เผยปี 2550 ผู้ประกอบการงัดกลยุทธ์เด็ด “เดย์แอนด์ไทม์มาร์เก็ตติ้ง” เข้าสู้ภาวะเศรษฐกิจซบ เสริมกลยุทธ์หลักอื่นๆ ชี้หลายธุรกิจสนใจแห่ใช้กันมากขึ้นในปีนี้ โฟกัสวันพุธมาร์เก็ตติ้ง พร้อมทั้ง บริการตลอด 24 ชั่วโมง คาดไม่ได้เพิ่มยอดขายมาก แต่ตอกย้ำแบรนด์ผู้นำตลาด
ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจที่ตกสะเก็ด เอาแน่เอานอนไม่ได้ รวมไปถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง หรือมีแต่ไม่ใช้จ่าย ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยไม่คึกคัก
ผู้ประกอบการต่างสรรหาสารพัดกลยุทธ์มาใช้กระตุ้นตลาด และที่เห็นมาแรงในปีนี้คือ “เดย์แอนด์ไทม์มาร์เก็ตติ้ง” โดยใช้วันและเวลามาเป็นตัวชูโรง คือ วันพุธมาร์เก็ตติ้งและการบริการ แบบมิดไนท์
**การตลาดวันพุธ/เว้นส์เดย์มาร์เก็ตติ้ง
“WEDNESDAY MARKETING” หรือ การตลาดวันพุธ/เว้นส์เดย์มาร์เก็ตติ้ง อาวุธใหม่ที่ธุรกิจการตลาดหลายค่ายเริ่มนำมาใช้อย่างจริงจังและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดเฉพาะวันพุธนี้ เคยมีเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เป็นอาวุธสำคัญมากนัก
ทว่าในปีนี้ เห็นได้ชัดคือ ในช่วงกลางสัปดาห์ หรือที่เรียกว่า วีคเดย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันพุธ จะเป็นช่วงที่เรียกว่า สุญญากาศ จริงๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้บริโภคจะจับจ่ายใช้สอยมากๆในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้วันพุธกลายเป็นช่องว่างในการทำตลาดของธุรกิจต่างๆ
ถึงวันนี้ หลายธุรกิจ นำเอาวันพุธมาร์เก็ตติ้งมาใช้เป็นตัวดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้นแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทางด้านธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร และได้ผลเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ร้านเอสแอนด์พี หรือจัสโก้ซูเปอร์มาร์เก็ต
ปีนี้เป็นปีแรกที่จัสโก้ทำแคมเปญ วันพุธมาร์เก็ตติ้ง โดยมีโปรโมชั่น แคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักประจำอยู่แล้ว ในย่านบริเวณใกล้เคียงกับที่ตั้งโครงการแต่ละสาขา ซึ่งผลปรากฏว่า ได้รับความสำเร็จพอสมควร เพราะสามารถเพิ่มยอดขายในช่วงวันพุธได้มากขึ้นกว่าเดิมที่ไม่ได้ทำแคมเปญ
ค่ายศูนย์การค้าเซ็นทรัลก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่งัดกลยุทธ์วันพุธมาร์เก็ตติ้งในปีนี้ชัดเจน เพื่อต้องการที่จะกระตุ้นยอดขาย การจับจ่ายในช่วงกลางสัปดาห์ให้มากขึ้น โดยการส่งแคมเปญ “CentralPlaza Wonderful Weekday Special 2007” ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ และเน้นการทำตลาดเฉพาะวันพุธด้วย ในแคมเปญ “CentralPlaza Wonderful Weekday Special 2007”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า การทำตลาดแบบนี้ เพื่อที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้คนเดินเข้าศูนย์การค้ามากขึ้น เพราะปรกติวันทำงานจะมีแต่คนทำงานเท่านั้นที่มาเดินเป็นจำนวนมาก ส่วนการจับจ่ายจะไม่มากเท่ากับวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นการทำตลาดแบบนี้จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายได้
ทั้งนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณคนเดินเข้าศูนย์ฯ 10-15% รวมทั้ง 9 สาขา ซึ่งที่ผ่านมาสำเร็จตามเป้าหมาย จากปกติวันจันทร์-วันศุกร์ จะมีปริมาณทราฟฟิกประมาณ 900,000 คนต่อวันทุกสาขารวมกัน ขณะที่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นั้น จะมีปริมาณทราฟฟิกเฉลี่ย 1.2 ล้านคนต่อวัน ทั้ง 9 สาขารวมกัน พร้อมกับยอดขายที่คาดหวังจะเพิ่มมากกว่า 20%
