่แทนบุคคลตามข้อ 1 เป็นการชั่วคราว เพื่อดำเนินการสืบสวน สอบสวนใหม่ เกี่ยวกับสำนวนคดีที่ให้ใบแดงแก่ว่า สส.ทั้ง 3 คน
3. นายประวัติ รัฐิรมย์ รองผวจ. ที่ได้รับมอบหมายจากผวจ.บุรีรัมย์ รับว่าจะนำข้อเสนอตามข้อ 1 รายงานกระทรวงมหาดไทย และแจ้งผู้บังคับการการตำรวจภูธรจังหวัด เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง 4. ส่วนกรณีการให้ใบแดง ว่าที่ ส.ส.ทั้ง 3 คน รักษาการ ผอ.กกต.จังหวัด ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ไม่ใช่มติของ กกต.จังหวัด แต่เป็นความเห็นของคณะกรรมการการสืบสวนสอบสวน ที่ กกต.แต่งตั้งเป็นผู้เสนอความเห็นต่อ กกต.โดยตรง
**แฉหลอกชาวบ้านไปถวายความอาลัยฯ
ด้านนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัครส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเบื้องลึกของการนำม็อบมากดดัน กกต. ครั้งนี้ว่า บรรดาหัวคะแนนของผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้ไปชักชวนชาวบ้านโดยบอกว่า จะพาไปถวายความอาลัยต่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยให้แต่งชุดดำ และนำบัตรประชาชนไปด้วย แต่เมื่อไปถึงกลับพาไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานกกต.จังหวัด เพื่อทำการประท้วงดังกล่าว และมีรายงานว่า ผู้ที่มาร่วมประท้วงได้รับเงินคนละ 200 บาทด้วย
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า จากการที่ กกต. ส่งสำนวนการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของนายประกิจ พลเดช นายรุ่งโรจน์ ทองศรี และ นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน 3 ว่าที่ ส.ส. เขต 1 จ.บุรีรัมย์ ไปให้ คณะกรรมการตรวจสอบของกฤษฎีกาพิจารณาตามกฎหมายนั้น ล่าสุด ทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือขอให้ กกต. ไปชี้แจงสำนวนในวันที่ 8 ม.ค.นี้
** "หมัก"ยังอ้างมือสกปรกสกัด พปช.
นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์วิทยุรัฐสภา หลังเข้ารายงานตัว ส.ส. ว่า กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ พรรคพลังประชาชนต้องฝ่าขวากหนามมากมาย มีคนพยายามจะสับนักการเมืองพวกนี้เป็นท่อนๆ แต่ตนก็ไปรวบรวมผู้คนมาสู้ในนามพรรคพลังประชาชน ที่ผ่านมามีคนสงสัยว่า เอาเงินจากไหนมาใช้ในการหาเสียง แต่พรรคการเมืองเก่าที่ประกาศว่า ไม่เคยใช้เงินหิ้วกระเป๋าหนึ่งใบเข้ามาเล่นการเมือง แต่ไปๆ มาๆ กลับบอกว่ามี 600 กว่าล้าน แต่เราได้ 130 ล้าน ซึ่งมาจากการบริจาค
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ตอนนี้มีความพยายามสกัดไม่ให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการยกคดีที่ติดตัว แม้กระทั่งคดีหมิ่นประมาท ที่ไม่มีการรอลงอาญา แต่ยังเหลืออีก 2 ศาล สุดแล้วแต่ศาลจะเห็นอย่างไร หรือมีคนมาขู่เข็ญว่า จะเอาคดีรถดับเพลิงมาสกัด ตนขอท้าว่าให้มาเลย ไม่มีปัญหา
