xs
xsm
sm
md
lg

เป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ในฐานะลูกจีนคนหนึ่งที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร คงไม่มีใครนึกว่า วันหนึ่ง เต็กเชียง แซ่เบ๊ จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้

กระทั่งเวลาต่อมาทำเนียบผู้นำของประเทศนี้ก็ได้จารึกไว้แล้วว่า นายเต็กเชียง แซ่เบ๊ หรือบรรหาร ศิลปอาชา คือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 21 และเป็นคณะรัฐมนตรี คณะที่ 51 ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม 2538 - 24 พฤศจิกายน 2539

การเอ่ยชื่อ "เต็กเชียง แซ่เบ๊" มิได้หมายถึงการหมิ่นแคลนชาติตระกูลก่อนเป็น "บรรหาร ศิลปอาชา"ของคนโตตัวเล็กแห่งเมืองสุพรรณบุรี เพียงแต่ต้องการชื่นชมและให้เห็นถึงความวิริยะอุตสาหะของคนห้าสั้น นายกรัฐมนตรีแห่งสยามประเทศ ที่มาของฉายาว่า เติ้งเสี่ยวหาร แท้จริงแล้ว มาจากลูกหลานคนจีนที่เคยแบกเสื่อผืนหมอนใบเข้ามาตั้งรกรากบนแผ่นดินแห่งนี้

และไม่ใช่เรื่องหมิ่นแคลนแน่นอน เพราะว่าไปแล้วบรรพบุรุษของผมเองก็มาจากเมืองซินอุ้ย กว่างตง อพยพตัวเองมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเช่นเดียวกัน

บทความเรื่อง "มังกรยักษ์ ศาลหลักเมืองสุพรรณ"ของ จารึก รังเจริญ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน เล่าเรื่อง ของเต็กเชียง แซ่เบ๊ ไว้ว่า
.............

"วันที่ 11 พฤศจิกายน 2492 ชายหนุ่มชาวจีนตัวเล็กลูกจ้างส่งของทั่วไป อายุ 17 ปี นาม "เต็กเชียง แซ่เบ๊" ปัจจุบันคือ "นายบรรหาร ศิลปอาชา" ได้เล่าถึงเสี้ยวของชีวิตที่เป็นเด็กสุพรรณบุรี ว่า ได้ไปสักการะและตั้งจิตอธิษฐานบนบานศาลกล่าว ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อหางานทำ

สองมือของเต็กเชียงพนมก้มกราบไหว้ขอพรและตั้งจิตอธิษฐาน

"หากไปอยู่กรุงเทพฯ ไปทำงานจนมีความเจริญรุ่งเรือง มีฐานะดี จะกลับมาสร้างศาลเจ้าถวายเจ้าพ่อหลักเมืองนี้ให้ใหญ่โต สวยสง่าราศีรวมทั้งจะไม่ลืมบ้านเกิดเป็นอันขาด"

..................

ว่ากันว่า หลังเข้ามากรุงเทพฯ บรรหารทำมาหากินด้วยความอดทนวิ่งเข้ามาหาคนใหญ่คนโตในหน่วยงานราชการ ได้งานวางท่อประปา ขายสารส้มให้การประปา ผูกขาดเจ้าเดียวในประเทศ ตั้งแต่ก่อตั้งการประปา ในยุคที่จอมพลประภาส จารุเสถียร ยังเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในบ้านเมือง

บริษัทของบรรหารรับเหมาผูกขาดตัดถนน ในนามบริษัทสี่แสงการโยธา กลายเป็นขาใหญ่ที่ยึดงานกรมโยธาธิการ และ กรมทางหลวง จนเติบใหญ่ร่ำรวย

บริษัทสี่แสงการโยธา ที่บรรหาร เป็นผู้ก่อตั้ง ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ ตระกูลวงศ์จิโรจน์กุล เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รับเหมาสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านในนามของ กลุ่มบริษัท NVPSKG และบ่อบำบัดน้ำเสียแห่งนี้นี่เองที่กลายเป็นมหากาพย์ของการคอร์รัปชันในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนพูดถึงเขาในแง่ดี ว่า เขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เลวคนหนึ่ง

หลังจากบรรหารยึดเอาพรรคชาติไทยมาจากตระกูลขุนนางซอยราชครู ไม่มีใครคิดว่าเขาจะพาพรรคไปรอด แต่สุดท้ายบรรหารก็สามารถนำพาพรรคจนประสบความสำเร็จกลายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจนได้ แม้ว่า พรรคชาติไทยจะได้รับฉายาว่า "ปลาไหล"ก็ตามที

ปลาไหลที่หมายถึง ปลาน้ำจืด ซึ่งมีรูปร่างยาวคล้ายงู มีเมือกป้องกันตัวแทนทำให้จับได้ยาก ชอบอาศัยอยู่บริเวณที่เป็นโคลนเลน กินรากไม้เน่าและซากสิ่งมีชีวิตที่เน่าเปื่อยเป็นอาหาร

ว่ากันว่า บรรหารเจ็บปวดทุกครั้งที่ถูกเรียกว่า พรรคปลาไหล

นอกเหนือจากพรรคปลาไหลแล้ว หลายคนคงจะจำวลีประวัติศาสตร์ที่ออกมาจากฝีปากของมังกรสุพรรณคนนี้ที่เคยพูดว่า "เป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง"