ธุรกิจร้านอาหารอย่างเครือเอสแอนด์พีซึ่งใช้กลยุทธ์ลดราคาประจำวันมานานแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ อังคาร พุธ สลับเปลี่ยนไปมาแต่ละปี ซึ่งปีนี้กลยุทธ์ วันพุธ มาร์เก็ตติ้ง ใช้แคมเปญลดราคาวันพุธ 20% สำหรับเครื่องดื่มและเบเกอรี่กับร้านเอสแอนด์พีทุกสาขา แต่หากเป็นสมาชิกก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% ด้วย หากมาใช้บริการในวันพุธ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวสิ้นสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ส่วนโปรโมชั่นจากนั้นหากลูกค้ามาซื้อสินค้าเครื่องดื่มและเบเกอรี่ทุกวันจันทร์โดยใส่เสื้อเหลืองมาซื้อก็จะได้รับส่วนลด 20%
***เปิดถึงเที่ยงคืนยัน24ชั่วโมง
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่มีการทำอย่างมากในปีนี้คือ การขยายช่วงเวลาในการบริการไปถึงเที่ยงคืนหรือแม้แต่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงเลยก็เกิดขึ้นมาแล้วด้วยหลายสาเหตุ ที่แตกต่างกันไปทั้งต้องการเพิ่มยอดขายแม้ว่าจะได้ไม่มาก หรือต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นผู้นำด้านการบริการ ขณะเดียวกันก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาในช่วงเวลาปรกติ
ผู้ประกอบการที่งัดกลยุทธ์นี้มีหลายราย แต่คงยกเป็นตัวอย่างได้บางราย เพราะไม่สามารถจะนำเสนอได้ทั้งหมด เช่นกรณีของ โรงพยาบาลบางแห่งเช่น โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ก็ใช้วิธีเปิดการบริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเช่น กุมารแพทย์ อายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ เป็นต้น ส่วนโรงพยาบาลเจ้าพระยาก็เปิดบริการ 24 ชั่วโมงสำหรับศูนย์หัวใจ ศูนย์กุมารเวช ศูนย์จักษุ และในปีหน้าเตรียมที่จะขยายการบริการเปิด 24 ชั่วโมงออกไปในส่วนของศูนย์ทันตกรรม ความงาม และจิตเวชอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลเวชธานีเปิดบริการมิดไนท์คลินิก แต่เปิดบริการถึงเที่ยงคืนสำหรับแพทย์เฉพาะทางที่โอพีดี สูติ-นรีเวช และยังเปิดเปิดบริการ 24 ชั่วโมงสำหรับ แผนกอายุรกรรมที่ แผนกสูตินรีเวช ศัลยกรรม
ปรกติก็จะปิดบริการตามเวลาทำการทั่วไป แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะจะช่วยแก้ปัญหาให้กับคนทำงานบริษัทที่ไม่สามารถมารักษาหรือตรวจเช็คร่างกายได้ในช่วงเวลาทำงาน เนื่องจากการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการใช้บริการจำนวนมาก ติดปัญหาเรื่องของเวลาการทำงาน ทั้งที่ต้องการจะมา แต่ก็ไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้สะดวก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
หรือแม้แต่ธุรกิจฟาสต์ฟู้ด แบรนด์ดังก็เคลื่อนไหวน่าจับตา อย่างเช่น เดอะพิซซ่า คอมปะนี ก็ได้ขยายบริการรูปแบบดีลิเวอรี่เพิ่มมากขึ้น ภายใต้หมายเลขโทรศัพท์ 1112 โดยจะขยายช่วงเวลาออกไปเริ่มตั้งแต่ 10.00 – 24.00น. ซึ่งเพิ่มเติมจากเดิมที่ให้บริการ 10.00 ถึง 22.00 น. เท่านั้น
ขณะที่แมคโดนัลด์ ซึ่งแหวกแนวด้วยการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ทำหมดทุกสาขา ซึ่งเริ่มทดลองในช่วงแรกประมาณ 20 กว่าสาขาก่อน โดยเลือกเอาสาขาที่ตั้งอยู่สแตนด์อโลนหรือสาขาที่สามารถเปิดได้เพราะส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์การค้าจะติดเรื่องเวลาเปิดปิดของศูนย์และอาคารนั้นๆ จึงต้องขึ้นอยู่กับทำเล โดยที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงไปแล้วเช่น สาขาในปั๊มเอสโซ่บางนา-ตราด สาขาในปั๊มเอสโซ่พระรามสี่ สาขาอัมรินทร์พลาซ่า สาขาโรบินสันสุขุมวิท เป็นต้น
ทั้งนี้แมคโดนัลด์มองว่า ในช่วงเวลากลางคืนยังมีกลุ่มเป้าหมายบางส่วนที่ยังต้องการทานอาหารประเภทนี้เพื่อความสะดวก หรือบางครั้งก็หาอาหารทานไม่ค่อยได้เพราะร้านต่างๆปิดบริการหมดแล้ว โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยวหรือที่มีคนต่างชาติอาศัยจำนวนมาก เช่น สุขุมวิท สีลม เป็นต้น ถือได้ว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูงขณะที่อาหารพิซซ่า เช่น แบรนด์ ก็มีการขยายระยะเวลาการให้บริการดีลิเวอรี่ออกไปถึง 24.00 น.หรือเที่ยงคืน จากเดิมจะบริการถึงแค่ประมาณ 3-4 ทุ่มเท่านั้นเอง