"วันนี้เรามีขวากหนามเยอะ ที่ผมต้องตัดสินใจตั้งรัฐบาลก่อนโดยไม่รอใคร เพราะว่ามีมือสกปรกยื่นมา ผมยืนยันเลยว่ามีความสกปรกจริง มีคนให้เงินคนไปทำงานนอก จัดการหาพยานส่งรถจัดส่งเข้ามาสอบในกรุงเทพฯ ตำรวจในกรุงเทพฯ โทรมาบอกว่า ทำไมคดีในต่างจังหวัดมาให้ในกรุงเทพฯสอบ" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวว่า หลังจากที่พรรคพลังประชาชนได้คะแนนเสียง 233 เสียง อีกพรรคหนึ่งได้ 165 เสียง ถ้าเป็นประเทศอื่นต้องมีการโทรศัพท์มาแสดงความยินดี แต่ปรากฎว่าไม่ทำ แต่ตั้งป้อมประกาศตั้งรัฐบาลแข่ง และที่ประหลาดมาก มีการไปออกข่าวว่าพรรคตนจะได้ใบแดง 50-60 ใบ เป็นเรื่องที่ประหลาดจริง ๆ
นายสมัคร กล่าวว่า ตนขอใช้สิทธิที่เคยถูกเตะออกจาก ส.ว. จากการยึดอำนาจแล้ววันนี้จะมีใครมาเตะอีกก็ไม่รู้ แต่หลังยึดอำนาจมา บ้านเมืองเสียหายย่อยยับ ตนต้องมากอบกู้ หลังจากนี้พรรคที่เราได้รวบรวมไว้จะต้องต่อสู้กับขวากหนามที่ถูกต้อง โดยรัฐธรรมนูญ ทำอะไรก็ไม่ได้ ยุ่งยากไปหมด ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีก็โหวตให้ตนเองไม่ได้ จนทำให้ต้องไปเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี ถึงจะปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ
**เดือดถูกแฉติดหนี้แล้วชักดาบ
นอกจากนี้ น.ส.พ.ยังดูหมิ่นเหยียดหยาม ตนมาตลอด ล่าสุดคอลัมนิสต์ น.ส.พ.มติชน ชื่อนายประสงค์ เขียนบทความเหมือนตนเป็นคนเลว บอกว่าตนกินข้าวแกงที่ น.ส.พ.สยามรัฐ จานละ 14.50 บาท แต่สมัครให้ใบละ100 แม่ค้าบอกไม่มีทอนรู้ไหม นายสมัครทำอย่างไร แล้วก็จบ ทั้งที่ความเป็นจริงตนเป็นฟรีแลนซ์ ไม่เคยนั่งทำงานในสยามรัฐ และไม่รู้ว่า ที่นั่นมีร้านข้าวแกงด้วย นอกจากนี้ ยังมีปากที่มองไม่เห็น สั่งให้เขียนการ์ตูนด่าตนว่า เป็นคนก้าวร้าว ไม่ควรเป็นนายกฯ
**วิชั่น"หมัก"เล่นพนันเป็นเรื่องสนุก
นายสมัคร แสดงความข้องใจผลเอ็กซิตโพล ที่ไม่ตรงกับความจริง โดยเฉพาะใน กทม.ที่พรรคได้ 21 คน ปชป.ได้ 15 คน แต่พอผลเลือกตั้ง ซึ่งรวมการเลือกตั้งล่วงหน้าปรากฎว่า พปช.ได้ 9 ปชป.ได้ 21 ที่นั่ง เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะแม้แต่ปากน้ำ อยู่ติดกับกทม. เราก็กวาดหมดทุกที่นั่ง และคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ากับเลือกตั้งปกติ ก็เท่ากันดี วันที่เราทำโพลเลือกตั้งล่วงหน้าได้ 70 ต่อ 30 แต่พอคะแนนจริงออกมาเราได้ 20 คู่ต่อสู้ได้ 80 บางหีบเขาบอกว่า เราได้ 0 มันเป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องคิดบัญชีกัน
