กระทรวงการท่องเที่ยวฯเล็งใช้เวทีอาเซียน เสนอผลงาน “สุวิทย์” เรียกคะแนนเสียง ในกลุ่มประเทศ ก่อนอำลาตำแหน่งในรัฐบาลขิงแก่ หลังประเทศไทยได้รับการยอมรับเรื่องการตื่นตัวรณรงค์ภาวะโลกร้อน ชูจุดขายที่การท่องเที่ยวเพื่อขจัดความยากจน
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-22 มกราคม 2551 กระทรวงการท่องเที่ยว จะถือโอกาสนี้ เป็นเวทีสรุปผลงานกว่า 14 เดือน ของ ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทย จะโดดเด่นและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ในเรื่องของการริเริ่มโครงการที่มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้เป็นเพราะ การปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยมีการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเน้น เรื่องของการท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“งานนี้ถือเป็นความสำคัญของประเทศไทย โดยเป็นการประชุมครั้งแรก หลังการได้รับตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ของ ด.ร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ซึ่งในวันที่ 21 มกราคม จะมีการสรุปผลงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ซึ่งดูจากผลงานที่ผ่านมา โดยเฉาพะเรื่องการท่องเที่ยวแบบช่วยลดภาวะโลกร้อน ภายใต้แคมเปญ ท่องเที่ยววิถีไทย ต้านภัยโลกร้อน ถือเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของประเทศไทย ต่อปัญหาโลกร้อน ที่นานาชาติกำลังตื่นตัวอยู่ในขณะนี้”
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวอีกว่า ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ริเริ่มโครงการท่องเที่ยวแบบคุณภาพ และ ต่อต้านภาวะโลกร้อน เช่น โครงการ “กรีนโฮเทล สแตนดาร์ท ” ของมูลนิธิใบไม้สีเขียว เริ่มโครงการมากว่า 2 ปี ปัจจุบัน มีโรงแรมที่ได้มาตรฐานใบไม้สีเขียว ทั่วประเทศไทยกว่า 200 แห่ง และในการประชุมอาเซียนปีนี้ ทุกประเทศสมาชิก จะส่งโรงแรมที่ได้มาตรฐานใบไม้สีเขียวเข้าประกวดประเทศละกว่า 10 แห่ง
นอกจากนั้น สิ่งที่ประเทศไทยผลักดันมาโดยตลอด คือ การริเริ่มการประชุมรัฐมนตรีระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งประเทศไทยแสดงบทบาทชัดเจนของการตื่นตัวเรื่องการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค และ พร้อมที่จะช่วยเหลือให้คำแนะนำแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อขจัดความยากจน และ ลดภาวะโลกร้อน โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือการท่องเที่ยวชุมชน โดยวิธีการคือ คัดเลือกชุมชนที่มีจุดขาย ด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเข้าไปเพิ่มเติมในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพคนในชุมชน ให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในชุมชน”
สำหรับข้อมูลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯที่จะบอกกล่าวต่อที่ประชุมอาเซียน คือ นโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ได้ทำต่อเนื่องมาตลอดการดำรงตำแหน่ง เช่น การสร้างความตระหนักด้วยการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้า หรือถุงกระดาษ แทนถุงพลาสติก การจำกัดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศาเซลเซียส การใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุชานอ้อย ย่อยสลายง่ายเมื่อใช้แล้วโดยการกลบฝัง เป็นต้น
แผนงานทั้งหมดที่กล่าวมา ได้มีการรายงานในที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส APEC ด้านการท่องเที่ยว ไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย โดยสมาชิก APEC 21 เขตเศรษฐกิจ ได้เห็นชอบแผนการดำเนินงาน พร้อมกับชื่นชมแนวทางเชิงรุกของประเทศไทย ที่นำเสนอในการประชุมในการวางแผนรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการท่องเที่ยว หรือ Climate Change and Tourism
ดังนั้น ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส APEC ด้านการท่องเที่ยว จึงมีมติให้ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดประชุม APEC วางแผนรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการท่องเที่ยว ในระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2551 ณ กรุงเทพมหานคร
