ผู้จัดการรายวัน - ส.อ.ท.รวบรวมข้อเสนอแนะด้านเศรษฐกิจต่อรัฐบาลชุดใหม่ มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง แม้ว่ารัฐบาลผสมกว่าจะวางกรอบนโยบายเศรษฐกิจเสร็จก็เข้าสู่ไตรมาส 2 ปีนี้
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้รวบรวมข้อเสนอแนะด้านนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมที่จะเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ทันที ซึ่งข้อเสนอแนะด้านการลงทุน รัฐบาลควรเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเร่งสร้างความมั่นใจในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และต้องเร่งส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนในต่างประเทศ การจัดตั้งกองทุนในรูปเงินตราสหรัฐเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ
ส่วนข้อเสนอแนะด้านภาษีนั้น ขอให้ยกเลิกนโยบายการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ให้มีการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเป็นรายอุตสาหกรรม เพราะการที่กระทรวงการคลังได้แบ่งกลุ่มสินค้าตามโครงสร้างการผลิตออกเป็น 3 ขั้น ได้แก่ วัตถุดิบ สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และสินค้าสำเร็จรูป ซึ่ง ส.อ.ท.เห็นว่าการดำเนินการปรับโครงสร้างฯ เป็นรายสาขาอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความลักลั่นของอัตราอากรในกรอบอัตราอากรทั่วไประหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมและการลดภาษีภายใต้กรอบเจรจาการค้าต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากมลภาวะหรือมลพิษที่มีผลกระทบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต เนื่องจากมีหลายหน่วยงานการจัดเก็บภาษีจากสินค้าและสิ่งแวดล้อม
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2551 น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว โดยจีดีพีน่าจะขยายตัวประมาณ 4.0-5.0% เนื่องจากรัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลผสม จึงทำให้คาดว่าในไตรมาสที่ 2 ครม.ใหม่จึงจะร่วมวางกรอบนโยบายเศรษฐกิจให้เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนั้นไตรมาสที่ 3 น่าจะเห็นนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น จากปัญหาเเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว เงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อเงินเฟ้อของไทย จึงมีผลต่อเศรษฐกิจไทย แต่หากประเมินปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเทียบคู่แข่งในภูมิภาคนี้ ยังถือว่าไทยมีศักยภาพแข่งขันอยู่ในระดับต้นๆของภูมิภาคนี้
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้รวบรวมข้อเสนอแนะด้านนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมที่จะเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ทันที ซึ่งข้อเสนอแนะด้านการลงทุน รัฐบาลควรเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเร่งสร้างความมั่นใจในการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และต้องเร่งส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนในต่างประเทศ การจัดตั้งกองทุนในรูปเงินตราสหรัฐเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ
ส่วนข้อเสนอแนะด้านภาษีนั้น ขอให้ยกเลิกนโยบายการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ให้มีการปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเป็นรายอุตสาหกรรม เพราะการที่กระทรวงการคลังได้แบ่งกลุ่มสินค้าตามโครงสร้างการผลิตออกเป็น 3 ขั้น ได้แก่ วัตถุดิบ สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และสินค้าสำเร็จรูป ซึ่ง ส.อ.ท.เห็นว่าการดำเนินการปรับโครงสร้างฯ เป็นรายสาขาอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความลักลั่นของอัตราอากรในกรอบอัตราอากรทั่วไประหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมและการลดภาษีภายใต้กรอบเจรจาการค้าต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากมลภาวะหรือมลพิษที่มีผลกระทบต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต เนื่องจากมีหลายหน่วยงานการจัดเก็บภาษีจากสินค้าและสิ่งแวดล้อม
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2551 น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว โดยจีดีพีน่าจะขยายตัวประมาณ 4.0-5.0% เนื่องจากรัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลผสม จึงทำให้คาดว่าในไตรมาสที่ 2 ครม.ใหม่จึงจะร่วมวางกรอบนโยบายเศรษฐกิจให้เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากนั้นไตรมาสที่ 3 น่าจะเห็นนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น จากปัญหาเเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว เงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลต่อเงินเฟ้อของไทย จึงมีผลต่อเศรษฐกิจไทย แต่หากประเมินปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเทียบคู่แข่งในภูมิภาคนี้ ยังถือว่าไทยมีศักยภาพแข่งขันอยู่ในระดับต้นๆของภูมิภาคนี้