xs
xsm
sm
md
lg

เผยเบื้องหลังเจรจายุติไฟใต้ “อดีตแม่ทัพไทย” เสนอแลกนิรโทษกรรม-ตั้งเขตปกครองพิเศษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เผย พล.อ.ขวัญชาติ กล้าหาญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 นำทีมเจรจาโจรใต้ยุติก่อความไม่สงบกับกลุ่มแกนนำบีอาร์เอ็นโคออดิเนต โดยแลกกับข้อเสนอนิรโทษกรรมให้แกนนำที่มีหมายจับ และให้ฝ่ายแกนนำเสนอแผน ในการปกครองเพื่อให้เป็นการปกครองแบบพื้นที่พิเศษ

ความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดจากการปฏิบัติการของกลุ่มอาร์เคเค ซึ่งเป็นสมาชิกของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ซึ่งฝ่ายไทยมี พล.อ.ขวัญชาติ กล้าหาญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ฝ่าย ส่วนฝ่ายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ โดยมีคนกลางคือรองประธานาธิปดีประเทศมาเลเซีย นายยูซุป คาลลา ซึ่งมีการเจรจากันหลายครั้ง และล่าสุดเจรจากันที่เมืองโบกอนั้น

รายงานข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่า การเจรจาสามฝ่ายมีอยู่จริง โดยเป็นการพบปะหารือกันลับๆ มาโดยตลอด สำหรับแกนหลักของขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ที่ได้เข้าร่วมในการเจรจาต่อรองที่สำคัญ คือ นายสะแปอิง บาซอ อดีตครูใหญ่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ และคณะ รวมทั้ง นายรอมลี อุตรสินธุ์ พี่ชายของ นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.จ.นราธิวาสพรรคพลังประชาชน ซึ่งทั้ง นายรอมลี และนายมะแซ หลังจากถูกออกหมายจับได้หลบหนีคดีไปอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย

การเจรจาครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา กลุ่มตัวแทนของบีอาร์เอ็น รับปากว่า จะเจรจากับแกนนำและกองกำลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขอทราบเงื่อนไขหากมีการยุติการก่อความไม่สงบด้วยอาวุธ ซึ่งขณะนี้แกนนำของบีอาร์เอ็น เพียงตกลงในหลักการการเจรจากัน แต่ยังไม่ตกลงในเงื่อนไข

สำหรับเงื่อนไขสำคัญ ที่ พล.อ.ขวัญชาติ และคณะเสนอให้ คือ การนิรโทษกรรมให้แกนนำที่มีหมายจับและให้ฝ่ายแกนนำเสนอแผนในการปกครอง เพื่อให้เป็นการปกครองแบบพื้นที่พิเศษ

ในขณะที่แกนนำระดับปฏิบัติการในพื้นที่ได้อ้างว่า นายมะแซ อุเซ็ง ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ผบ.กองกำลังติดอาวุธ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิเสธที่จะเจรจาเพื่อยุติการก่อความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะขบวนการยังไม่เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบรัฐบาลในการปฏิบัติการทางการเมืองและทางอาวุธ

ในขณะที่ของ พล.อ.ขวัญชาติ และทีมเจรจาซึ่งเป็นนายทหารที่เคยเป็นลูกน้องของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นทีมการเจรจา นายทหารนอกราชการผู้หนึ่งที่เป็นทีมเจรจา ได้เปิดเผยว่า ในส่วนของกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดนที่เป็นพูโลเก่า พูโลใหม่ มูจาฮีดินอิสลามปัตตานี และมูจาฮีดินปัตตานี รวมทั้งกลุ่มต่างๆ จำนวน 11 กลุ่ม ได้ตอบตกลงในการในการยุติการก่อการร้ายแล้ว เหลือเพียงส่วนหัวในต่างประเทศที่ยังปฏิเสธ แต่ฝ่ายไทยไม่สนใจ เพราะเห็นว่าส่วนหัวของขบวนการพูโลไม่มีกำลังรบในมือ อาศัยการตั้งสำนักงาน และตั้งตำแหน่งตามโครงสร้าง เพื่อแสวงหาทุนจากประเทศและกลุ่มบุคคลในต่างประเทศเท่านั้น ถ้ากองกำลังติดอาวุธในพื้นที่วางอาวุธ การก่อเหตุร้ายก็จะยุติได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุมิตร นวลมณี หนึ่งในแกนนำพันธมิตร จ.สงขลา เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการประชุมจริงๆ เพราะหากรัฐรู้ถึงสาเหตุของปัญหาไฟใต้น่าจะแก้ไขปัญหาเองได้ และไม่ชักนำเรื่องภายในไปสู่ต่างชาติ ซึ่งอาจจะทำให้ประเด็นปัญหาขยายขึ้นและนำไปสู่การหวังผลทางการเมืองของคนบางกลุ่ม

“เชื่อว่า การเจรจาจะไม่มีผลใดๆ นอกจากผลทางจิตวิทยา ที่ทำให้คนมีความหวัง เพราะการเจรจาดังกล่าวไม่มีผู้ที่ช่วยคลี่คลายปัญหาซึ่งทำงานในพื้นที่รับรู้เลย แม้แต่ ศอ.บต.เองก็ตาม และเหตุการณ์ปัญหาต่างๆ นี้ อาจจะกล่าวได้ว่ามีสาเหตุมาจากการที่รัฐละเลย ไม่เข้าถึงประชาชน ทำให้ไม่มีศักยภาพในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนนั่นเอง” นายสุมิตร กล่าว

ด้าน นายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องการเจรจานี้ ว่า รัฐบาลได้ร่วมเจรจาถึงปัญหาความไม่สงบที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงไม่อยากเสนอความคิดเห็นเนื่องจากจะมีผลกระทบตามมา รวมถึงเรื่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัด หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไปแล้ว แต่ตนอยากจะให้เห็นชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งก่อนแล้วค่อยเสนอความคิดเห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น