ทางด้านแหล่งข่าวจากภาคเอกชน กล่าวถึง ผลงานของ ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า เป็นนโยบายที่ไม่มีความหลากหลาย หรือแก้ไขปัญหาให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเท่าที่ควร โดยเรื่องการสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยว ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และก็ไม่ควรละเลยที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น รวมถึงปัญหาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น ปัญหาสงครามราคา ของ โรงแรมห้องพัก และ แพกเกจทัวร์ การควบคุมการจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยว ไกด์เถื่อน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าว ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-22 มกราคม 2551 กระทรวงการท่องเที่ยว จะถือโอกาสนี้ เป็นเวทีสรุปผลงานกว่า 14 เดือน ของ ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทย จะโดดเด่นและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ในเรื่องของการริเริ่มโครงการที่มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้เป็นเพราะ การปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยมีการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเน้น เรื่องของการท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“งานนี้ถือเป็นความสำคัญของประเทศไทย โดยเป็นการประชุมครั้งแรก หลังการได้รับตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน ของ ด.ร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ซึ่งในวันที่ 21 มกราคม จะมีการสรุปผลงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ซึ่งดูจากผลงานที่ผ่านมา โดยเฉาพะเรื่องการท่องเที่ยวแบบช่วยลดภาวะโลกร้อน ภายใต้แคมเปญ ท่องเที่ยววิถีไทย ต้านภัยโลกร้อน ถือเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของประเทศไทย ต่อปัญหาโลกร้อน ที่นานาชาติกำลังตื่นตัวอยู่ในขณะนี้”
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวอีกว่า ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ริเริ่มโครงการท่องเที่ยวแบบคุณภาพ และ ต่อต้านภาวะโลกร้อน เช่น โครงการ “กรีนโฮเทล สแตนดาร์ท ” ของมูลนิธิใบไม้สีเขียว เริ่มโครงการมากว่า 2 ปี ปัจจุบัน มีโรงแรมที่ได้มาตรฐานใบไม้สีเขียว ทั่วประเทศไทยกว่า 200 แห่ง และในการประชุมอาเซียนปีนี้ ทุกประเทศสมาชิก จะส่งโรงแรมที่ได้มาตรฐานใบไม้สีเขียวเข้าประกวดประเทศละกว่า 10 แห่ง
นอกจากนั้น สิ่งที่ประเทศไทยผลักดันมาโดยตลอด คือ การริเริ่มการประชุมรัฐมนตรีระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งประเทศไทยแสดงบทบาทชัดเจนของการตื่นตัวเรื่องการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค และ พร้อมที่จะช่วยเหลือให้คำแนะนำแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อขจัดความยากจน และ ลดภาวะโลกร้อน โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือการท่องเที่ยวชุมชน โดยวิธีการคือ คัดเลือกชุมชนที่มีจุดขาย ด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเข้าไปเพิ่มเติมในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพคนในชุมชน ให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในชุมชน”
สำหรับข้อมูลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯที่จะบอกกล่าวต่อที่ประชุมอาเซียน คือ นโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ได้ทำต่อเนื่องมาตลอดการดำรงตำแหน่ง เช่น การสร้างความตระหนักด้วยการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้า หรือถุงกระดาษ แทนถุงพลาสติก การจำกัดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศาเซลเซียส การใช้ภาชนะที่ทำจากวัสดุชานอ้อย ย่อยสลายง่ายเมื่อใช้แล้วโดยการกลบฝัง เป็นต้น
แผนงานทั้งหมดที่กล่าวมา ได้มีการรายงานในที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส APEC ด้านการท่องเที่ยว ไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย โดยสมาชิก APEC 21 เขตเศรษฐกิจ ได้เห็นชอบแผนการดำเนินงาน พร้อมกับชื่นชมแนวทางเชิงรุกของประเทศไทย ที่นำเสนอในการประชุมในการวางแผนรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการท่องเที่ยว หรือ Climate Change and Tourism
ดังนั้น ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส APEC ด้านการท่องเที่ยว จึงมีมติให้ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดประชุม APEC วางแผนรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการท่องเที่ยว ในระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม 2551 ณ กรุงเทพมหานคร
ทางด้านแหล่งข่าวจากภาคเอกชน กล่าวถึง ผลงานของ ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า เป็นนโยบายที่ไม่มีความหลากหลาย หรือแก้ไขปัญหาให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเท่าที่ควร โดยเรื่องการสนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยว ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และก็ไม่ควรละเลยที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น รวมถึงปัญหาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น ปัญหาสงครามราคา ของ โรงแรมห้องพัก และ แพกเกจทัวร์ การควบคุมการจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยว ไกด์เถื่อน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าว ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