ผลิตภัณฑ์ ดีเอชซี ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เข้ามาอยู่ในกลยุทธ์แบบนี้ด้วยเช่นกัน นายวิศาล เมฆสมณะศักดิ์ รอประธาน-ปฎิบัติการ บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ทางดีเอชซีได้เตรียมพร้อมรับมือกับยอดการสั่งซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมากของลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยปัจจุบันได้พัฒนาระบบ ไอวีอาร์ /IVR ( Intereactive Voice Record) พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ด้วยระบบนี้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อด้วยตัวเองอย่างสะดวก ตามเวลาที่ต้องการ เพื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดีเอชซีเป็นของขวัญตลอด 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้ายได้ 20%
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการใช้กลยุทธ์นี้ก็คือ เรื่องของต้นทุน เพราะหากเป็นร้านค้าก็ต้องมีต้นทุนด้านค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรงงานพนักงาน เพิ่มเข้ามา ตรงนี้ที่ต้องคำนวนให้รอบคอบ ว่าคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนหรือทำอย่างไรไม่ให้กระทบมากเกินไป
กลยุทธ์แบบนี้ แม้ว่ายอดขายจะไม่ได้กอบโกยอะไรมากมาย หรือเพียงแค่จุดคุ้มทุนเท่านั้น ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงต้องทำทุกวิถีทางนอกจาก ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นที่หลากหลายแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ได้ก็คือ ภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำทางด้านบริการ หรือการตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นท็อปส์ออฟมายด์ให้ได้ เพราะความแตกต่างด้านบริการนั่นเอง
ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจที่ตกสะเก็ด เอาแน่เอานอนไม่ได้ รวมไปถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง หรือมีแต่ไม่ใช้จ่าย ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยไม่คึกคัก
ผู้ประกอบการต่างสรรหาสารพัดกลยุทธ์มาใช้กระตุ้นตลาด และที่เห็นมาแรงในปีนี้คือ “เดย์แอนด์ไทม์มาร์เก็ตติ้ง” โดยใช้วันและเวลามาเป็นตัวชูโรง คือ วันพุธมาร์เก็ตติ้งและการบริการ แบบมิดไนท์
**การตลาดวันพุธ/เว้นส์เดย์มาร์เก็ตติ้ง
“WEDNESDAY MARKETING” หรือ การตลาดวันพุธ/เว้นส์เดย์มาร์เก็ตติ้ง อาวุธใหม่ที่ธุรกิจการตลาดหลายค่ายเริ่มนำมาใช้อย่างจริงจังและเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดเฉพาะวันพุธนี้ เคยมีเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เป็นอาวุธสำคัญมากนัก
ทว่าในปีนี้ เห็นได้ชัดคือ ในช่วงกลางสัปดาห์ หรือที่เรียกว่า วีคเดย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันพุธ จะเป็นช่วงที่เรียกว่า สุญญากาศ จริงๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้บริโภคจะจับจ่ายใช้สอยมากๆในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้วันพุธกลายเป็นช่องว่างในการทำตลาดของธุรกิจต่างๆ
ถึงวันนี้ หลายธุรกิจ นำเอาวันพุธมาร์เก็ตติ้งมาใช้เป็นตัวดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้นแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทางด้านธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร และได้ผลเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ร้านเอสแอนด์พี หรือจัสโก้ซูเปอร์มาร์เก็ต
