“ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่งานฝากขังทั่วไป ศาลอาญาเป็นครั้งสุดท้าย ในคดีร่วมกันปลุกระดมปชช. ให้เกิดความกระด้างกระเดื่องมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง หลังได้รับประกันตัว
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 08.00 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันปลุกระดมประชาชนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เดินทางเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่งานฝากขังทั่วไป ของศาลอาญารัชดาเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากที่ได้รับการประกันตัวในคดีดังกล่าว ซึ่งศาลอนุญาตพนักงานสอบสวน ฝากขังผู้ต้องหาได้เป็นเวลา 3 ผลัด ต่อมาพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณา แต่พนักงานอัยการไม่สามารถพิจารณาเอกสารสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทัน พร้อมเลื่อนสั่งคดีไปเป็นวันที่ 21 ม.ค.52 เวลา 10.00 น. จึงต้องปล่อยตัวไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังมีพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาอีกราย ที่จะครบกำหนดฝากขังผลัดสุดท้ายและมีกำหนดรายงานตัวในวันที่ 24 พ.ย.นี้เช่นกัน
ทั้งนี้ นายไชยวัฒน์ถูกตำรวจจับกุมได้ขณะออกเดินทางจากบ้าน นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ภายในซอยราชครู ถนนพระราม 6 ขณะขับรถยนต์ขึ้นทางหลวงพระราม 6 เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมาในข้อหากบฏและข้อหาอื่นรวม 5 ข้อหา ซึ่งต่อมาศาลมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับในข้อหากบฏและข้อหาอื่นออกถึง 3 ข้อหา
ด้านนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ซึ่งรับผิดชอบสำนวน 9 พันธมิตร ฯ ตกเป็นผู้ต้องหาคดีมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ฯ กล่าวว่า คดีนี้อัยการฝ่ายคดีอาญา 5 นัดฟังคำสั่งคดีวันที่ 21 ม.ค.52 เวลา 10.00 น. อย่างไรก็ดีในการพิจารณาสำนวน ตน และคณะทำงานอัยการ ตรวจสอบแล้ว เห็นว่า สำนวนที่พนักงานสอบสวนยังไม่เรียบร้อยสมบูรณ์ครบถ้วน เช่น แผ่นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ที่ส่งมาให้อัยการพร้อมสำนวน ส่งมาเป็นชุดซึ่งมีกว่า 100 แผ่น แต่ไม่มีการระบุรายละเอียดพฤติการณ์ที่ปรากฏในวีซีดี อัยการจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนไปทำการถอดข้อความจากแผ่นวีซีดีส่งกลับมาให้อัยการเพื่อจะนำมาพิจารณาประกอบการใช้ดุลพินิจสั่งคดีต่อไป
นายกายสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อัยการยังตอบไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงในคดีจะปรากฏอย่างไร ซึ่งอัยการจะตรวจสำนวนอย่างรอบคอบในทุกข้อหาว่าพยานหลักฐานที่มี จะเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ อย่างไรก็ดีหากสำนวนพยานหลักฐานที่ปรากฏพบว่าพฤติการณ์จะเข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาอื่นด้วย เช่น กบฏ อัยการก็สามารถให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้เพราะในชั้นนี้ถือว่ายังไม่สิ้นสุดกระบวนการสอบสวน
"ส่วนที่อัยการยังไม่สามารถสั่งคดีในส่วนของนายไชยวัฒน์ ได้ทันในกำหนดฝากขังและศาลต้องสั่งปล่อยตัวไป ขณะที่ในส่วนของ พล.ต.จำลอง จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายวันที่ 24 พ.ย.นี้ เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตร ฯ ที่เหลืออีก 7 คน แล้วจะกระทบต่อการดำเนินคดีหรือไม่ นายกายสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่กระทบซึ่งคดีมีอายุความ 10 ปี โดยข้อหาที่มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคดีนี้มีอัตราโทษที่ให้พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขังตามกฎหมายได้ 4 ผลัด ๆ ละ 12 วัน ดังนั้นเมื่ออัยการสั่งคดีไม่ทันก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหา แต่เมื่อถึงกำหนดสั่งคดีที่อัยการนัดไว้แล้ววันที่ 21 ม.ค.52 ก็จะแจ้งให้ผู้ต้องหามารับทราบคำสั่ง ซึ่งผู้ต้อหางต่างมีชื่อเสียงจึงคิดว่าจะไม่หลบหนีไปไหน"อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญากล่าว