ในที่สุด Apple ก็เปิดให้ผู้ใช้งาน iPhone ตั้งแต่ iPhone 11 ซีรีส์ จนถึง iPhone 16 ซีรีส์ ได้อัปเดตมาใช้งาน iOS 26 กันแล้ว ที่ในรอบนี้ ไม่ได้ใช้ iOS 19 ต่อเนื่องจาก iOS 18 แต่ปรับมาใช้ตัวเลขตามปีที่ระบบปฏิบัติการจะได้ใช้งานกันแทน พร้อมกับปรับดีไซน์ใหม่ Liquid Glass ใช้แล้วเหมือนได้ iPhone ใหม่มาใช้งานกัน
แน่นอน ว่าการปรับตัวเลขไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ iOS แต่ยังรวมถึง macOS 26, iPadOS 26, watchOS 26 และ tvOS 26 ที่ใช้ตัวเลขเดียวกันทั้งหมด และนับเป็นการปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ของ iOS ตั้งแต่การปรับครั้งล่าสุดใน iOS 7 หรือมากกว่าทศวรรษเลยทีเดียว
Liquid Glass ครอบกระจกใสในทุกมิติ
หัวใจสำคัญของ iOS 26 คือ "Liquid Glass" ภาษาการออกแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก visionOS ของ Apple Vision Pro โดยเปลี่ยนจากดีไซน์แบบเรียบ (Flat Design) ที่ใช้มานานกว่า 10 ปี มาเป็นอินเทอร์เฟซที่ดูเหมือน "แก้วโปร่งแสง" ที่มีความลึกและตอบสนองต่อแสงเงาได้อย่างสมจริง
ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอล็อก (Lock Screen) ที่สามารถปรับขนาดและตำแหน่งนาฬิกาและวิดเจ็ต เพื่อไม่ให้บดบังใบหน้าคนในภาพพื้นหลังได้ มาพร้อมเอฟเฟกต์ 3 มิติ (Spatial Scenes) ที่ทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวาเมื่อขยับเครื่อง ซึ่งสามารถแปลงรูปที่อยู่ในแอป Photos มาทำเอฟเฟกต์ได้เองด้วย
ถัดมาในหน้าจอหลัก ตัวไอคอนแอปถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดให้เหมือนทำจากแก้ว ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งได้ทั้งแบบสว่าง, มืด, ย้อมสี หรือแบบโปร่งใส (Clear) เช่นเดียวกับแถบไอคอนด้านล่างก็ดูลอยตัวขึ้นมาอย่างสวยงาม
ในส่วนของศูนย์ควบคุมและการแจ้งเตือน (Control Center & Notifications) มีการปรับโปร่งใสและนุ่มนวลขึ้น สามารถมองเห็นเนื้อหาด้านหลังได้ชัดเจน และภายในแอปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปหลักอย่าง Safari, Music, Photos ถูกปรับโฉมใหม่ แถบเมนูด้านล่างจะลอยอยู่เหนือเนื้อหาและหดตัวลงอัตโนมัติเมื่อเลื่อนจอลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การมองเห็นให้เต็มตา
แอปฯ กล้องเป็นอีกส่วนที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ปรับให้เลือก2 แท็บหลัก คือแท็บ "รูปภาพ" (Photo) และ "วิดีโอ" (Video) เพื่อให้สลับการทำงานพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว ส่วนโหมดอื่นๆ เช่น "ภาพถ่ายบุคคล" (Portrait), "พาโนรามา" (Pano), "ไทม์แลปส์" (Time-lapse) จะถูกย้ายไปอยู่ในเมนูที่สามารถเรียกขึ้นมาได้ด้วยการเลื่อนนิ้วที่แท็บแทน
นอกจากนี้ ในส่วนของแถบซูมและแถบปรับค่าแสง (Exposure) จะถูกออกแบบใหม่ให้เป็นวงแหวนโปร่งแสงสไตล์ Liquid Glass รวมถึงการแตะที่โหมดถ่ายภาพเพื่อเรียกการปรับตั้งค่าเพิ่มเติม ให้สามารถใช้งานกล้องด้วยมือเดียวอย่างสะดวกมากขึ้น
จัดการสายโทร. - ข้อความ ที่ไม่รู้จัก
ภายใน iOS 26 ยังได้เพิ่มเครื่องมือมาช่วยจัดการการรบกวนที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น Call Screening (คัดกรองสายเรียกเข้า) เมื่อมีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา จะไม่แจ้งเตือนในทันที หรือการที่ข้อความจากผู้ส่งที่ไม่รู้จักจะถูกกรองไปเก็บไว้ในโฟลเดอร์แยกโดยอัตโนมัติ ทำให้กล่องข้อความหลักของเราสะอาดและเป็นระเบียบ
อย่างไรก็ตามแอปฯ โทรศัพท์ (Phones) ยังมีการปรับดีไซน์หน้าแรกโดยรวมทั้งแถบผู้ติดต่อหลัก และสายที่ใช้งานล่าสุดเข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อให้สะดวกกับการใช้งานมากขึ้น ในจุดนี้ถ้าไม่ชินก็สามารถปรับกลับไปใช้เลย์เอาท์แบบเดิมได้
แต่ก็ยังน่าเสียดายที่ในไทย ยังไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์อย่าง กรอกสายโทรศัพท์อัตโนมัติ ที่จะรับโทรศัพท์เบอร์ที่ไม่รู้จักแทนเราแล้วแปลงถอดเสียงมาให้อ่านบนหน้าจอ เพื่อตัดสินใจว่าจะรับสายหรือไม่ หรือฟีเจอร์ผู้ช่วยรอสาย ที่จะเปิดใช้ระหว่างการโทรหาคอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้เตือนอีกครั้งระหว่างรอสาย
แอปใหม่ - อัปเกรดแอปฯ
ใน iOS 26 ยังมีแอปฯ ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง "Games" ที่มาแทนที่ Game Center เดิม สามารถดูความคืบหน้าของเกม, ค้นหาเกมใหม่ๆ ที่เพื่อนเล่น และแข่งขันทำคะแนนกันได้ รวมถึง แอป Preview แอปดูและแก้ไขไฟล์ PDF/รูปภาพสุดเก่งจาก macOS ถูกนำมาไว้บน iPhone เป็นครั้งแรก
ถัดมาในส่วนของ Apple Music มาพร้อมฟีเจอร์ AutoMix ที่ใช้ AI ช่วยผสมเพลงให้ต่อเนื่องกันเหมือนดีเจมืออาชีพ และ Lyrics Translation สำหรับแปลเนื้อเพลงภาษาต่างประเทศ ใน Maps จะเรียนรู้เส้นทางประจำของเราและแจ้งเตือนปัญหารถติดให้ทราบล่วงหน้า ก่อนที่เราจะเริ่มออกเดินทาง
ใครได้ไปต่อ? อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 26
สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ จะต้องเป็น iPhone 11 และ iPhone SE (รุ่นที่ 2) ขึ้นไป จนถึงรุ่นล่าสุดที่สามารถอัปเกรดมาเป็น iOS 26 ได้ ส่วนบางฟีเจอร์ของ Apple Intelligence อย่าง Live Translation จะสามารถใช้งานได้เฉพาะบน iPhone 15 Pro ขึ้นไป