นอกจากนี้ การเลือกตั้งล่วงหน้าทุกครั้งต้องมีการลงทะเบียนก่อน แต่ครั้งนี้เหมือนมหกรรม 2 วัน ถามว่าใครเป็นคนบอกให้เลือกตั้งล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน และใครเป็นคนสั่งไปไว้บนเขตชั้น 5 แทนที่จะเอาไปขังไว้ในโรงพัก กกต.ก็ตอบไม่ได้ วันนี้ เห็นได้ชัด ว่ามี ความบกพร่องเพราะคะแนนมันฟ้อง ต้องมีการตรวจสอบแน่นอนโดนเฉพาะใน กทม. ว่าเขตไหนเอาหีบไปไว้บนชั้น 5 ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลง และก่อนการเลือกตั้ง มีการเล่นพนันพปช. เป็นต่อมาโดยตลอด แต่พอก่อนเลือกตั้ง 2 วัน หลังจากผ่านการเลือกตั้งล่วงหน้ามาแล้ว พรรคกลับเป็นรองทันที
ขณะที่ผู้ดำเนินรายการแย้งว่า การเล่นพนันเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย แต่นายสมัคร แย้งกลับไปว่า "เขามีกันทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องสนุก ขนาดฟุตบอลยังพนันกัน"
**โวยแขวน 65 ว่าที่ ส.ส.มีพิรุธ
ส่วนว่าที่ส.ส.ที่ถูกแขวน 65 คน มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ที่ยังไม่รับรองผล เพราะยังไม่มีการสอบสวน อย่างเช่น นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ก็ยังไม่เข้าคำชี้แจงกับ กกต. ซึ่งที่ค้างอยู่ก็มีของทุกพรรค ถ้าสอบเสร็จก็จบ แต่ปัญหาคือปฎิกริยาที่กระดี้กระด้า ว่าจะต้องแจกใบแดงเท่านั้น เท่านี้ คือข้อพิรุธ ว่ารู้กันได้อย่าไร แต่ที่ตนรู้คือ มีคนให้สตางค์ตำรวจไปทำงาน โดยไม่ใช้เงินหลวง
"การเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อย เพราะมีคนอยากให้มีใบแดง 65 ใบ กกต. เขาเสียหาย จะออก 65 ใบได้อย่างไร ผมยืนยันว่ามีคนภายนอกเข้ามาจัดการ เราทำเรื่องไปถึง สตช.ให้เปลี่ยนนายตำรวจคนหนึ่งออกจากกระบวนการสอบสวน เพราะว่าไปใช้ตำรวจ 700 กว่าคน ออกไปกวาดต้อนเอาพยานเข้ามาสอบในกทม. มันผิดปกติ เคราะห์ดีที่เรื่องนี้ ถูกทำให้สะดุดหยุดลงเสียก่อน
นายสมัคร กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของผู้สมัครของ พปช. ที่ดูว่ามีจำนวนมาก เป็นเพราะว่าพรรคไม่เคยร้องใคร มีแต่คนอื่นมาร้องเรียนเรา และยืนยันว่า จะไม่ฟ้องกลับใคร ทุกคนจะเอาให้เราลงให้ได้ ล่าสุดร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ศาลนัดแล้ว พยายามทำให้เห็นว่า คนในพปช. เลวทราม ต่ำช้า จึงจะต้องเยื้อยุด ฉุดกระชากจนนาทีสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ผู้ดำเนินรายการพยายามตักเตือนไม่ให้นายสมัคร กล่าวพาดพิงผู้อื่น และควบคุมให้พูดถึงนโยบายที่จะทำ หากได้เป็นรัฐบาล แต่นายสมัคร ยังคงดึงดันที่จะระบายความในใจ และพาดพิงบุคคลที่ 3 ต่อไป พร้อมทั้งบอกว่า สำหรับเรื่องนโยบายต้องอดใจรอฟังการประกาศที่รัฐสภา
**"เลี้ยบ"คุยไม่กระทบตั้งรัฐบาล
ด้านนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงว่าที่ ส.ส.ของพรรค ที่กกต.ยังไม่ประกาศรับรองอีก 65 คนว่า การที่กกต.ยังไม่ประกาศ ไม่ได้หมายความว่า จะถูกใบเหลือง ใบแดงทั้งหมด ตนยังเชื่อว่าจะมีการรับรองเพิ่มหลังจากนี้รวมทั้งการเลือกตั้งใหม่ด้วย