แม้ว่าระยะหลัง ด้วยพฤติกรรมและคุณงามความดีของบรรหารและพรรคชาติไทยในหลายกรรมหลายวาระ เกือบจะทำให้ลืมเลือนฉายาและวลีนี้ไปแล้ว

บรรหารเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้เกิดการปฏิรูปการเมือง จนกระทั่งเรามีรัฐธรรมนูญ 2540 ที่หลายคนเชื่อว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดที่เคยมีมาในยุคนั้น

บรรหารเป็นตัวจักรสำคัญคนหนึ่งในการยืนหยัดกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลทักษิณเอาเปรียบด้วยการยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งในระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นการเลือกตั้งที่อัปลักษณ์ที่สุดของประเทศ

ตอนนั้นหลายคนคิดว่าบรรหารเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ใช่ปลาไหลอีกต่อไป เขาน่าจะละทิ้งความคิดที่ว่า เป็นพรรคฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้งไปแล้ว ที่สำคัญเขาน่าจะพอเพียงสำหรับคนคนหนึ่งในชีวิตที่เคยไต่เต้าขึ้นไปสู่จุดสุดยอดของชีวิตนักการเมืองแล้ว และเขาน่าจะสร้างที่ยืนที่งดงามให้กับลูกหลานของเขาในอนาคต

ลูกๆ ของบรรหารโดยเฉพาะกัญจนา ศิลปอาชา มีบทบาทสำคัญ และมีจุดยืนทางการเมืองที่มั่นคง เป็นภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่น่ายกย่องนับถือ

ก่อนการเลือกตั้งบรรหารแสดงจุดยืน ชัดเจนว่า ไม่นับเป็นพี่เป็นน้องกับทักษิณอีกต่อไป

หลังทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ บรรหารทำตัวราวกับเป็นโฆษกของ คมช. เขาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาลทักษิณอย่างรุนแรง รวมทั้งประกาศว่า เขาจะไม่ทำให้ผู้มีพระคุณที่นับถือมา 30 ปี ต้องผิดหวัง กระทั่งถูกเครือข่ายของระบอบทักษิณทั้งเว็บไซต์ สิ่งพิมพ์ และวิทยุ โจมตีอย่างหนัก

ใครก็รู้ว่า ผู้มีพระคุณของบรรหารเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งกลายเป็นเป้าที่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณออกมาโจมตีท่านอย่างสาดเสียเทเสีย แม้กระทั่งทักษิณก็ยังเอ่ยชื่อกับคนที่สนับสนุนเขาว่า เบื้องหลังในการโค่นล้มเขา คือ พล.อ.เปรม

ไม่มีใครนึกว่า บรรหารจะไปร่วมสังฆกรรมกับทักษิณอีก

แต่พอเลือกตั้งเสร็จพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง บรรหารก็ออกลีลา

ในขณะที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับกล่าวหาเขาว่า เป็นเพียงลีลาเพื่อต่อรองตำแหน่งทางการเมือง ตอนนั้นบรรหารโกรธมาก เขาตอบโต้กับนักข่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ต่อมาเขาก็พยายามสร้างความชอบธรรมในการเข้าร่วมรัฐบาลด้วยข้อเสนอต่างๆ ที่พรรคพลังประชาชนต้องปฏิบัติตาม 1 ในนั้นคือ ต้องแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ล่วงเกิน พล.อ.เปรม

พรรคพลังประชาชนตอบรับทุกข้อยกเว้นกรณีของ พล.อ.เปรมที่ตอบคำถามบ่ายเบี่ยงทำนองว่า องคมนตรีทุกท่านจึงต้องอยู่ในสถานะที่สูงกว่าทางการเมือง และจะต้องเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด ทุกพรรคการเมืองจะต้องให้ความเคารพคณะองคมนตรี ไม่แต่เฉพาะ พล.อ.เปรมเท่านั้น ยังรวมไปถึงองคมนตรีทุกท่าน ซึ่งพรรคให้ความเคารพ พล.อ.เปรมและองคมนตรีทุกท่าน และจะไม่ยอมให้ใครนำสถาบันองคมนตรีไปกล่าวอ้างในทางที่มิชอบโดยเด็ดขาด

แต่ความจริงก็คือ ความจริง

เพราะหลังจากนั้นมีเสียงทักษิณมาจากฮ่องกงว่า รัฐบาลของพลังประชาชนมีเสียง 315 เสียง ซึ่งเป็นคำตอบว่า บรรหารตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลไปตั้งนานแล้ว

และเป็นคำตอบว่า ปลาไหล ก็คือ ปลาไหล ไม่อาจเป็นมังกรไปได้ และความคิดที่ว่า "เป็นฝ่ายค้านแล้วอดอยากปากแห้ง" ฝังลึกอยู่ในใจคนชื่อ เต็กเชียง แซ่เบ๊ ตั้งแต่บนบานศาลหลักเมืองสุพรรณเมื่ออายุ 17 ปีนั่นแล้ว.

........
ภาพเหตุการณ์ที่โรงแรมโฟร์ซีซัน ออสเตรเลีย

กำลังโหลดความคิดเห็น