ปีนี้เป็นปีแรกที่จัสโก้ทำแคมเปญ วันพุธมาร์เก็ตติ้ง โดยมีโปรโมชั่น แคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักประจำอยู่แล้ว ในย่านบริเวณใกล้เคียงกับที่ตั้งโครงการแต่ละสาขา ซึ่งผลปรากฏว่า ได้รับความสำเร็จพอสมควร เพราะสามารถเพิ่มยอดขายในช่วงวันพุธได้มากขึ้นกว่าเดิมที่ไม่ได้ทำแคมเปญ
ค่ายศูนย์การค้าเซ็นทรัลก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่งัดกลยุทธ์วันพุธมาร์เก็ตติ้งในปีนี้ชัดเจน เพื่อต้องการที่จะกระตุ้นยอดขาย การจับจ่ายในช่วงกลางสัปดาห์ให้มากขึ้น โดยการส่งแคมเปญ “CentralPlaza Wonderful Weekday Special 2007” ที่ได้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ และเน้นการทำตลาดเฉพาะวันพุธด้วย ในแคมเปญ “CentralPlaza Wonderful Weekday Special 2007”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า การทำตลาดแบบนี้ เพื่อที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้คนเดินเข้าศูนย์การค้ามากขึ้น เพราะปรกติวันทำงานจะมีแต่คนทำงานเท่านั้นที่มาเดินเป็นจำนวนมาก ส่วนการจับจ่ายจะไม่มากเท่ากับวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นการทำตลาดแบบนี้จะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายได้
ทั้งนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณคนเดินเข้าศูนย์ฯ 10-15% รวมทั้ง 9 สาขา ซึ่งที่ผ่านมาสำเร็จตามเป้าหมาย จากปกติวันจันทร์-วันศุกร์ จะมีปริมาณทราฟฟิกประมาณ 900,000 คนต่อวันทุกสาขารวมกัน ขณะที่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นั้น จะมีปริมาณทราฟฟิกเฉลี่ย 1.2 ล้านคนต่อวัน ทั้ง 9 สาขารวมกัน พร้อมกับยอดขายที่คาดหวังจะเพิ่มมากกว่า 20%
ธุรกิจร้านอาหารอย่างเครือเอสแอนด์พีซึ่งใช้กลยุทธ์ลดราคาประจำวันมานานแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ อังคาร พุธ สลับเปลี่ยนไปมาแต่ละปี ซึ่งปีนี้กลยุทธ์ วันพุธ มาร์เก็ตติ้ง ใช้แคมเปญลดราคาวันพุธ 20% สำหรับเครื่องดื่มและเบเกอรี่กับร้านเอสแอนด์พีทุกสาขา แต่หากเป็นสมาชิกก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% ด้วย หากมาใช้บริการในวันพุธ ซึ่งแคมเปญดังกล่าวสิ้นสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ส่วนโปรโมชั่นจากนั้นหากลูกค้ามาซื้อสินค้าเครื่องดื่มและเบเกอรี่ทุกวันจันทร์โดยใส่เสื้อเหลืองมาซื้อก็จะได้รับส่วนลด 20%
***เปิดถึงเที่ยงคืนยัน24ชั่วโมง
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่มีการทำอย่างมากในปีนี้คือ การขยายช่วงเวลาในการบริการไปถึงเที่ยงคืนหรือแม้แต่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงเลยก็เกิดขึ้นมาแล้วด้วยหลายสาเหตุ ที่แตกต่างกันไปทั้งต้องการเพิ่มยอดขายแม้ว่าจะได้ไม่มาก หรือต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นผู้นำด้านการบริการ ขณะเดียวกันก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาในช่วงเวลาปรกติ
ผู้ประกอบการที่งัดกลยุทธ์นี้มีหลายราย แต่คงยกเป็นตัวอย่างได้บางราย เพราะไม่สามารถจะนำเสนอได้ทั้งหมด เช่นกรณีของ โรงพยาบาลบางแห่งเช่น โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ก็ใช้วิธีเปิดการบริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเช่น กุมารแพทย์ อายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ เป็นต้น ส่วนโรงพยาบาลเจ้าพระยาก็เปิดบริการ 24 ชั่วโมงสำหรับศูนย์หัวใจ ศูนย์กุมารเวช ศูนย์จักษุ และในปีหน้าเตรียมที่จะขยายการบริการเปิด 24 ชั่วโมงออกไปในส่วนของศูนย์ทันตกรรม ความงาม และจิตเวชอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลเวชธานีเปิดบริการมิดไนท์คลินิก แต่เปิดบริการถึงเที่ยงคืนสำหรับแพทย์เฉพาะทางที่โอพีดี สูติ-นรีเวช และยังเปิดเปิดบริการ 24 ชั่วโมงสำหรับ แผนกอายุรกรรมที่ แผนกสูตินรีเวช ศัลยกรรม