"เมื่อพรรคได้รับเลือกตั้งเข้ามามาก การถูกร้องเรียนมากก็เป็นเรื่องธรรมดา โดยพรรค คู่แข่งก็พยายามร้องเรียนในเขตเลือกตั้งนั้นๆ นำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน เราเองเชื่อมั่นว่า ผู้ที่ถูกร้องเรียนจำนวนมากจะสามารถชี้แจงได้ หรือหากเลือกตั้งใหม่เชื่อว่าประชาชนจะให้ความไว้วางใจกับผู้สมัครของเรา"
เมื่อถามว่าจำนวนว่าที่ส.ส. ที่กกต.ยังไม่ประกาศตรงกับแผนบันได 4 ขั้นของ คมช. นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เราก็ได้ฟังจากแกนนำพรรคการเมืองบางพรรคว่า พปช.จะโดน 60 คน เดิมก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่การประกาศรับรองส.ส.รอบแรก ของกกต. มี ว่าที่ส.ส.พปช. 65 คน ยังไม่ได้รับการประกาศก็นึกประหลาดใจเหมือนกัน เพราะตัวเลขใกล้เคียงกัน แต่เรายังคิดว่าการร้องเรียนเป็นที่รับรู้ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งในสนามเลือกตั้งก็พยายามร้องเรียนให้มากที่สุด ฉะนั้นตัวเลขที่ออกมาจึงมีโอกาสเป็นไปได้
"คิดว่าไม่มีปัญหาใดๆ และไม่คิดว่าจะกระทบต่อการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ เพราะพรรคที่ประกาศร่วมกันทำงานในฐานะรัฐบาลก็ยังยึดมั่นว่าจะทำงานร่วมกันต่อไป เพราะทุกพรรคต่างเข้าใจว่า ตัวเลขที่ กกต.รับรองไปไม่ได้หมายความว่าจะเป็นใบเหลืองใบแดงทุกคน ทุกคนทราบดีว่าเป็นการรับรองเบื้องต้นเท่านั้น"
**ชท.ยังกั๊กเรื่องจับขั้วพปช.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า พรรคจะมีการประชุมในวันจันทร์นี้เพื่อประมวลผลการเลือกตั้ง รวมทั้งเรื่องที่กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ส.ส.บางคนของพรรคด้วย ส่วนในเรื่องการจับขั้วรัฐบาลคงจะไม่มีการพูดในขณะนี้ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม และตัวเลข ส.ส.ยังไม่นิ่ง ต้องรอให้กกต.มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ พรรคชาติไทยยังไม่มีการหารือกับพรรคเพื่อแผ่นดิน
"สถานการณ์ขณะนี้คงไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องจับขั้วรัฐบาล และสำหรับว่าที่สส.ที่กกต.แขวนทั้ง 83 คนนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะได้ใบเหลืองหรือใบแดงทั้งหมด เพราะอาจจะไม่มีการให้ใบเหลืองหรือใบแดงเลยก็ได้ ซึ่งหลังจากที่เปิดสภาหาตัวประธานสภาฯแล้วก็ยังมีเวลาอีก 30 วันในการสรรหานายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นต้องขอบอกว่า ขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง และเวลานี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่า กกต.จะประกาศรับรองส.ส.ได้ครบ 95 % ภายในวันที่ 22 ม.ค."นายสมศักดิ์ กล่าว
**รช.แบะท่าเปลี่ยนขั้วหนุนปชป.
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรครวมใจไทยฯ กับพรรคพลังประชาชน ว่า เราคงรอจนกว่าจะมีความชัดเจนจาก กกต.อีกครั้งว่าจะพิจารณาอย่างไร แต่ในอนาคตถ้า พรรคการเมืองต่างๆ ที่ตกลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนแล้วจะเปลี่ยนขั้วไปจับกับพรรคประชาธิปัตย์ ทางพรรครวมใจไทยฯ ก็พร้อมจะพิจารณาใหม่ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงพรรค คงต้องเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอมติ ซึ่งขณะนี้ทุกคนพร้อมแล้ว รอเพียงความชัดเจนจาก กกต. เท่านั้น
**พผ.ดัน"สุวิทย์"นั่งรองนายกฯควบยธ.
นายสันติ สาทิพย์พงษ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ ว่าที่ ส.ส.ของพรรคทั้ง 6 คนที่กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งว่า ทางพรรคได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้เป็นการร้องเรียนจากในพื้นที่เลือกตั้ง แต่ว่าพรรคคู่แข่งได้ส่งเรื่องมาที่ กกต.กลาง โดยตรง
ทั้งนี้ ทุกคนต่างยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากนี้ต้องรอให้ กกต.กลาง ส่งหนังสือเรียกให้เข้ามาชี้แจง ซึ่งทุกคนก็มั่นใจว่าจะแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกร้องเรียนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำนวน ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนจำนวน 6 คน จะส่งผลกระทบต่อการหารือในการเข้าร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชาชนหรือไม่ และจะส่งผลกระทบถึงจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีที่พรรคจะได้รับหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า การเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน จุดใหญ่อยู่ที่แนวนโยบายของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเก้าอี้ ส.ส. ดังนั้นการพูดคุยเราจะนำเรื่องนโยบายมาเป็นหลัก
เมื่อถามว่าการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค จะเริ่มดำเนินการเมื่อไร นายสันติ กล่าวว่า เท่าที่คุยกับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรค ทุกคนต่างเห็นว่า ควรจะงดกิจกรรมทางการเมืองอย่างน้อย 7 วัน ดังนั้นคาดว่าพรรคจะเริ่มดำเนินกิจกรรมหลังวันที่ 9 ม.ค. ส่วนจะมีการแถลงการณ์เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนยังไม่ทราบ ยังไม่ได้รับการประสานจากแกนนำพรรค
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคเพื่อแผ่นดินขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน ในการแถลงข่าว ส่วนโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ที่จะยื่นข้อเสนอกับพรรคพลังประชาชน มีทั้งสิ้น 5 ที่นั่ง ประกอบด้วย ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ยุติธรรม โดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค จะนั่งควบรองนายกฯ กับรมว.ยุติธรรม นอกจากนั้น ได้แก่ รมว.ไอซีที รมช.เกษตรฯ และรมช.มหาดไทย
**ร้องผบ.ตร. จัดการเด็กยุทธตู้เย็น
นายชัยวุฒิ บรรณาวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งรัดสอบสวนกรณี ดต.เทพรัตน์ เขื่อนคุนา สภ.อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่มีความสนิทสนมใกล้ชิด และติดตามนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ประพฤติมิชอบอย่างร้อยแรง โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 50 ได้ใช้โทรศัพท์ไปข่มขู่กำนันในเขต อ.แม่จัน ให้ช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคพลังประชาชน และผู้สมัครส.ส. แบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชนว่า ถ้าไม่ช่วยเหลือพรรคพลังประชาชน จะต้องถูกเช็คบิลและจะฆ่าให้ตาย จะไม่ให้อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงรายอีกต่อไป ถือเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง และหลังการเลือกตั้งผลอย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าวได้รับเลือกตั้ง และนายยงยุทธ ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ ดต.เทพรัตน์ ขุ่มขู่กำนันในหลายตำบลให้ไปช่วยรณรงค์ลงคะแนนเลือกตั้งให้ พฤติการณ์ดังกล่าท้าทายต่อกฎหมาย ทั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับหนังสือดังกล่าว และทราบว่า สตช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ลงพื้นที่จ.เชียงราย เพื่อติดตามสอบสวนต่อไป