ปรกติก็จะปิดบริการตามเวลาทำการทั่วไป แต่ที่ทำเช่นนี้เพราะจะช่วยแก้ปัญหาให้กับคนทำงานบริษัทที่ไม่สามารถมารักษาหรือตรวจเช็คร่างกายได้ในช่วงเวลาทำงาน เนื่องจากการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการใช้บริการจำนวนมาก ติดปัญหาเรื่องของเวลาการทำงาน ทั้งที่ต้องการจะมา แต่ก็ไม่สามารถมาโรงพยาบาลได้สะดวก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี
หรือแม้แต่ธุรกิจฟาสต์ฟู้ด แบรนด์ดังก็เคลื่อนไหวน่าจับตา อย่างเช่น เดอะพิซซ่า คอมปะนี ก็ได้ขยายบริการรูปแบบดีลิเวอรี่เพิ่มมากขึ้น ภายใต้หมายเลขโทรศัพท์ 1112 โดยจะขยายช่วงเวลาออกไปเริ่มตั้งแต่ 10.00 – 24.00น. ซึ่งเพิ่มเติมจากเดิมที่ให้บริการ 10.00 ถึง 22.00 น. เท่านั้น
ขณะที่แมคโดนัลด์ ซึ่งแหวกแนวด้วยการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ทำหมดทุกสาขา ซึ่งเริ่มทดลองในช่วงแรกประมาณ 20 กว่าสาขาก่อน โดยเลือกเอาสาขาที่ตั้งอยู่สแตนด์อโลนหรือสาขาที่สามารถเปิดได้เพราะส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์การค้าจะติดเรื่องเวลาเปิดปิดของศูนย์และอาคารนั้นๆ จึงต้องขึ้นอยู่กับทำเล โดยที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมงไปแล้วเช่น สาขาในปั๊มเอสโซ่บางนา-ตราด สาขาในปั๊มเอสโซ่พระรามสี่ สาขาอัมรินทร์พลาซ่า สาขาโรบินสันสุขุมวิท เป็นต้น
ทั้งนี้แมคโดนัลด์มองว่า ในช่วงเวลากลางคืนยังมีกลุ่มเป้าหมายบางส่วนที่ยังต้องการทานอาหารประเภทนี้เพื่อความสะดวก หรือบางครั้งก็หาอาหารทานไม่ค่อยได้เพราะร้านต่างๆปิดบริการหมดแล้ว โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยวหรือที่มีคนต่างชาติอาศัยจำนวนมาก เช่น สุขุมวิท สีลม เป็นต้น ถือได้ว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูงขณะที่อาหารพิซซ่า เช่น แบรนด์ ก็มีการขยายระยะเวลาการให้บริการดีลิเวอรี่ออกไปถึง 24.00 น.หรือเที่ยงคืน จากเดิมจะบริการถึงแค่ประมาณ 3-4 ทุ่มเท่านั้นเอง
ผลิตภัณฑ์ ดีเอชซี ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เข้ามาอยู่ในกลยุทธ์แบบนี้ด้วยเช่นกัน นายวิศาล เมฆสมณะศักดิ์ รอประธาน-ปฎิบัติการ บริษัท ดีเอชซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ทางดีเอชซีได้เตรียมพร้อมรับมือกับยอดการสั่งซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมากของลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยปัจจุบันได้พัฒนาระบบ ไอวีอาร์ /IVR ( Intereactive Voice Record) พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ด้วยระบบนี้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อด้วยตัวเองอย่างสะดวก ตามเวลาที่ต้องการ เพื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดีเอชซีเป็นของขวัญตลอด 24 ชั่วโมง นับว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้ายได้ 20%
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการใช้กลยุทธ์นี้ก็คือ เรื่องของต้นทุน เพราะหากเป็นร้านค้าก็ต้องมีต้นทุนด้านค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรงงานพนักงาน เพิ่มเข้ามา ตรงนี้ที่ต้องคำนวนให้รอบคอบ ว่าคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนหรือทำอย่างไรไม่ให้กระทบมากเกินไป
กลยุทธ์แบบนี้ แม้ว่ายอดขายจะไม่ได้กอบโกยอะไรมากมาย หรือเพียงแค่จุดคุ้มทุนเท่านั้น ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงต้องทำทุกวิถีทางนอกจาก ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นที่หลากหลายแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ได้ก็คือ ภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำทางด้านบริการ หรือการตอกย้ำแบรนด์ให้เป็นท็อปส์ออฟมายด์ให้ได้ เพราะความแตกต่างด้านบริการนั่นเอง